18 ม.ค. 2022 เวลา 06:41 • ปรัชญา
เราเอาเรื่องราวของพระพุทธศาสนาที่เรานับถือ และน้อมนำมาประพฤติ ปฏิบัติธรรมมาดีกว่า เรื่องของศาสนาอื่นเราไม่รู้ และไม่เคยไปยุ่งเกี่ยว ไม่เคยรู้เรื่องของเค้า เอาเฉพาะเรื่องของพุทธที่เราเข้าใจ
เรื่องราวคำสอน ที่เป็นหลัก ควรทำความเข้าใจ มีอยู่ สามพระสูตรหลัก ๆ คือ
- ธัมมจักรกัปปวัตตนสูตร
- อาทิตตปริยายสูตร
- อนัตตลักขณสูตร
ทั้งสามพระสูตร เป็นแก่นธรรม ที่ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติธรรม เดินตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนเกิด ดวงตาเห็นธรรม เห็นสรรพกิเลสที่ร้อยรัดสรรพสัตว์ทั้งหลาย กิเลสที่ร้อยรัดจิตของตน ปฏิบัติธรรมสร้างบุญกุศลบารมี มีปัญญาธรรม ชำระสะสางจนกิเลสนั่นหมดสิ้น จิตปราศจากธุลี ปราศมลทินที่เป็นกรรม จิตนั้นก็ใสบริสุทธิ์เป็นแก้วที่เจียระไน
คราวนี้ เราก็มาดูรอยการกระทำของเจ้าชายสิทธัตถะ ท่านหนีจากเวียงวัง ทิ้งทรัพย์สินเงินทอง ญาติสนิทมิตรสหาย ทิ้งยศฐานบรรดาศักดิ์ ไปดำรงตนอยู่กลางป่า ไม่มีชนชั้นวรรณะ ท่านนอนกับดินทราบใบไม้ในป่า ท่านทำอะไร จิตของท่านสะสมบารมีมาเป็นอสงไขย
ท่านก็ไปเดิน ในรอยของยืน เดิน นั่ง นอน ด้วยจิตที่เป็นสมาธิ จิตของท่านนิ่งไม่หวั่นไหว ในสิ่งที่ขึ้นที่กาย ไม่หวั่นไหว ท่านรักษากายของท่านนิ่ง จิตนิ่ง เมื่อกายนิ่ง จิตนิ่งได้ ก็เกิดสิ่งต่างที่ไหลออกมา จากธาตุทั้งสี่ ดินน้ำลมไฟ ไหลออกมาเป็น ภาพ เป็นแสง เป็นสี เป็นเสียงอะไรต่างๆ มากมาย ด้วยจิตที่มั่นคง ไม่หวั่นไหวอะไร ไม่ยึดถือ ในสิ่งต่างๆ ที่ไหลออกมา จนจิตของท่าน เกิดมีแสงรัตนะ ที่ทำให้จิตเข้าใจในเรื่องราวของการเกิดแก่เจ็บตาย อะไรเป็นเหตุให้เกิด แล้วอะไรที่ทำให้ไม่ต้องเกิด ท่านก็กระทำจนดับเหตุที่จะต้องมาเกิด จนจิตท่านบริสุทธิ์ เป็นแก้วรัตนะ ไม่มีอารมณ์อะไรเกิดขึ้นที่จิตของท่าน จิตของท่านเหมือนพระอาทิตย์ ไม่มีอะไรจะเข้าไปภายในจิตของท่านได้
เรื่องราวของพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องราวของผู้ที่ ประพฤติปฏิบัติธรรม เพื่อหยุดเกิด ต้นเหตุที่ทำให้ต้องมาเกิดบ่อยๆ ก็คืออารมณ์นานาชนิด อารมณ์ที่เกิดภายในกายที่ไหลมาจากธาตุทั่งสี่ อารมณ์ที่เกิดจากการใช้กาย วิญญาณทั้งหกไปสัมผัส ไปบันทึกเรื่องราวต่างๆ เกิดเป็นกรรมสะสมลงไปอยู่ที่ธาตทั้งสี่ จึงมีการสอนให้รู้จัก สละทรัพย์เงินทอง ออกไป เพื่อแปรสภาพ ของการยึดถือวัตถุปัจที่เสาะแสวงหามาด้วยความเหนื่อยอยาก เอามายึดมาถือ เหมือนกับเราสะสมกรรม สะสมอารมณ์กรรมไว้ภายในกายในจิต สละออกไป สร้างบุญสร้างกุศล เพื่อให้กายนี้เบาบางจากกรรม ให้กายนี้เป็นกายที่มีบุญ
เมื่อกายนี้มีบุญ ที่เกิดจากการสละวัตถุปัจจัยที่เสาะแสวงมายึดมาถือ เมื่อกายนี้มีบุญมากขึ้น ก็สามารถสละเวลาของกรรม ให้มาเป็นเวลาของธรรม คือ มีเวลาให้ตัวเองได้ประพฤติปฏิบัติธรรม สะสางกรรม สะสางอารมณ์กรรม ที่ติดอยู่ภายในกายนี้ สละออกไปมาเข้า กายก็มีบุญมากขึ้น จิตก็มีความสุข เพราะอารมณ์ที่เป็นไฟจะมาเผาผลาญน้อยลงๆไป จิตก็สะอาดสะอ้านบริสุทธิ์ขึ้น
เรื่องราวของการประพฤติปฏิบัติธรรม ในรอยทั้งสี่ ยืนเดินนั่งนอน ให้จิตเป็นมัชฌิมา นั้นเพื่อสลัด ละอารมณ์ความยึดถือต่างๆ ที่ทับถมจิต ทำให้กายนิ่งจิตนิ่ง สลัดอารมณ์ต่างๆออกไป แต่บางคนไม่ทำอย่างนั้นกลับทำสวนทางที่พระพุทธเจ้าท่านสอน กลับไปเอา เวทมนต์คาถาอาคม อิทธิฤทธิ์อิทธิเดช อ้อนวอน เอาอะไรมาทับถม ขังจิตของตัวเองให้มืดมน ก็เพราะความไม่รู้นั้นแหละว่า เวทมนต์คาถาอาคมไสยศาสตร์ ที่ตัวเองไปเอามา มันจะเป็นกำแพงขังจิตของตัวเอง ไม่ได้พบแสงสว่าง ที่จะมาช่วยบรรเทาทุกข์ในกายของตน มันจึงเป็นเรื่องการเอามาซ้ำเติมจิตของตัวเองให้มันทุกข์มากขึ้น จิตเค้าจึงจมอยู่กับเรื่องราวโลภโกรธหลงแก้ไขอะไรไม่ได้ ยิ่งแก่เฒ่าชรา เจ็บป่วยก่อนจะสิ้นลมจิตดวงนั้นก็ต้องทุกข์ทรมานแสนสาหัส
เพราะไม่พิจารณาเรื่องราวร่องรอยคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ดี พิจารณาเหตุให้ดี ว่าท่านสอนเรื่องราวอะไร เพื่อจะนำพาจิตไปอยู่กับทุกข์ หรือ ไปอยู่กับสิ่งที่พ้นไปจากเรื่องราวของความทุกข์
ที่เขียนนี้ ก็จำเค้าว่ามาอย่างนั้นเอง ไม่รู้เรื่องอะไรกับเค้า ยังเป็นผู้หัดคลานอยู่เลย อย่าเชื่อสิ่งที่เขียน ไปตรึกตรองดู ปฏิบัติธรรม ไปตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วจิตของเรามีการพัฒนาอย่างไร ดีหรือไม่ เบาบางจากทุกข์ เรื่องราวทุกข์เร่าร้อน จริงมั้ย เราจะได้คำตอบ ด้วยจิตของตัวเราเอง ดีกว่าไปเที่ยวจดจำมาเป็นสัญญา จำได้ก็ลืมได้ แค่นั้นเอง แล้วก็ จมอยู่กับทุกข์ วุ่นวายกับความทะเยอทะยาน ด้วยโลภโกรธหลงไม่มีหยุด ไม่มีอะไรแก้ไขได้เลย
เรื่องราวศาสนา https://www.blockdit.com/posts/61a7a15f43c77a0c96ed6337
โฆษณา