1 ม.ค. 2022 เวลา 08:00 • ประวัติศาสตร์
เรื่อง : คดีที่ยังปิดไม่ได้และมีเงินรางวัลนำจับสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น!
6
ระยะเวลาที่ใช้ในการอ่านโดยประมาณ :10นาที
1
Part 1 : เริ่มเรื่อง
คดีนี้เกิดขึ้นในปี 2000 ที่แขวง Setagaya ซึ่งตั้งอยู่ที่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีบ้าน 2ชั้นอยู่หลังหนึ่ง เจ้าของบ้านชื่อ Miyazawa Mikio อายุ 44ปี เขาทำงานด้านออกแบบอยู่ที่บริษัทของอังกฤษแห่งหนึ่ง ส่วนภรรยาของเขาชื่อ Miyazawa Yasuko อายุ 41ปี เธอเปิดโรงเรียนสอนพิเศษให้เด็กๆอยู่ที่บ้าน และพวกเขายังมีลูกสาววัย 8ขวบชื่อว่า Miyazawa Niina และลูกชายวัย 6ขวบชื่อ Miyazawa Rei
Miyazawa Yasuko (41),  Miyazawa Mikio (44), Miyazawa Niina (8), Miyazawa Rei (6),
ส่วนบ้านอีกหลังที่อยู่ติดกับบ้านพวกเขา มีแม่และพี่สาวของYasuko อาศัยอยู่ โดยภายหลังพี่สาวได้แต่งงานไปอยู่ต่างประเทศ จึงเหลือแม่อาศัยอยู่เพียงคนเดียว ต่อมาYasukoได้นำบ้านชั้น1ของแม่มาทำเป็นห้องเรียน ส่วนชั้น1ของบ้านตัวเองก็ทำเป็นห้องหนังสือของสามี โดยบ้านทั้ง2หลังนี้ดูภายนอกเหมือนจะเชื่อมต่อกันได้ แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้เชื่อมต่อกัน โดย2สามีMiyazawaอาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 1990แล้ว
2
บ้านของครอบครัว Miyazawa
ในวันที่ 31 ธันวาคม ปี2000 ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ ในเวลาประมาณ 10โมงเช้า แม่ของYasukoซึ่งอาศัยอยู่คนเดียวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะโดยปรกติในเวลานี้Yasuko ลูกสาวของเธอจะต้องมาหาเธอจากบ้านหลังข้างๆ เพื่อพาเด็ก2คนมาฝากให้เธอดูแล แต่วันนี้Yasukoกลับยังไม่มา พอเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงแม่ของYasukoจึงติดต่อไปที่บ้านของลูกสาวผ่านทางอินเตอร์คอม แต่ก็ไม่มีใครตอบรับกลับมา ทำให้แม่ของYasukoรู้สึกไม่สบายใจมากจึงตัดสินใจเดินไปดู ตอนประมาณ 10:50น.
เธอกดกริ่งบ้านหลังข้างๆ เมื่อไม่มีคนเปิดประตูจึงเอาหูแนบประตูเพื่อลองฟังเสียงด้านใน ภายในบ้านนั้นเงียบมากเธอจึงมองไปยังโรงรถที่อยู่ข้างบ้านซึ่งก็ยังมีรถจอดอยู่ เธอเลยคิดว่าพวกเขายังน่าจะอยู่ข้างใน เธอจึงตั้งใจที่จะเข้าไปดูในบ้าน แต่ปรากฏว่าประตูล็อตอยู่ แต่เธอนั้นมีกุญแจสำรอง เธอจึงเปิดประตูและเข้าไปในบ้าน ภายในบ้านนั้นมืดสนิท และมีกลิ่นแปลกๆ คละคลุ้งอยู่ในอากาศ เมื่อเปิดไฟ เธอก็เห็นว่ามีคนล้มอยู่ตรงทางขึ้นบันได และเมื่อเดินไปดูจึงเห็นว่าร่างของ Mikio ลูกเขยของเธอนั้นนอนอยู่บนพื้นซึ่งหมดลมหายใจไปแล้ว เมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงรีบวิ่งขึ้นไปดูที่ชั้น2ของบ้านพร้อมกับร้องเรียกหาลูกสาวของเธอ และเมื่อแม่ของYasukoขึ้นมาถึงชั้น 2ก็เห็นร่างของลูกสาว บนใบหน้ามีรอยกรีดด้วยของมีคม ใต้ร่างของYasukoมีร่างของหลานสาวอยู่ แม่ของYasuko เธอรีบวิ่งกลับลงมาชั้นล่าง เพื่อหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งตำรวจ
3
Part 2 : เริ่มการสอบสวน
ทางตำรวจได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปจำนวนมาก พวกเขาได้ดำเนินการปิดล้อมที่เกิดเหตุแล้วดำเนินการสอบสวนและรวบรวมหลักฐาน พวกเขาพบร่างไร้วิญญาณ 4ร่างอยู่ภายในบ้าน บริเวณทางขึ้นปันไดที่ชั้น 1 พบร่างของMikio โดยบริเวณศรีษะและหลังใบหูด้านซ้ายมีรอยแปลที่เกิดจากของมีคม ยาวประมาณ 3เซ็นติเมตร นิ้วชี้มือขวาถูกตัดทิ้ง อีกทั้งยังมีหลายแผลอีกหลายแห่งกระจายอยู่ทั่วร่างกาย
1
บริเวณทางลงบันไดชั้น2 พบร่างของ Yasuko และNiina โดยร่างของYasukoนั้นทับอยู่บนร่างของลูกสาว เธอพยายามปกป้องลูกสาวจนนาทีสุดท้ายของชีวิต บริเวณใบหน้าและลำคอของYasukoมีบาดแผลฉกรรจ์จำนวนมาก แทบจะดูไม่ออกว่าก่อนหน้านี้เธอหน้าตาเป็นอย่างไร ส่วนบริเวณใบหน้าของNiina วัย8ขวบ ก็มีบาดแผลจำนวนนับไม่ถ้วน และยังมีร่องรอยการใช้กำลังด้วย และภายในห้องนอนบนชั้น 2 พบร่างของ Rei ลูกชายวัย 6ปี อยู่บนเตียง2ชั้น มีรอยกรีดลึกที่ลำคอ และมีเลือดไหลออกมาทางจมูกและดวงตา ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ โดยตำรวจสันนิฐานว่าน่าจะเป็นการเสียชีวิตในขณะที่ยังหลับอยู่ โดยจากการชันสูตทางนิติเวช เชื่อว่าเหยื่อน่าจะเสียชีวิตตั้งแต่คืนก่อนหน้าแล้ว หรือก็คือในคืนวันที่ 30 ธันวาคม ในเวลาประมาณ 5ทุ่มครึ่ง
9
สถานที่พบศพของทั้ง 4คน
ห้องนอนที่พบศพของ Rei
ตำรวจยังพบกับรอยรองเท้าจุดหนึ่งอยู่บริเวณด้านล่างของหน้าต่างในห้องน้ำ และพบว่ากิ่งไม้ที่อยู่รอบๆรั้วมีร่องรอยโดนคนเหยียบ กล่องปฐมพยาบาลภายในบ้านถูกเปิดใช้ ในห้องครัวบนชั้น2 พบพลาสเตอร์ปิดแผลซึ่งมีรอบนิ้วมือของผู้ก่อเหตุอยู่ รวมถึงยังมีคราบเลือดติดอยู่ นอกจากนี้ผู้ก่อเหตุยังได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์สุขอนาภัยสำหรับผู้หญิงมาใช้จัดการบาดแผลของเขา และยังทิ้งรอยรองเท้าจำนวนมากไว้ภายในบ้านด้วย
2
ตำรวจอ้างอิงจากหลักฐานและสันนิฐานว่าในคือวันที่ 30ธันวาคม ผู้ก่อเหตุปีนขึ้นไปบนชั้น2จากนอกตัวบ้าน และเข้าไปในบ้านผ่านทางหน้าต่างในห้องน้ำ จากนั้นก็ไปที่ห้องนอนของ Reiแล้วลงมือฆ่าเขาขณะที่กำลังนอนหลับสนิท แล้ว Mikio ที่ได้ยินเสียงดังมาจากชั้นบนและกำลังจะเดินขึ้นไปดู ก็บังเอิญเจอกับผู้ก่อเหตุจึงเกิดการต่อสู้กันอย่างรุนแรง จนผู้ก่อเหตุเองก็ได้รับบาดเจ็บ และหลังจากที่Mikioเสียชีวิตแล้ว ผู้ก่อเหตุก็กลับขึ้นไปชั้นบน มุ่งหน้าไปยังห้องใต้หลังคาชั้นบนสุดซึ่งเป็นห้องนอนของ 2สามีภรรยา ซึ่งโดยปรกติสูกสาวจะนอนในห้องเดียวกันกับน้องชาย แต่วันนี้เธอไม่สบายจึงไปนอนกับแม่ที่ห้องใต้หลังคาแทน
1
ผู้ก่อเหตุบุกเข้าไปทำร้าย 2แม่ลูกที่กำลังหลับสนิท แต่เนื่องจากอาวุธของเขาซึ่งผ่านการต่อสู้มาแล้วนั้นไม่คมมากพอ เขาจึงตั้งใจเดินลงไปเอามีดจากในครัว ซึ่งตอนนั้นYasuko ที่ยังไม่เสียชีวิต เธอตั้งใจที่จะพาลูกสาวลงมาจากห้องใต้หลังคาเพื่อหลบหนี แต่สุดท้ายเธอก็ทำมันไม่สำเร็จ และถูกสังหารในที่สุด
2
คดีนี้คนร้ายได้ทิ้งหลักฐานไว้มากมายในที่เกิดเหตุ รวมถึงอาวุธที่เขาใช้ทั้ง 2ชิ้นด้วย อาวุธชิ้นแรกเป็นของมีคมที่ผู้ก่อเหตุนำมาเอง ส่วนอีกชั้นหนึ่งเป็นมีดทำครัวของบ้านMiyasawa ในที่เกิดเหตุตำรวจเก็บรอยนิ้วมือของคนร้ายได้กว่า 10จุด แต่น่าเสียดายที่ในปี 2000 ญี่ปุ่นนั้นมีการเก็บรอยนิ้วมือสำหรับผู้ที่ต้องคดีเท่านั้น ซึ่งเมื่อตำรวจนำรอยนิ้วมือที่เก็บได้ไปเทียบกับฐานข้อมูลที่มีอยู่ก็ไม่พบรอยนิ้วมือที่ตรงกันเลย โดยต่อมาพวกเขาได้นำรอยนิ้วมือนี้ส่งไปให้ตำรวจสากลซึ่งก็ยังไม่สามารถหาผู้ที่มีรอยนิ้วมือตรงกันได้อยู่ดี
7
ตำรวจได้ทำการวิเคราะห์จากคราบเลือดของคนร้ายที่ทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ โดยพบว่าคนร้ายนั้นมีเลือดกรุ๊ป A และจากการตรวจสอบเพิ่มเติมไม่พบสารเสพติดหรือสารพิษใดๆ และจากการวิเคราะห์ DNAพบว่าพ่อของผู้ก่อเหตุเป็นชาวเอเชีย ส่วนแม่เป็นชาวยุโรปทางใต้ ผู้เชี่ยวชาญด้าน DNAกล่าวว่า DNAรูปแบบนี้พบได้น้อยมากในประเทศญี่ปุ่น แต่ก็ไม่อาจบอกได้ว่าเขาไม่ใช้คนญี่ปุ่น
6
จากการตรวจสอบรอยรองเท้าที่พบในที่เกิดเหตุ ตำรวจสันนิฐานว่าผู้ก่อเหตุสวมรองเท้าขนาด 27.5 เซนติเมตร โดยเป็นรองเท้ายี่ห้อSlazenger ซึ่งเป็นยี่ห้อของอังกฤษ ในญี่ปุ่นมีรองเท้ายี่ห้อนี้วางจำหน่ายแต่ไม่มีเบอร์ใหญ่ขนาดนี้ โดยเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดที่มีขายในญี่ปุ่นคือ 26เซ็นติเมตรเท่านั้น โดยขนาด27.5 เซนติเมตร เคยถูกผลิตและจำหน่ายเฉพาะในประเทศเกาหลี
2
นอกจากรองเท้าแล้วผู้ก่อเหตุยังทิ้งเสื้อผ้าไว้ในที่เกิดเหตุด้วย ได้แก่เสื้อแจคเก็ตไซส์ใหญ่สีดำ1ตัว และหมวกสีเทา 1ใบ ผ้าพันคอสีเขียวเข้ม 1 ผืน เสื้อยืด 1ตัว ถุงมือ 1คู่ ผ้าเช้ดหน้าสีดำไม่มีลาย 2ผืน โดยมีผืนหนึงที่ตรงกลางถูกฉีดขาดจนเป็นรูกว้าง 3เซนติเมตร กระเป๋าคาดเอว 1ใบ บนผ้าเช็ดหน้าและกระเป๋าคาดเอวมีกลิ่นน้ำหอมติดอยู่ โดยมันคือน้ำหอมแบบEau de Toilette ยี่ห้อ Guy Laroche และตอนที่เขาก่อเหตุ เขาได้ขโมยเงินสดไปเพียง 2แสนเยน โดยไม่ได้เอาบัตรเครดิตและกระเป๋าเงินของผู้เคราะห์ร้ายไป
4
เหล่าหลักฐานที่ตำรวจพบในที่เกิดเหตุ
ตำรวจสันนิฐานต่อไปว่า ผู้ก่อเหตุเป็นเพศชาย อายุ 15-35ปี สูงประมาณ170เซ็นติเมตร และมีแรงเยอะมาก คนร้ายอาจเคยมีประสบการณ์ทางทหารมาก่อน นอกจากนี้ หลังจากคนร้ายสังหารครอบครัวMiyazawaแล้ว เขาก็ไม่ได้รีบหนีไป แต่ยังกินดื่มอยู่ภายในบ้านของพวกเขา ทั้งพักผ่อน และเล่น Internet เขาได้กินแตงโม และดื่มชา พวมถึงไอศกรีมอีก4แท่ง เขาอยู่ในที่เกิดเหตุโดนไม่มีอาการร้อนรน เขาได้เปิดดูตู้และลิ้นชักทั้งหมด คล้ายกับกำลังหาอไรบางอย่าง หรืออาจแค่ตั้งใจจัดฉากให้เหมือนการปล้น เขายังได้ถ่ายอุจจาระในห้องน้ำ และนำหนังสือของYasuko มาฉีก และทิ้งลงในอ่างอาบน้ำ นอกจากนี้เขายังเปิดคอมพิวเตอร์ของครอบครัวMiyazawa ขึ้นมาใช้ด้วย
7
คาดการณ์ลักษณะของคนร้ายจากหลักฐานที่ตำรวจพบ
โดยจากการตรวจสอบพบว่าเขาได้เปิดคอมพิวเตอร์ใช้ในเวลา 22:20 - 22:50น. และมีการใช้อีก2ครั้งคือในวันที่ 31ตอนตี1 18นาที และในช่วงเช้าเวลา 10โมง5นาที โดยแต่ละครั้งจะใช้งานเป็นเวลา 5นาที โดยมีรอยนิ้วมือของคนร้ายอยู่บนเมาส์ และจากหลักฐานดังกล่าวสามารถสันนิฐานได้ว่าหลังจากคนร้ายลงมือเสร็จ เขายังได้อยู่ในที่ก่อเหตุต่อเป็นเวลากว่า 10ชั่วโมง
2
ในปลายปี 2014 ตำรวจได้รายงานผลการตรวจสอบใหม่ล่าสุดอีกครั้ง โดยระบุว่าบันทึกการใช้งานคอมพิวเตอร์ของคนร้ายในเวลา 10โมง5นาที อาจเป็นแค่ข้อผิดพลาดของคอมพิวเตอร์ โดยคนร้ายน่าจะหนีออกไปตั้งแต่ตอนเช้ามืด แต่ยังไม่สามรถระบุเวลาหลบหนีที่แน่ชัดได้
แม่ของYasuko ยังเล่าอีกว่า ไม่กี่วันก่อนเกิดหตุ ในวันที่25ธันวาคม มีรถยนต์ขั้นหนึ่งมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านของพวกเขา และตอนเช้าในวันที่ 27ธันวาคม หรือ 3วันก่อนเกิดเหตุก็มีผู้ชายท่าทางน่าสงสัยคนหนึ่งมาเดินวนอยู่ใกล้ๆบ้านของพวกเขา และช่วงบ่ายของวันที่ 30ธันวามคม ซึ่งเป็นวันที่ครอบครัวMiyazawa ถูกสังหาร มีคนเห็นชายแปลกหน้าคนหนึ่งทำลังทะเลาะกับMikio และต่อมาในเวลาบ่าย 3โมง มีคนเห็นผู้ชายสวมชุดกางเกงวอร์มกับเสื้อกีฬาอยู่ที่สถานีรถใต้ดิน ซึ่งอยู่ถัดจากสถานที่เกิดเหตุประมาณ 1.5กิโลเมตร ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจบรรยายไว้มาก แต่ก็ยังไม่สามารถหาพยานหรือหลักฐานได้มากพอที่จะจับตัวคนร้ายได้
4
Part 3 : บทสรุป
ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยมานานมากแล้ว แต่ตำรวจก็ยังไม่สามารถคลี่คลายคดีนี้ได้ จนกระทั่งในปี 2010 ทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้อนุมัติร่างพระราชบัญญัติเพื่อยกเลิกการกำหนดระยะเวลาสำหรับการดำเนินคดีที่เกิดการทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิตดังเช่นคดีนี้ โดยเปลี่ยนเป็นไม่มีวันหมดอายุความ และให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 เมษายน ปี2010
2
โดยในปัจจุบัน ถึงแม้จะผ่านมากว่า 20ปีแล้ว แต่ทางตำรวจก็ยังไม่วางมือจากคดีนี้ พวกเขาได้ขอให้ประชาชนช่วยกันแจ้งเบาะแส โดยประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อต่างๆ ทั้งโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และอินเตอร์เน็ต อีกทั้งยังตั้งเงินรางวัลนำจับที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 20ล้านเย็น ทำให้คดีนี้ถือเป็นคดีที่มีเงินรางวัลนำจับสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น
4
เงินกว่า20ล้านเย้นถูกตั้งเป็นรางวัลสำหรับผู้ที่สามารถแจ้งเบาะแสของคดีนี้
ลักษณะสำคัญของคนร้ายยังได้ถูกแปลออกไปเป็นหลายภาษา โดยหวังว่าจะมีคนที่สามารถแจ้งเบาะแสกับทางตำรวจได้ และในวันที่ 30ธันวาคมของทุกปี ตำรวจญี่ปุ่นจะไปวางดอกไม้ ที่บ้านของตระกูลMiyazawa และสาบานกับผู้ล่วงลับว่าจะจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฏหมายให้ได้ เพื่อคืนความยุติธรรมให้แก่พวกเขา
9
ตำรวจหลายนายกำลังวางดอกไม้ที่หน้าบ้านของตระกูล Miyazawa
เรียบเรียงโดย
นายจอมโม้
31 ธันวาคม 2021

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา