17 ม.ค. 2022 เวลา 23:00 • ธุรกิจ
แนวโน้มพฤติกรรมการปรุงและทานอาหารของชาวอินเดียในปี 2565
จากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ได้เปลี่ยนวิถีและรสนิยมการเลือกสรรอาหารของชาวอินเดีย ผู้บริโภค คำนึงถึงสิ่งที่ทานมากขึ้น และตระหนักว่าอาหารเป็นเสมือนยา เชฟส่วนใหญ่และบล็อกเกอร์ด้านอาหารในเมืองมองว่าแนวโน้มน่าจะกลับไปสู่รากเหง้าของบรรพบุรุษเมื่อต้องเลือกบริโภคอาหาร ซึ่งหมายถึงการรับประทานอาหารที่ไม่ผ่านการขัดสีไม่แปรรูป และเป็นออร์แกนิก
นอกจากนี้ ชาวอินเดียยังมีแนวโน้มที่จะดื่มด่ำกับศิลปะการทำอาหารและการลิ้มลองอาหารต้นตำรับ ในขณะที่ให้ความสำคัญกับสารอาหารและแคลอรี นอกจากนี้ยังหันมาใส่ใจการทำอาหารเพื่อสุขภาพให้น่ารับประทาน ยิ่งขึ้น
จากการพูดคุยกับเชฟชื่อดัง บล็อกเกอร์ด้านอาหาร และภัตตาคารในเมืองได้อธิบายว่าทำไมอาหาร อย่างเช่น ข้าวฟ่าง ถั่วเลนทิล คีนัว เมล็ดพืช ถั่ว และธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้องและข้าวกล้อง จึงมีแนวโน้มที่มีการเพิ่มขึ้นในปีนี้ พวกเขายังพูดถึงการฟื้นคืนสูตรอาหารต้นตำรับในร้านอาหารท้องถิ่นและเทรนด์อาหารอื่นๆ
1
การทำอาหารโมเลกุล (Molecular gastronomy)
ที่ผ่านมา การทำอาหารล้วนแต่ใช้วิธีการหมักดอง หมักรมควัน และแช่แข็งอาหาร แต่ร้านอาหารและพ่อครัวใหญ่ ในเมืองกำลังทดลองทำอาหารโมเลกุล (molecular gastronomy) ซึ่งคือการนำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการประกอบอาหาร โดยมีเทคนิคการปรุงหรือการประกอบอาหารหลากหลายรูปแบบ เพื่อสร้างอาหารรูปแบบแปลกใหม่ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค เช่นการทำให้เป็นอิมัลชัน การทำให้เป็นทรงกลม ทำให้เกิดเจล การแยกโครงสร้าง และเทคนิค sous vide เพื่อให้อาหารมีรสชาติ เนื้อสัมผัส และกลิ่นหอมที่แตกต่างกัน
“การทดลองส่วนใหญ่กำลังดำเนินการในร้านอาหารใหม่ๆ ที่พยายามสรรค์สร้างเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน นอกจากนี้ ร้านอาหารที่มีการปรับปรุงเมนูอยู่เสมอก็กำลังทดลองเทคนิคเหล่านี้เช่นกัน ส่วนมากศาสตร์การทำอาหารนี้ได้รับการ ฝึกฝนเป็นพิเศษในเบเกอรี่ที่ไม่นิยมใช้แป้งขัดขาว เชฟพยายามนำเสนออาหารใหม่ๆ ที่มีนวัตกรรม ด้วยวิธีนี้ พวกเขา ยังสามารถสร้างความชื่นชอบในหมู่ผู้บริโภคมากขึ้นอีกด้วย” Zubair Ali บล็อกเกอร์ด้านอาหารในเมืองกล่าว
วิถีวีแก้น (The vegan way)
เมื่อก่อนการทานมังสวิรัติเป็นเรื่องยาก เพราะเกี่ยวข้องกับการค้นหาซูเปอร์มาร์เก็ตที่จำหน่ายตัวเลือกอาหารมังสวิรัติ จากนั้นยังมีขั้นตอนการทำอาหารที่น่าเบื่อ แต่การทานมังสวิรัติมีการเปลี่ยนแปลงไปมากในปัจจุบัน คาเฟ่มังสวิรัติได้เข้ามาเปิดให้บริการในเมืองแล้วและมีแนวโน้มว่าจะเปิดอีกหลายแห่งในปีนี้ “เมืองไฮเดอราบัดนี้มีร้านคาเฟ่วีแก้นอย่างน้อยหกแห่ง” Ali กล่าว อันที่จริงร้านอาหารทั่วไปบางแห่งมีเมนูสำหรับมังสวิรัติแยกต่างหากด้วย
1
กินเหมือนบรรพบุรุษของเรา (Eating like our ancestors)
การระบาดใหญ่ของ Covid-19 ที่ไม่สิ้นสุดทำให้ต้องมองกลับไปยังจุดเริ่มต้น คือกลับไปสู่รากฐานของบรรพ บุรุษนั่นเอง เมื่อมองไปที่ตลาดอาหารในเมืองแสดงให้เห็นว่าหลายๆ ร้านอาหารมีความพยายามจะเป็นผู้นำด้านวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี ผู้บริโภคในปัจจุบันชอบที่จะทานอาหารที่มีประโยชน์ สด และอร่อย “ข้าวฟ่างจะได้รับการยอมรับในวงกว้างอย่างแน่นอน รัฐบาลอินเดียประกาศปี 2565 เป็นปีแห่งข้าวฟ่าง บรรพบุรุษของเรารู้ดีถึงประโยชน์ของธัญพืชเหล่านี้ เราสูญเสียความตระหนักรู้นี้ไปแล้ว และตอนนี้เราอยู่ที่นี่เพื่อฟื้นฟูมันขึ้นมาอีกครั้ง เทรนด์นี้ได้เข้าสู่เมืองไฮเดอราบัดแล้ว และในความคิดของฉัน กระแสนี้จะเพิ่มขึ้นไปอีกต่อเนื่อง” เชฟ Chalapathi กล่าว
ส่วนเชฟ Kailash หัวหน้าเชฟที่โรงแรมโนโวเทล เมืองไฮเดอราบัด อธิบายว่าเหตุใดข้าวฟ่างจึงดีกว่าข้าวชนิดอื่นๆ ที่ทานทุกวัน เขากล่าวว่า “ข้าวมีหลากหลายประเภท แต่ทั้งหมดมีรสชาติเหมือนกันไม่มากก็น้อย แท้จริงแล้วแก่นแท้ของข้าวสูญเสียไปเนื่องจากการแปรรูป การขัดขาว แต่ลูกเดือยยังคงความเป็นธรรมชาติและออร์แกนิก แต่ละสายพันธุ์ มีรสชาติ เนื้อสัมผัส และรสชาติที่แตกต่างกัน โรงแรมระดับหลายดาวต่างๆ กำลังทดลองใช้ข้าวฟ่างเป็นจำนวนมาก มีการเตรียมสูตรอาหารแปลกใหม่ที่ดีต่อสุขภาพสำหรับมื้อเช้า กลางวัน และเย็น”
 
ร้านอาหารเล็กๆ ที่มีเมนูซิกเนเจอร์
แม้ว่าจำนวนร้านอาหารทั้งเล็กและใหญ่ได้แพร่ขยายไปทั่วเมืองในช่วงที่ผ่านมา แต่จากข้อมูลที่ได้จากบล็อก เกอร์และเชฟด้านอาหาร พบว่าร้านอาหารขนาดเล็กที่มีเมนูซิกเนเจอร์ทำได้ดีกว่าร้านใหญ่ๆ ที่มีเมนูยาวๆ “ผู้บริโภคมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นเกี่ยวกับการเลือกอาหารของพวกเขา เขาไม่ต้องการกินทุกอย่างในคราวเดียว แต่ชอบกินอาหารที่ปรุงอย่างดีแท้ๆ และร้านของเราทำสูตรทั้งหมดด้วยความรักความเอาใจใส่ ไม่ได้ผลิตจำนวนมากหรือทำมาซาลาแบบเดียวกันสำหรับทุกอย่าง” Dipesh Ghimray เจ้าของร้าน Aama’s ร้านอาหารเนปาลที่ Gachibowli กล่าว
การนับแคลอรี
บางคนกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสารอาหารและแคลอรีในจาน แต่ต่อไปนี้ไม่ต้องกังวล เพราะโรงแรมหรูและ ร้านอาหารส่วนใหญ่กำลังออกแบบเมนูใหม่ “นอกจากชื่อสูตรและราคาแล้ว ร้านอาหารส่วนใหญ่เริ่มเพิ่มคำอธิบาย ของอาหารที่พวกเขาเสิร์ฟ รวมทั้งเพิ่มจำนวนแคลอรีที่มีในแต่ละ Portion อาหารให้ด้วยนอกเหนือจากวัตถุดิบต่างๆ ที่ประกอบในจานนั้นๆ ” เชฟ Kailash กล่าว
1
รื้อฟื้น สืบสานวัฒนธรรม
หากคุณรู้สึกว่าคุณกำลังประสบปัญหาในการหาข้าวหมกบริยานีหรือฮาลีม ปัทธา กา โกสต์ หรือนาฮารีที่เหมาะเจาะ ตามคำบอกกล่าวของเชฟ Chalapathi Rao กล่าวว่าอาหารของคนเมือง Hyderabadi ได้สูญเสียความ เป็นตัวตันและสาระสำคัญไป แต่ตอนนี้ร้านอาหารต่างๆ กำลังเริ่มที่จะรื้อฟื้นอาหารต้นตำรับขึ้นมาใหม่ “ร้านอาหารใหม่ๆ จำนวนมากและแม้แต่ร้านอาหารรายเก่าต่างกำลังฟื้นฟูตำรับเมนูอาหาร เช่น ลุกมี ปัทธา กา พี ดัม กา มูร์ฆ ดัลชาเนื้อแกะ สิคัมปุรี เคบับ นาซาควาตี โบติ เคบับ นาฮารี และคีมา คิชดี คัตตา พวกเขายังกระตือรือร้นที่จะรักษาความดั้งเดิมของข้าวหมกบริยานีและฮาลีม” เขากล่าว
จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ได้เปลี่ยนพฤติกรรมและวิถีชีวิตของชาวอินเดียในหลาย ๆ ด้าน โดยในเรื่องอาหารการกินชาวอินเดียเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น จำกัดขนาดคำนึงถึงสารอาหาร สุขอนามัยและการกินอย่างระมัดระวังมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน หลังจากการล็อกดาวน์ ชาวอินเดียส่วนใหญ่ เรียนรู้การทำอาหารง่ายๆ ที่บ้าน แม้แต่ผู้ชายที่ไม่เคยทำอาหารมาก่อนก็ยังหันมาทำอาหารเอง ส่งผลให้เกิดการตระหนักรู้ด้านอาหารและความอยากรู้เกี่ยวกับส่วนผสมและเทคนิคการทำอาหารของชาวอินเดียเพิ่มขึ้นไปด้วย นอกจากนี้ ชาวอินเดียนิยมใช้สมุนไพรต่างๆ และธัญพืชในการปรุงอาหารเพื่อเป็นกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และทานอาหาร และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากขึ้น
ร้านอาหารต่างๆ ลดขนาดการดำเนินงาน มีการบริหารจัดการซัพพลายเชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เน้นที่ คุณภาพและความแปลกใหม่ และขจัดความหรูหราออกไป มีการสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ เสนอลูกค้า หลายร้านใช้ ห้องครัวแบบคลาวด์ (Cloud Kitchen) เนื่องจากไม่ต้องมีพนักงานบริการ ทำให้ลดต้นทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ และจัดช่องทางการซื้อกลับบ้านผ่าน Application ต่างๆ การส่งอาหารแบบเดลิเวอรี่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของร้านอาหารทุกแห่งในอนาคต ไม่เว้นแม้แต่ร้านอาหารในโรงแรมห้าดาว
 
ชาวอินเดียรุ่นมิลเลนเนียลและหลังยุคมิลเลนเนียเป็นรุ่นที่ต้องการอาหารที่ปลอดภัย มีความภูมิใจในรากเหง้าของตัวเอง คาดว่าอาหารประจำภูมิภาคจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในปี 2565 ผู้ประกอบการไทยควรติดตาม สถานการณ์และพฤติกรรมผู้บริโภคอินเดียเพื่อปรับตัวและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของตลาด รวมทั้งนำนวัตกรรมมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร
โฆษณา