Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Love Buddha
•
ติดตาม
21 พ.ย. 2021 เวลา 14:20 • ประวัติศาสตร์
มหาสุขาวตีวยูหสูตร
วรรค ๓๒ ชนมายุและโสมนัสเป็นอนันต์
สมเด็จพระผู้มีพระภาครับสั่งกับพระเมตไตรยโพธิสัตว์ เทพและมนุษย์ทั้งหลายว่า บรรดาสาวก โพธิสัตว์ในโลกธาตุของพระอมิตายุสอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นผู้มีบุญญาธิการแลปัญญาญาณที่มิอาจพรรณนาได้(หมดสิ้นและครบถ้วน) และสุขารมณ์อันประณีตวิเศษของโลกธาตุแห่งนั้นก็บริสุทธิ์ปานฉะนี้ จักเป็นเพราะกำลังแห่งความดีหรือกระไรที่ (สุขาวตีชนจัก) เกิดภาวนามรรคโดยตนเอง เข้าออก (สุขาวตีโลกธาตุ) เพื่อถวายสักการะ พิจารณาพระธรรมสูตรและดำเนินปฏิปทา ยินดีในการศึกษาที่ยาวนาน* มีปฏิภาณและปัญญาญาณล้ำเลิศ ในหทัยมิถดถอยลดละ ในดวงจิตมิเกียจคร้านหน่ายแหนง ภายนอกแม้นแลจักเนิ่นช้า แต่ภายในก็เร่งรีบอยู่เฉพาะตน อันขอบเขตแห่งอากาศ**ก็เข้าถึงอยู่ในนั้น สำแดงโยคะเป็นความอลังการและปกติเรียบร้อยโดยธรรมชาติ เป็นผู้สังวรระวังสุภาพเรียบร้อยมีกายและใจใสซื่อบริสุทธิ์ ปราศจากตัณหา ราคะ
มีปณิธานมุ่งมั่นแน่วแน่ ปรารถนามรรคด้วยความถูกตรงเพิ่มขึ้นและมิพร่องไป ไม่วิปลาสเห็นผิด แต่คล้อยตามอนุศาสน์แห่งธรรม มิถือสาความพลาดพลั้งแต่แก้ไขปรับปรุง เลื่อมใสมรรคธรรมและมิระลึกเป็นอื่น ปราศจากความกังวล มีธรรมชาติมิปรุงแต่งดุจอากาศที่มิได้ตั้งอยู่ มีความเรียบง่ายไร้ความทะยานอยาก เมื่อกระทำกุศลปณิธานจนบรรลุถ้วนพร้อมแล้ว
*หมายถึง มิเร่งรีบบรรลุพุทธภูมิเพื่อตรัสรู้และปรินิพพาน พอใจการเป็นพระโพธิสัตว์เพื่ออนุเคราะห์สรรพสัตว์ต่อไป หรือเป็นผู้อยู่ตลอดเวลาจนถึงพระโพธิญาณ
**อากาศ อาจแปลว่า อวกาศหรือความว่างเปล่าหรือสภาวะอันไม่มีที่สิ้นสุดบางครั้งมีนัยยะถึงพระธรรมพระนิพพานพุทธวิสัยก็ได้
จึงตั้งปณิธานอีกด้วยจิตอันเป็นที่สุด มีความเมตตาอารีคารวธรรมและคุณธรรม ครอบคลุมสรรพสิ่งคือโลกียะและโลกุตระ*ก้าวล่วง (สังสารวัฏ) บรรลุถึงวิมุตติ เป็นผู้รักษาตนเอง(ให้พ้นจากอบาย) เป็นผู้สะอาดแปดเปื้อนโดยแท้จริง มีปณิธานแน่วแน่เป็นอนุตระบริสุทธิ์ ตั้งมั่นและเป็นสุขในขณะเดียว จักรู้แจ้งธรรมลักษณ์แห่งธรรม**โดยตนเอง
*คือสิ่งที่แสดงออกมาภายนอกมีอีกนัยยะคือ โลกียะ คือสิ่งที่อยู่ภายในหรือแก่นแท้มีนัยยะคือโลกุตระ
**ธรรมลักษณ์ ในบริบทนี้หมายถึง ลักษณะของธรรมหรือเอกสัตยธรรมธาตุ ที่มีอยู่ในตัวเองของทุกสรรพสิ่ง เห็นแจ้งได้โดยปัญญาที่เห็นตามความเป็นจริง มิปรุงแต่ง
***ในอรรถาธิบายกล่าวว่าการอุปมาถึงอุตตรกุรุทวีปที่ตั้งอยู่ทางเหนือของภูเขาสุเมรุนั้นหมายถึงความประเสริฐวิเศษยอดเยี่ยมมีกำเนิดที่ดีเพราะชาวอุตตรกุรุทวีปนั้นมีอายุกำหนดอยู่หนึ่งพันปีและมีความสุขสบายมีอัญมณีแพรพรรณอาหารอุดมสมบูรณ์กว่าทวีปทั้งสามที่เหลือคือชมพูทวีปอยู่ทางทิศใต้ของภูเขาสุเมรุประเทศทวีปตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของภูเขาสุเมรุและอมรโคยานทวีปตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของภูเขาสุเมรุ
อันมูลภาวะแห่งธรรมลักษณะนั้นแล ก็มีปกติด้วยแสงและวรรณะที่เข้าออกหมุนเปลี่ยนอยู่ด้วยความพิศดาร (ดุจ) อุตตรกุรุทวีปที่สำเร็จด้วยรัตนะเจ็ดประการ***ที่จากความว่างเปล่า จึงสำเร็จเป็นสรรพสิ่ง บังเกิดจากประภาสรัศมีที่บริสุทธิ์ สวยงาม วิจิตรหาสิ่งเปรียบมิได้* ปราศจากความสูงต่ำและแทงตลอดมิอาจประมาณ ซึ่งขอบเขต** บรรดาชนาชนในสุขาวดีล้วนวิริยะพากเพียรตามกำลังแห่งตน ก้าวล่วงตัดขาดไปแล้ว (จากวัฏสงสาร) ได้อุบัติในอนันตวิศุทธิอมิตายุพุทธประเทศ อันว่างจากคติทั้งห้า*** อบายภูมิจึงถูกปิดกั้นไปโดยปริยาย
*หมายถึงสุขาวดีพุทธเกษตรที่เกิดขึ้นมาจากมหาปณิธานของพระอมิตายุสพุทธเจ้าประดุจสรรพสิ่งที่เกิดจากความว่างเปล่าแล้วปรากฏเป็นรัศมีโอกาสสว่างไสวเป็นอนันตะอมิตาภะ) และหมายถึงสุขาวดีมีปกติที่บริสุทธิ์งดงามเหมือนอุตตรกุรุทวีปที่มีความพิสดาร ฯลฯ อยู่เป็นปกติธรรมชาติไม่ได้ปรุงแต่งให้เกิดขึ้นใหม่
**อรรถาธิบายว่าหมายถึงการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ไร้ซึ่งความสูงกว่าหรือต่ำกว่ากันทั้งยังมีพระปัญญาแผ่ไปตลอดไร้ขอบเขตประมาณ
***คติ ๕ มีอบายภูมิ ๓ คือนรกเปรตเดรัจฉานและสุคติภูมิ ๒ คือมนุษยภูมิเทวภูมิ รวมเป็น ๕ (สงเคราะห์อสุรภูมิในเทวภูมิ) ดังนั้นคติ ๕ ก็คือภูมิทั้ง ๕ อันเทวภูมิและมนุษยภูมิในโลกอื่น ๆ นั้นก็คืออบายภูมิเมื่อเทียบกับกุศลของสุขาวดีเพราะความสุขในสุขาวดีนั้นสุขเพราะวิราคธรรม แต่สุขของคติทั้ง ๕ นั้นเจือด้วยราคะกามและกิเลส
มรรค คือ เส้นทางที่ประเสริฐนี้เป็นอนันตะ*ดำเนินได้ง่าย แต่หามีผู้ใดไม่** (ผู้อุบัติที่)ดินแดนแห่งนั้น เป็นผู้สอนยาก เป็นผู้แข็งขืน จึงอบรมประพฤติตามโดยธรรมชาติ ละทิ้งความปรารถนา (อย่างโลกแลมีจิต) ดุจอากาศ (ที่ว่างเปล่าและบริสุทธิ์) เพียรประพฤติจริยาปรารถนามรรคและคุณ (สรรพสัตว์ในโลก) จักมีอายุขัยที่จำกัด (แต่สุขาวตีชน) มีอายุขัยและเกษมโสมนัสที่มีจำกัด มิประมาณแล้วจักประสาใดกับการอาลัยต่อเรื่องราวของโลกที่วุ่นวายทุกข์ร้อนไม่จีรังเล่า
*อรรถาธิบายว่าหมายถึงมีผู้บรรลุมรรคอันประเสริฐนี้เป็นพระอริยะแล้วจำนวนอนันตะคือประมาณไม่ได้
**หมายความว่าเพียงสร้างเหตุคือภาวนาพุทธนามก็จักได้ไปอุบัติ แต่ไม่มีผู้สร้างเหตุจึงไม่มีผู้ไปอุบัติ และเพียงการภาวนาพุทธนามสิบครั้งก็ได้ไปอุบัติ แต่ผู้ปฏิบัติมีน้อยยิ่งนักจึงกล่าวว่าได้ง่าย แต่หามีผู้ใดไม่”
พระวิศวภัทร แปล
Aputi.com
ภาพ
ประวัติศาสตร์
จีน
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
มหาสุขาวตีวยูหสูตร
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย