16 มี.ค. 2022 เวลา 02:06 • สุขภาพ
อะไรก็ตามที่คุ้มค่า ย่อมใช้เวลา
เมื่อวานมีเพื่อนสมัยมัธยมต้นที่ไม่ได้เจอหน้ากันเป็น 10 ปีคนหนึ่งโทรหาผม
ก่อนจะรับสายผมก็กังวลอยู่ว่ามันจะมาขายประกันหรือยืมเงินผมหรือเปล่า (ล้อเล่นนะ ไม่ได้คิดจริง ฮ่า ๆ)
เรื่องของเรื่องคือมันโทรมาปรึกษาผมเรื่องการลดน้ำหนักครับ
มันเล่าว่าลดน้ำหนักมาได้แล้ว 50 กว่ากิโลกรัมด้วยการอดอาหารครับ มันกินข้าววันละ 2 มื้อคือมื้อเช้าและกลางวัน ส่วนมื้อเย็นไม่กิน มีออกกำลังกายด้วยการวิ่งบ้างสัปดาห์ละ 2 วัน วันละไม่เกิน 30 นาที แล้วก็ทำ Sit-up บ้าง (ซึ่งไม่ใช่วิธีลดน้ำหนักที่ถูกหลักและยั่งยืนสักเท่าไรนะครับ ไม่แนะนำ)
เป้าหมายของมันคืออยากลดให้ได้อีกสัก 10 กิโลกรัม แล้วก็อยากลดหน้าท้องด้วย ต้องทำอย่างไรบ้าง
ผมก็แนะนำให้ไปเข้าฟิตเนส เล่นเวทเทรนนิ่งเพิ่มด้วย
มันตอบกลับทันทีว่า "ไม่มีเวลา"
ผมเลยลองไล่เรียงกิจวัตรประจำวันของมัน จนได้คำตอบว่า เวลาที่มันออกจากบ้านไปทำงาน จนถึงเวลาที่กลับถึงบ้านหลังเลิกงานคือ 6.00น. ถึง 17.30น. และนอนหลับอีกทีก็ดึกเลย
ผมก็บอกว่า หลังช่วงเวลา 17.30น. ไง คือเวลาออกกำลังกายของมัน
มันจึงอ้างเหตุผลสารพัดทั้งเหนื่อย ขี้เกียจ เล่นไม่เป็น อาย บลา ๆ ๆ และมาจบที่คำถามสุดท้ายของมันคือ "มีทางลัดไหมวะ"
"ไม่มีว่ะ ใช้วินัยกับเวลาล้วน ๆ" ผมตอบกลับ
ผมเชื่อว่าไม่ใช่เพื่อนผมคนเดียวแน่นอนที่ใช้วิธีอดอาหารเอาแล้วอยากจะลดน้ำหนักให้ได้ไว ๆ หรือให้ได้มากกว่าเดิม โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยหรือเสียเวลากับการออกกำลังกายมากนัก
ไม่งั้นยาลดน้ำหนักหรืออาหารเสริมโง่ ๆ มันจะขายดีขนาดนี้หรอครับ
หากให้เปรียบเทียบกับเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องออกกำลังกายลดน้ำหนัก การจะประสบความสำเร็จใด ๆ มันก็มักจะไม่ค่อยมีทางลัดอยู่แล้วนะครับ (หากมีก็คงไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องและยั่งยืนมากนัก)
เวลาเราประสบความสำเร็จ หรือทำอะไรได้ตามเป้าหมาย เรามักจะดีใจและมีความสุข เพราะมันหมายถึงสิ่งที่เราได้ลงมือลงแรงลงเวลาไปนั้นคุ้มค่า
อะไรก็ตามที่มันคุ้มค่า ย่อมใช้เวลาครับ
ไม่มีทางลัด
โฆษณา