26 ก.พ. 2022 เวลา 02:00 • ประวัติศาสตร์
เรื่อง : "Brandon Teena"ชายข้ามเพศที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการแสดงตัวตนของกลุ่มเพศทางเลือกในสหรัฐอเมริกา
8
ระยะเวลาที่ใช้ในการอ่านโดยประมาณ : 10 นาที
Part 1 : เกริ่นนำ
โศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นในรัฐ Nebraska ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1993 เหยื่อผู้ถูกฆาตกรรมเป็นชายข้ามเพศ เขามีชื่อว่า Brandon Teena (ต่อไปผู้เขียนจะขอเรียกว่า Brandon) เขาเกิดมาในร่างกายของผู้หญิง แต่จิตใจของเขาบอกเขาว่าเขาเป็นผู้ชาย ชีวิตของ Brandon นั้นถูกดูถูกเหยียดหยามจากคนรอบตัวและสังคมมาโดยตลอด จนช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเขาได้ถูกข่มขืนและฆาตกรรม โดยตัวฆาตกรให้เหตุผลว่า “เขาเกลียดเพศสภาพของเธอ” ยอมรับไม่ได้ว่าเธอเป็นชายข้ามเพศ คดีนี้ถือว่าเป็นคดีที่สะเทือนขวัญทั้งสำหรับคนทั่วไป และคนในกลุ่มเพศทางเลือกเป็นอย่างมาก โดยที่หลังจากคดีนี้เกิดขึ้น กลุ่มเพศทางเลือกก็ได้มีการออกมาเรียกร้องถึงสิทธิเสรีภาพของตน และอีกทั้งเรื่องราวชีวิตของ Brandon ยังได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนต์ในชื่อเรื่องว่า Boys Don’t Cry ในปี 1999 อีกด้วย
Part 2 : ชีวิตในวัยเด็ก และพื้นฐานครอบครัวของ Brandon
Brandon Teena หรือชื่อเดิมคือ Teena Brandon เกิดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 1972 ที่เมือง Lincoln รัฐ Nebraska สหรัฐอเมริกา เธอเกิดมาพร้อมพร้อมร่างกายของผู้หญิง แต่จิตใจของเธอรับรู้ได้ว่าเธอนั้นเป็นชาย ชีวิตของเธอนั้นเต็มไปด้วยความโหดร้ายและความกดดัน เริ่มจากพ่อที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ก่อนเธอจะเกิดเพียง 8 เดือน จึงทำให้เธอถูกเลี้ยงโดย Joanne แม่ของเธอโดยลำพัง นอกจากนี้เธอก็ยังมีพี่สาวอีกหนึ่งคนชื่อ Tammy โดยมีอายุห่างกัน 3 ปี
Teena Brandon และ Tammy Brandon พี่สาวของเธอในวัยเด็ก
ต่อมาครอบครัวของเธอได้ย้ายไปยังทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง Lincoln ชื่อว่า Pine Acre Mobile Home Park โดยแม่ของเธอได้ทำงานเป็นเสมียนในร้านค้าปลีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ Brandon และพี่สาวของเธอถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยลุงของเธอเป็นเวลาหลายปี
1
Brandon ได้เข้าศึกษาในเรียนโรงเรียนประถมที่มีชื่อว่า St Mary’s Elementary School หลังจากจบการศึกษาระดับประถม เธอจึงเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนระดับมัธยมชื่อว่า Pius X High School ซึ่งก็ต้องบอกว่าชีวิตในวัยเรียนของเธอนั้นไม่ได้ราบรื่นเท่าไร เพราะด้วยความที่ตัว Brandonเองต้องการที่จะเป็นผู้ชาย แต่โรงเรียนที่เธอเข้าศึกษานั้นเป็นโรงเรียนศาสนา ทำให้มีกฏที่เข้มงวด อาทิเช่นเรื่องการแต่งกาย อีกทั้งยังมีคำสอนตามหลักของศาสนา เช่น ไม่สนับสนุนให้คนรักเพศเดียวกัน หรือเปลี่ยนแปลงเพศของตนเอง ทำให้ Brandon นั้นมีปัญหากับช่วงชีวิตในวัยเรียนของเธอมาโดยตลอด และในด้านแม่ของ Brandon เธอเองก็ไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องเพศสภาพของ Brandon โดยเธอมักจะต่อว่าลูกสาวของเธออยู่เป็นประจำ
2
Part 3 : ชีวิตช่วงวัยรุ่น
ในช่วงปี 1990-1991 Brandon อายุได้ 18 ปี เธอเริ่มแต่งตัวเป็นผู้ชายและออกเดทกับผู้หญิง โดยแฟนของเธอคนแรกชื่อ Heather ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในช่วงแรกก็เป็นไปได้ด้วยดี Brandonต้องการที่จะย้ายออกมาจากบ้านของเธอเพื่อที่จะได้ไปใช้ชีวิตอยู่กับHeather โดยในช่วงนั้นBrandonก็ได้ทำงานเป็นเด็กปั้มเพื่อที่จะเก็บเงินไปใช้ชีวิตร่วมกันกับแฟนของเธอ แต่หลังจากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็แยกทางกัน เพราะแม่ของเธอไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์นี้ และในช่วงเวลาเดียวกันนี้เอง ในปีสุดท้ายของการศึกษาระดับมัธยมปลาย Brandon ก็ได้ถูกไล่ออกจากโรงเรียนเนื่องจากมีปัญหากับทางโรงเรียนอย่างหนัก
1
Teena Brandon ในช่วงวัยรุ่น
หลังการที่เธอถูกไล่ออก เธอจึงได้ไปสมัครเป็นทหาร แต่ก็ถูกทางการจับได้ว่าเธอนั้นเป็นผู้หญิง เธอจึงไม่ได้เป็นทหารแบบที่ตั้งใจไว้ และหันกลับมาทำงานเป็นเด็กปั้มเช่นเดิม และเริ่มออกเดทกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา แต่การที่ Brandon เองนั้นทำงานเป็นเด็กปั้ม ทำให้เธอเองก็ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะมาดูแลเหล่าผู้หญิงของเธอ เธอจึงได้ผันตัวเองมาเป็นหัวขโมย คอยลักเล็กขโมยน้อย จนรวมไปถึงปลอมแปลงเอกสารและขโมยเงินอีกด้วย
1
Brandon ใช้ชีวิตแบบนี้มาสักพักจนคนรอบตัวเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของเธอ รวมถึงถูกคนในครอบครัวกดดันเรื่องเพศสภาพของเธออยู่ตลอดเวลา ในที่สุดเธอก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า (Major Depressive Disorder หรือ MDD) และเธอก็ได้ถูกส่งตัวไปบำบัดในโรงพยาบาลจิตเวช ชื่อว่า Lancaster Country Crisis Center ในเดือนมกราคม 1992 โดยผลการประเมินสุขภาพจิตของ Brandon พบว่ามีความเครียดจากความทุกข์ทรมานเรื่องเพศสภาพในขั้นวิกฤต(Sexual Identity Crisis) และตัวเธอก็เคยพยายามที่จะฆ่าตัวตาย ทำให้ต้องถูกบำบัดทางจิตชั่วคราวที่โรงพยาบาลแห่งนี้
1
Part 4 : จุดเปลี่ยน
หลังจากการบำบัด สภาพจิตใจของเธอก็ดีขึ้น Brandon จึงถูกปล่อยตัวออกจากศูนย์บำบัดและกลับมาอยู่กลับครอบครัวของเธอ จนกระทั้งในปี 1993 Brandon ก็ได้ตัดสินใจที่จะย้ายออกจากครอบครัวของเธออีกครั้ง เพราะเธออยากที่จะได้ใช้ชีวิตแบบผู้ชายเต็มตัว เธอจึงย้ายออกไปอยู่ที่เมือง Falls city, Richardson Country รัฐ Nebraska และเธอก็ได้เปลี่ยนชื่อของเธอเป็น Brandon Teena (สลับชื่อกับนามสกุล) เพื่อให้ดูเหมือนชื่อผู้ชายมากขึ้น
1
เวลาผ่านไปได้ไม่นาน Brandon ก็สามารถปรับตัวเข้ากับบ้านใหม่ได้อย่างรวดเร็ว โดยที่เมืองแห่งนี้ Brandon ได้มีแฟนคนใหม่ชื่อว่า Lisa Lambert (ต่อไปผู้เขียนจะขอเรียกว่า Lisa) แต่ทั้งคู่ก็อยู่กันได้ไม่นาน หลังจากเลิกรากัน Brandon จึงมาคบกับผู้หญิงคนใหม่ที่มีชื่อว่า Lana Tisdel (ต่อไปผู้เขียนจะขอเรียกว่า Lana) และนอกจากนี้ Brandon ก็ยังได้พบเพื่อนผู้ชายอีก 3 คน คือ John L. Lotter (ต่อไปผู้เขียนจะขอเรียกว่า John) ซึ่ง John เคยแอบชอบ Lana มาก่อน, Thomas “Tom” Nissen (ต่อไปผู้เขียนจะขอเรียกว่า Tomas) และ Phillip DeVine (ต่อไปผู้เขียนจะขอเรียกว่า Phillip) โดย John และ Thomas เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อนด้วย
2
Lisa Lambert
หลังจาก Brandon ใช้ชีวิตกับ Lana ได้ไม่นาน Brandon ก็ประสบปัญหาทางด้านการเงินอีกครั้ง Brandon จึงกลับไปใช้วิธีลักเล็กขโมยน้อยและปลอมแปลงเอกสารอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอถูกจับได้และถูกส่งตัวไปดำเนินดคี และถูกตัดสินจำคุกในที่สุด แต่หลังจากติดคุกได้ไม่นาน แฟนสาวของเธอก็ได้ไปช่วยประกันตัวเธอออกมา ซึ่งทำให้Lana นั้นรู้ว่า ที่จริงแล้ว Brandon เป็นผู้หญิงเพราะเธอถูกขังอยู่ในแดนนักโทษหญิง อีกทั้งในการที่เธอติดคุกครั้งนี้ หนังสือพิมพ์ก็ได้ตีข่าวของเธอ และได้เปิดเผยชื่อจริงของเธอ รวมถึงเปิดเผยเพศสภาพที่แท้จริงของเธออีกด้วย ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง Brandon กับ Lana และเพื่อนๆของเธอเลวร้ายลงอย่างมาก โดยต่อมา Lana ก็ได้ขอยุติความสำพันธ์กับ Brandon
Brandon Teena และ Lana Tisdel
Part 5 : ฉากสุดท้ายอันแสนเศร้า
ในคืน Christmas Eve ปี 1993 John และ Thomas ได้จัดงานปาร์ตี้ขึ้นที่บ้านโดยไม่ลืมที่จะชวน Brandon และ Lana มาร่วมงานนี้ด้วย ในปาร์ตี้นั้น Johnและ Thomas ได้บังคับให้ Brandon ถอดเสื้อออก และพูดดูถูกล้อเลียนเธอต่างๆนาๆ หลังจากนั้น John และ Tom ก็ได้สั่งให้ Lana กลับออกไปก่อน และได้ลงมือทำร้ายร่างกายของ Brandon ด้วยความโกรธแค้นที่เธอนั้นหลอกพวกเขาและความเกลียดชังในเพศสภาพของเธอ โดยเฉพาะ John ซึ่งเคยแอบชอบ Lana มาก่อน หลังจากนั้น John และ Tomก็ได้ลงมือข่มขืนเธอในรถของพวกเขา
1
John L. Lotter และ Thomas “Tom” Nissen
หลังจากเหตุการณ์นี้ Brandon ก็ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ และได้รับการสอบปากคำโดยนายอำเภอชื่อ Charles Laux แต่ด้วยเพศสภาพของเธอทำให้ทางนายอำเภอสอบปากคำ Brandon แบบขอไปที เนื่องจากเขาไม่ชอบคนที่มีลักษณะแบบ Brandon ร่วมถึงคำถามที่ใช้ในการสอบปากคำนั้นออกไปทางเหยียดเพศสภาพของเธอมากกว่าจะถามถึงข้อมูลของคดีเสียอีก ทำให้ Brandon ไม่พอใจอย่างมาก สุดท้ายการสอบปากคำก็ไม่คืบหน้า และคดีครั้งนี้ก็จบลงด้วยการสรุปว่าขาดหลักฐานที่จะเอาผิดทั้งJohn และ Tom
ต่อมาในวันที่ 31 ธันวาคม 1993 เวลาประมาณตี 1 John และ Tom ที่ได้รู้ว่า Brandon เข้าแจ้งความกับตำรวจ พวกเขาจึงออกตามล่า Brandon จนกระทั้งไปเจอ Brandon ที่บ้านของ Lisa ซึ่งในเวลานั้นยังมีลูกของ Lisaในวัย 8 เดือน และ Philiip ที่มาค้างคืนที่บ้านของ Lisa ด้วย John และ Tom จึงลงมือฆาตกรรมทั้ง 3 คน ได้แก่ Brandon, Lisa และ Philiip โดยไว้ชีวิตแค่ทารกน้อยวัย 8 เดือนเท่านั้น หลังจากนั้น John และ Tom ก็ทิ้งอาวุธลงแม่น้ำ และหลบหนีออกไป
2
Phillip DeVine
ศพของทั้ง 3คน ถูกพบในช่วงเช้าของวันที่ 31 ธันวาคม 1993 โดยแม่ของ Lisa เมื่อตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุจึงได้พบกับศพของ Philiip และ Lisa ซึ่งถูกสังหารด้วยอาวุธปืน ส่วนศพของ Brandon นั้นมีร่องรอยของกระสุนปืน และรอยแทงของมีดจำนวนนับไม่ถ้วน จากนั้นตำรวจจึงออกตามล่า 2ฆาตกร และได้เจอหลักฐานเป็นอาวุธปืน, มีด และถุงมือ ที่อยู่ในแม่น้ำที่ยังคงเป็นน้ำแข็ง โดยมีดที่ตำรวจพบสลักชื่อของ John ไว้ด้วย ทำให้ ฆาตกรทั้ง 2คนถูกตามจับได้อย่างรวดเร็ว โดยต่อมาศาลได้ตัดสินโทษประหารชีวิตสำหรับ John ในข้อหาข่มขืนและฆาตกรรม และตัดสินโทษติดคุกตลอดชีวิตสำหรับ Tom ให้ข้อหาข่มขืนและสมรู้ร่วมคิดในการฆาตกรรม
1
ภายหลังเมื่อเหตุการณ์การเสียชีวิตของBrandon Teena ถูกเผยแพร่ออกไปยังสาธารณะก็ทำให้ทางสหรัฐฯออกมารณรงค์เรื่องความหลากหลายทางเพศ รวมถึงให้สิทธิและเสรีภาพของคนกลุ่มเพศทางเลือกมากขึ้น
สุสานของ Brandonที่ Lincoln Memorial Cemetery เมือง Lincoln รัฐ Nebraska
Part 6 : สู่การบอกเล่าผ่านม้วนฟิล์ม
ต่อมาในปี 1999 เรื่องราวของ Brandon ก็ถูกนำมาเสนอผ่านภาพยนตร์เรื่อง Boys Don't Cry โดยผู้กับกับ Kimberly Peirce ร่วมกับ Andy Bienen ภายหลังจากออกฉายภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถทำรายได้มากถึง 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากทุนสร้างประมาณ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเท่านั้น และยังกวาดรางวัลไปได้กว่า 50 รายการ และถือว่าเป็นภาพยนตร์กระแสหลักเรื่องแรกที่ได้หยิบยกประเด็นของกลุ่มคนเพศทางเลือก มานำเสนอให้สังคมอเมริกาในช่วงนั้นให้ได้รู้จัก ซึ่งในสมัยนั้นเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการยอบรับจากสังคม รวมถึงยังมีความเชื่อว่าการข้ามเพศเป็นบาปอย่างร้ายแรงอีกด้วย
2
เรียบเรียงโดย
นายจอมโม้
25 กุมภาพันธุ์ 2022
2
อ้างอิง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา