3 ม.ค. 2022 เวลา 02:00 • ประวัติศาสตร์

คดีปริศนาที่มีฉลามเสือเป็นผู้ช่วยในการสืบหาความจริง?

ระยะเวลาที่ใช้ในการอ่านโดยประมาณ : 10นาที
Part 1 : เริ่มเรื่อง
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 1935 ในประเทศออสเตรเลีย โดยมันเป็นคดีที่เริ่มสืบจากอาการป่วยของฉลามเสือตัวหนึ่งในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
1
ชายหาด Coogee ที่อยู่บริเวณชานเมืองฝั่งตะวันออกของเมือง Sydney ประเทศออสเตรเลียเคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง แต่เมื่อช่วงกลางปี1930 หลังจากท่าเรือ Coogee ถูกรื้อถอน นักท่องเที่ยวก็มาที่นี่น้อยลงอย่างมาก ส่งผลให้กิจการพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำถดถอยลงอย่างรวดเร็ว Bert Hobson ที่เป็นเจ้าของกิจการ จึงรู้สึกกระวนกระวายใจ
2
โดยนอกจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Hobson ยังมีกิจการอย่างอื่นอีก ทั้งโรงละคร ห้องน้ำ และห้องเต้นรำ หลังจากท่าเรือถูกรื้อถอนกิจการห้องเต้นรำ ร้านอาหารและโรงละครขนาด 1,400ที่นั่ง ก็มักจะขายบัตรได้ไม่ถึงครึ่ง และด้วยเหตุนี้ Hobson จึงตัดสินใจที่จะจับสัตว์น้ำตัวใหม่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำของเขา
ชายหาด Coogee
ช่วงบ่ายของวันที่17 เมษายนปี1935 Hobson กับลูกชายของเขาขึ้นเรือเล็กและออกเรือไปถึงจุดที่ห่างจากชายหาด Coogee ประมาณ1ไมล์ครึ่ง เขาทิ้งสมอเรือและเฝ้ารอโอกาส Hobson หวังว่าจะจับฉลามเสือตัวเล็กๆสักตัวแล้วเอากลับไปเลี้ยงที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
2
Hobsonได้ใช้ปลาตัวใหญ่เป็นเหยื่อล่อ เขาโชคดีมากเพราะเพียงไม่นานปลาก็งับเหยื่อ Hobson มีประสบการณ์ในการจับปลามามาก เขายังไม่รีบร้อนที่จะดึงเบ็ดขึ้นมา แต่เขารอจนถึงเวลาที่ผู้ล่าหิวกระหายมากที่สุดจะมาถึง และเพียงไม่นานเอ็นเบ็ดตกปลาก็เริ่มหมุนเร็วขึ้นราวกับมีพลังมหาศาลดึงอยู่ใต้น้ำ
ระหว่างที่พยายามยื้อเบ็ดตกปลาไว้ Hobson ก็รู้สึกได้ว่าใต้น้ำนั้นจะต้องเป็นปลาตัวใหญ่ติดเบ็ดแล้วแน่ๆ เขากับลูกชายจึงรีบดึงเบ็ดขึ้นทั้งสองคนต้องออกแรงเยอะมากจนในที่สุดก็ดึงปลาขึ้นมาบนผิวน้ำได้ มันเป็นปลาฉลามเสือตัวใหญ่ ยาวประมาณ 4เมตร น้ำหนักประมาณ 1ตันและในปากของฉลามเสือยัก ยังมีฉลามเสื้อตัวเล็กที่กำลังงับเหยื่อจากเบ็ดตกปลาอีกที แต่ดูเหมือนว่าฉลามเสือตัวเล็กจะถูกฉลามเสือยักกลืนลงท้องไปแล้ว
4
Hobson และลูกชายได้นำฉลามเสือยักไปไว้ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำได้สำเร็จ ข่าวเรื่องที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Coogee มีฉลามเสือยักตัวใหม่ถูกเผยแพร่ไปทั่วเมือง Sydney อย่างรวดเร็ว พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ จึงกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง
3
วันที่ 25 เมษายนเป็นวัน Anzac ซึ่งเป็นวันหยุดตามกฎหมายของออสเตรเลียประชาชนที่หยุดงานต่างก็มาเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ เพื่อยลโฉมสัตว์ดุร้ายตัวนี้อย่างใกล้ชิด เย็นวันนั้นตอน 4 โมงครึ่งฉลามเสือมีอาการไม่ค่อยสบายบริเวณท้องมันกระตุกอย่างรุนแรง แล้วมันก็อาเจียนออกมาโดยมีทั้งหนูและนกออกมาด้วย หลังจากนั้นภาพที่หน้าตื่นตกใจที่สุดก็เกิดขึ้น ฉลามเสือได้คายแขนมนุษย์ข้างหนึ่งออกมา และเมื่อ Hobson เห็น เขาจึงรีบโทรแจ้งตำรวจทันที
8
แขนมนุษย์ที่ฉลามคายออกมา
Part 2 : เริ่มการสืบสวน
ตำรวจนำแขนข้างนั้นขึ้นมาจากน้ำ มันคือแขนข้างซ้ายของมนุษย์วัยกลางคน โดยบนแขนมีรอยสักรูปนักมวย2คนกำลังชกกันและมีเชือกเส้นหนึ่งพันอยู่รอบข้อมือ ตอนแรกทุกคนต่างก็คิดว่านี่คงเป็นเหตุการณ์ที่ฉลามเสือทำร้ายมนุษย์ แต่ผลการตรวจสอบทางนิติเวชพบว่าบริเวณรอยขาดของแขนข้างนี้ไม่ใช่รอยที่ถูกเขี้ยวของฉลามเสือฉีก แต่มันเป็นรอยที่ถูกตัดด้วยอาวุธมีคม ดังนั้นตำรวจจึงสรุปว่านี่ไม่ใช่คดีฉลามเสือทำร้ายคนแต่เป็นคดีฆาตรกรรมลึกลับคดีหนึ่ง
1
รอยสักที่พบบนแขนข้างดังกล่าว
แพทย์นิติเวชได้ทำการผ่าท้องของฉลามเสือเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยจากการตรวจสอบพวกเขาได้พบว่า แขนข้างนั้นไม่ได้ถูกคายออกมาจากท้องของฉลามเสือยัก แต่มันอยู่ในท้องของฉลามเสือตัวเล็กที่ฉลามเสือยักษกินเข้าไปอีกทีต่างหาก
ถึงแม้จะไม่เจออวัยวะส่วนอื่นของมนุษย์แต่ก็โชคดีที่หลังจากข่าวนี้ลงหนังสือพิมพ์ไปได้เพียง 2วัน ตำรวจก็ได้รู้ว่าเจ้าของแขนข้างนี้คือใคร โดยดูจากรูปรอยสักที่เป็นเอกลักษณ์, Edwin Smith ซึ่งอาศัยอยู่ในเมือง Sydney ได้ไปเข้าพบตำรวจแล้วบอกว่าแขนข้างนี้เป็นของพี่ชายของเขาที่ชื่อ James Smith ซึ่งหายตัวไปหลาย10วันแล้ว และเมื่อนำรอยสักมาเปรียบเทียบดู ตำรวจก็ยืนยันว่าเจ้าของแขนข้างนี้ คือ James Smith ซึ่งในขณะนั้นเขามีอายุได้ 45ปี
James Smith
James เกิดที่ประเทศอังกฤษ แต่เขาได้ย้ายมาอาศัยอยู่ในเมือง Gladstone ประเทศออสเตรเลีย โดยเขามีอาชีพเป็นเป็นนักมวยและเปิดกิจการบาร์แห่งหนึ่ง เขามักจะไปร่วมการแข่งขันชกมวยรุ่น Lightweight, ในปี1930 James เคยเป็นคนงานก่อสร้างในการสร้างคฤหาสน์ของ Reginald Holmes ซึ่งเป็นเจ้าพ่อมาเฟียท้องถิ่นชื่อดังโดยเขานั้นมาจากครอบครัวร่ำรวย รุ่นพ่อและรุ่นปู่ของเขาทำธุรกิจต่อเรือจนประสบความสำเร็จ
2
โดยหลังจากเมื่อ Reginald เติบโตขึ้นมาเขาก็ได้สืบทอดกิจการของครอบครัว ซึ่งเขาก็สามารถทำมันได้ดี แต่สิ่งที่ทำเงินให้กับเขาได้มากที่สุดคือการใช้เรือของบริษัทตัวเองขนส่งสินค้าผิดกฏหมาย แล้วนำไปขายในตลาดมืด
Reginald Holmes
เนื่องจาก James มีร่างกายแข็งแรงและเป็นนักมวย Reginald จึงมักจะมอบหมายให้ James ทำงานอื่นด้วยเช่นจัดการเรื่องยากเล็กๆน้อยๆ ซึ่ง James เองก็เต็มใจทำเรื่องเหล่านี้มากเขาได้รับค่าตอบแทนจำนวนมาก และนำเงินเหล่านั้นมาทำกิจการร้านบาร์ของเขา แน่นอนว่า James เองมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานผิดกฏหมายของ Reginald ด้วย โดยเขามักจะเป็นคนขับเรือไปรับสินค้าแล้วนำมาส่งให้ Reginald
1
ระหว่างที่ติดต่อค้าขายกับนักเลงคนหนึ่งที่ชื่อ Patrick Francis Brady, Reginald กับ James ก็เกิดความขัดแย้งกัน โดย Patrick นั้นเคยเป็นทหารมาก่อนและเคยถูกจำคุกในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร โดยตอนที่ติดต่อการค้ากับ James เขาได้จ่ายเช็คปลอมให้กับ Reginald แต่จำนวนเงินที่จ่ายในแต่ละครั้งไม่ได้เยอะมาก James จึงไม่ได้ใส่ใจตรวจสอบ แต่พอนานไปจำนวนเงินก็เพิ่มขึ้นจน Reginald จับได้ เขาจึงคิดว่า James กับ Patrick สมรู้ร่วมคิดกันโกงเงินเขา
1
Patrick Francis Brady
James กับ Reginald ทะเลาะกันรุนแรง James เองก็ไม่ยอมและเริ่มข่มขู่ Reginald โดยบอกว่าทำไม่จ่ายค่าปิดปากเขาจะนำหลักฐานที่ Reginald ค้าของเถื่อนและซื้อขายของผิดกฏหมายไปให้ตำรวจ อีกทั้งยังขู่ว่าจะทำลายธุรกิจครอบครัวของเขาด้วย James รู้ดีว่าครอบครัวของ Reginald เป็นตะกูลที่มีชื่อเสียงใน Sydney และ Reginald คงจะต้องยอมเขาเพื่อรักษาชื่อเสียงของตระกูลและธุรกิจไว้
4
แต่สิ่งที่ James คงนึกไม่ถึงว่าคำขู่ของเขาจะนำไปสู่จุดจบของชีวิต ช่วงค่ำวันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน ปี1953 James ได้รับค่าปิดปากจาก Reginald แล้ว เขาบอกกับภรรยาว่าจะไปตกปลา แต่ความจริงแล้วเขาไปที่บาร์แห่งหนึ่งที่อยู่ตอนใต้ของเมือง Sydney เพื่อไปดื่มเหล้ากับ Patrick พวกเขาเล่นไพ่กันในระหว่างเล่นไพ่ทั้งคู่ก็เกิดความขัดแย้งจนมีปากเสียงกันเล็กน้อย แล้วทั้งสองคนก็เข้าไปที่บ้านเช่าของ Patrick ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ2กิโลเมตร และหลังจากนั้น James ก็หายตัวไป
2
แม้ Patrick จะเชี่ยวชาญเรื่องการปลอมแปลงเช็ค แต่เขาก็ไม่เคยประวัติการทำร้ายคนอื่นมาก่อน เย็นวันนั้นหลังจากทั้งคู่มาถึงบ้านของ Patrick ได้ไม่นาน Patrick ก็ออกบ้านแล้วขึ้นรถแท็กซี่ส่วน James ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
1
จากหลักฐานที่มีอยู่ ตำรวจสันนิษฐานว่า James น่าจะถูกสังหารในบ้านของ Patrick ในขณะเดียวกันตำรวจก็ได้เจอตัวคนขับแท็กซี่ในคืนนั้น นอกจากเขาจะจำ Patrick ได้แล้ว เขายังจำได้แม่นว่าจุดหมายปลายทางที่ Patrick ไปหลังจากออกมาจากบ้านในคืนนั้นก็คือ เลขที่3 ถนน Bay view, McMahons Point หรือมันก็คือที่ตั้งคฤหาสน์ของ Reginald นั่นเอง
จากคำให้กันคนขับรถคือ Patrick มีผมเผ้ารุงรัง มือเกร็งและกำเสื้อผ้าไว้แน่นเห็นได้ชัดว่าซ่อนบางอย่างไว้ใต้เสื้อแจ็คเก็ต คนขับรถบอกกับตำรวจว่าเห็นได้ชัดเลยว่าเขากำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่างอยู่
1
ในวันที่16 พฤษภาคมเป็นเวลา 3 สัปดาห์หลังจากที่ฉลามเสือคายแขนของ James ออกมา Patrick ก็ถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรม แล้วต่อมากองทัพเรือและกองทัพอากาศ Sydney ก็ได้ทำการสำรวจใต้น้ำบริเวณชายหาด Hobart และชายหาด Coogee ซึ่งเป็นบริเวณที่จับฉลามเสือได้แต่ก็ไม่พบชิ้นส่วนร่างกายของ James เพิ่มเติม
1
ตามกฎหมายของประเทศออสเตรเลียหากมีเพียงแขนข้างเดียวเป็นหลักฐานโดยยังไม่พบชิ้นส่วนร่างกายอื่น ก็จะยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดการก่อเหตุขึ้นจริง
ในตอนแรก Reginald ยืนกรานปฏิเสธว่าไม่เคยติดต่อกับ Patrick แต่หลังจากนั้น4วัน ตอนเช้าตรู่ของวันที่ 20 พฤษภาคมปี1935 Reginald ก็ได้นำบรั่นดีหนึ่งขวดและพกอาวุธขนาด.32 มม เดินขึ้นไปบนท่าเทียบเรือเพียงลำพัง เขาดื่มจนเมา และลั่นไกใส่ศีรษะตัวเอง 1นัด แต่เขากลับรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์
8
แม้ลูกกระสุนเจาะเข้าไปที่บริเวณศีรษะแต่เขากลับแค่หมดสติไปเท่านั้น แรงปะทะของกระสุนทำให้เขาหงายหลังตกลงไปในน้ำแล้วเชือกเส้นหนึ่งที่อยู่บนท่าเรือก็พันเข้ากับข้อมือของเขาไว้พอดี เขาจึงไม่จมน้ำ เขาโดนน้ำทะเลซัดจนได้สติแล้วจึงปีนขึ้นไปบนเรือลำหนึ่งแลัวขับออกไปกลางทะเล
ในตอนนั้นตำรวจน้ำ2นายสังเกตเห็นว่า เขามีเลือดจำนวนมากออกศีรษะและใบหน้า พวกเขาจึงนำเรือลาดตระเวน2ลำออกไล่ล่าReginald เป็นเวลากว่า 4ชั่วโมงผ่านท่าเรือ Circular และท่าเรือข้ามฟากไปจนถึงอ่าว Sydney ในที่สุดReginald ก็ยอมจำนนบริเวณนอกอ่าว Sydney เขาถูกจับกุมและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา
1
หลังจากถูกจับกุม Reginald ก็ยินดีเป็นพยานในคดีของ Patrick เขาบอกกับตำรวจว่า Patrick เป็นคนทำร้าย James จริงๆ และยังได้หั่นแบ่งร่างของเขาด้วย หลังจากนั้น Patrick ก็นำร่างของ James บรรจุไว้ในลังแล้วนำมันไปทิ้งไว้ในอ่าว Gunnamatta
1
Part 4 : บทสรุป
Reginald ยังยอมรับด้วยว่าหลังจาก Patrickจัดการกับ James แล้ว เขาก็ได้มาหาตน และเอาท่อนแขนที่มีรอยสักอันเป็นเอกลักษณ์ของ James ให้ดูพร้อมกับข่มขู่ว่าถ้าไม่ให้เงินจำนวน5,000 ปอนด์ Patrick จะจัดการเขา, Reginald จึงจำใจตอบตกลงและมอบเงินให้เขาไป
2
หลังจาก Patrick ออกจากบ้านไปแล้วเขาไปที่ริมทะเลด้วยความตื่นตระหนกแล้วโยนท่อนแขนของ James ลงไปในทะเลท่ามกลางความมืดมิดยามค่ำคืน ตำรวจจึงตั้งข้อหา Patrick ในคดีฆาตกรรม James โดยจะมีการพิจารณาคดีในวันที12 มิถุนายน
แต่แล้วในเวลาตี1 20 นาทีของวันที่12 มิถุนายนซึ่งอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงเวลาพิจารณาคดี ก็ได้มีคนพบศพของ Reginald อยู่ภายในรถยนต์ของเขาเองซึ่งจอดอยู่ที่ท่าเรือร้างแห่งหนึ่ง โดยเขามีบาดแผลที่บริเวณหน้าอกสามจุด และเมื่อพยานสำคัญอย่าง Reginald ได้จากโลกนี้ไปแล้ว การดำเนินคดีกับ Patrick จึงล้มเหลว Patrick จึงพ้นผิดและถูกปล่อยตัวในเวลาต่อมา
3
30ปีต่อมา Patrick ยังคงยืนกรานว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทำร้าย James แต่มีความลับเรื่องหนึ่งเปิดเผยออกมาแทน จากข้อมูลข่าวของตำรวจ James เคยเป็นสายของตำรวจใช้ชื่อรหัสว่า Fizzer ในช่วงปี1930 เมืองSedney มีกลุ่มอิทธิพลมืดจำนวนมาก ในช่วงนั้นมีผู้ร้ายที่อันตรายที่สุดคนหนึ่งชื่อ Eddie Weyman โดย James ซึ่งเป็นสายของตำรวจก็เคยช่วยตำรวจจับตัว Eddie และล้มล้างกลุ่มอิทธิพลมืดของเขา ดังนั้นจึงมีคนสันนิษฐานว่ามีความเป็นไปได้ที่ James อาจจะถูกพรรคพวกของEddie จัดการเพื่อแก้แค้นแทน
8
ส่วน Reginald เนื่องจากเขาทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสิ่งค้าผิดกฎหมายและครอบครองส่วนแบ่งเกินครึ่งของธุรกิจยาเสพติดใน Sedney เขาจึงเป็นเป้าหมายที่กลุ่มอิทธิพลมืดกลุ่มอื่นต้องการจัดอยู่แล้ว โดยการเสียชีวิตของเขาอาจเป็นฝีมือของกลุ่มอิทธิพลมืดก็เป็นได้ คดีเหล่านีพัวพันกันจนเกินการคาดเดาของตำรวจ เหตุบังเอิญต่างๆได้นำพาไปสู่การสืบสวนคดีฆาตกรรมอันซับซ้อน อีกทั้งยังเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มการค้าผิดกฏหมายหลายกลุ่มใน Sedney อีกด้วย
2
เรียบเรียงโดย
นายจอมโม้
2 มกราคม 2022

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา