16 ม.ค. 2022 เวลา 11:16 • ปรัชญา
นิทานเซนสอนใจ ตอนที่ 9
เรื่อง “ของสิ่งใดราคาถูก ใช้ถูกมีค่ามหาศาล”
1
เครดิตภาพ: Pixabay by CJMM
...
มีพระอาจารย์ท่านหนึ่ง เมื่อเข้าสู่วัยชรา จึงคิดจะมอบบาตรและจีวร เพื่อให้ลูกศิษย์รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสต่อไป
แต่ในบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย มีอยู่ถึงสามคนที่ค่อนข้างจะเข้าถึงธรรมมากที่สุด จึงค่อนข้างจะลำบากใจที่จะเลือกคนใดคนหนึ่ง
...
ช่วงเย็นโพล้เพล้ใกล้ค่ำของวันหนึ่ง พระอาจารย์พอจะรู้ว่าอายุขัยของตนเองใกล้จะหมดแล้ว ควรจะถึงเวลาแล้วที่จะตัดสินให้คนใดคนหนึ่งรับตำแหน่งต่อไป
จึงเรียกลูกศิษย์ทั้งสามมาแล้วสั่งให้ไปซื้ออะไรอย่างหนึ่ง ดูซิว่าใครจะสามารถซื้อของได้ถูกและได้มากจนเต็มกุฏิ
...
เมื่อศิษย์ทั้งสามรับเงินจากพระอาจารย์แล้ว มีสองคนที่เดินออกไป
แต่มีอีกคนที่ไม่ไป แล้วไปนั่งสมาธิข้างๆพระอาจารย์ ไม่ได้ขยับไปไหน
...
ไม่นาน ศิษย์คนหนึ่งเข้ามารายงานว่า ได้ซื้อหญ้าแห้งมาหลายคันรถ
สามารถใส่ให้เต็มกุฏินี้ได้ พระอาจารย์ฟังแล้วรู้สึกผิดหวังยิ่งนัก
...
และอีกรูปหนึ่งก็กลับมาในเวลาใกล้เคียง มาถึงก็หยิบเทียนเล่มหนึ่ง
ออกมาจากแขนเสื้อ แล้วก็จุดให้สว่าง พระอาจารย์เห็นแล้วก็รู้สึกพอใจยิ่งนัก
...
แล้วพระอาจารย์ก็มองไปที่ลูกศิษย์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ลูกศิษย์นั้นลุกขึ้นแล้วคืนเงินให้พระอาจารย์
พนมมือแล้วพูดว่า “อาจารย์ สิ่งที่ศิษย์สั่งซื้อกำลังจะมาแล้ว”
พูดจบก็เป่าเทียนจนดับ ในห้องจึงมีแต่ความมืด
แล้วศิษย์คนนั้นก็ชี้ไปที่นอกหน้าต่างแล้วพูดว่า “อาจารย์ สิ่งที่ลูกศิษย์ซื้อได้มาถึงแล้ว”
พระอาจารย์มองออกไปที่นอกหน้าต่าง เห็นดวงจันทร์ลอยเด่น ส่องสว่างเต็มดวงอยู่กลางท้องฟ้า
ความสว่างของดวงจันทร์สาดส่องเข้ามาในกุฏิ จนสว่างไปทั่วห้อง
...
“เจ้าคิดวิธีนี้ได้อย่างไร?” พระอาจารย์ถาม
  • แม้ว่าหญ้าแห้งจะนำมาใส่จนเต็มกุฏิได้ แต่ก็ทำให้กุฏินี้มืดและสกปรก
  • และเทียนก็ใหญ่เพียงแค่นิ้วมือ ไม่มีราคาค่างวด แต่คนซื้อเทียนก็ไม่เกิดปัญญาขึ้นมาได้
  • แต่เมื่อดวงจันทร์ลอยเด่นขึ้นมา สามารถทำให้สว่างไปทั่วห้องได้
1
...
ลูกศิษย์ตอบ
  • “เมื่อฟ้าสว่างพื้นดินก็ย่อมสว่าง ฟ้าและดินสว่างจิตก็ย่อมสว่างตาม จิตเดิมแท้ส่องสว่างขึ้นมาในดวงจิต โดยไม่ต้องใช้เงินซื้อหาแต่อย่างไร เพราะในจิตมีแสงสว่างของจิตเดิมแท้อยู่แล้ว”
1
...
เมื่อพระอาจารย์ได้ฟังแล้วก็ถอดจีวรไปคลุมให้ลูกศิษย์นั้น และให้สืบทอดเป็นเจ้าอาวาสต่อไป
  • สรุปข้อคิดจากนิทานและถอดเป็นความคิดออกมาได้ว่า
...
  • แม้ในความมืดมิด ถ้าจิตเราสว่าง เราก็จะมองหาทางออกได้ ในทางตรงกันข้าม ถึงแม้เราจะอยู่ท่ามกลางแสงสว่าง แต่ถ้าจิตของเรามืดบอด เราก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อย่างถี่ถ้วน
1
  • ความสุขก็เช่นเดียวกัน ท่ามกลางปัญหารุมเร้าทำให้เกิดทุกข์ ถ้าจิตของเราสว่างและเป็นสุข เราก็เป็นสุขได้เช่นกัน
  • สรุปแล้ว คำตอบของปริศนาธรรมข้อนี้ คือ “แสงสว่างในดวงจิต” หรือ “ปัญญา” เป็นสิ่งที่เรียกว่าติดตัวเรามาตลอด ไม่ต้องซื้อต้องหา ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนและนำมาใช้ให้ถูกโอกาสเพื่อนำมาสู่แสงสว่างหรือความสุขของตัวเรานั่นเอง
1
หลายคนที่รู้สึกทุกข์ ก็คิดทุ่มเทใช้เงินทำบุญ เพราะคิดว่าเงินที่เราทุ่มเททำบุญเยอะๆนั้น จะช่วยให้เราคลายทุกข์ไปได้ แต่ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่
หรือบางคนที่อยากมีความสุข ก็ใช้เงินทุ่มเทซื้อหาสิ่งของปรนเปรอตนเอง คิดว่าสิ่งของเหล่านั้นจะทำให้เรามีความสุขได้ แต่สุดท้ายแล้ว ของเต็มบ้าน แต่ใจยังไม่สามารถเติมเต็มความสุขที่แท้จริงได้
ผู้เขียนขอยกคำคมของนักเขียนนวนิยาย ชาวฝรั่งเศส ที่เกี่ยวข้องกับนิทานเรื่องนี้ ตามด้านล่าง
เครดิตภาพ: AZ Quotes
“We don’t receive wisdom; we must discover it for ourselves after a journey that no one can take for us or spare us”— Marcel Proust
3
“เราไม่สามารถได้รับปัญญาจากใคร เราต้องค้นหามันด้วยตัวเราเองจากการเดินทางที่ไม่มีใครหยิบยื่นมาให้เรา”

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา