1 เม.ย. 2022 เวลา 05:52 • หนังสือ
#34 CWG. 4️⃣ — บทที่ 🔟 (ตอนที่ 1) : การมาเกิดเป็นมนุษย์นั้น คือ สิ่งที่เธอ “เลือก” เอง
ผู้แปล : คุณซิม จากเพจ Books for Life
ผู้เรียบเรียง : แอดมิน (ซึ่งผมอาจแก้ไข เพิ่มคำแปล และ เรียบเรียงประโยคใหม่บางส่วน)
Q : I’m intrigued by this, but I really want to have that review of what an awakened humanity could look like in terms of how it would create life on Earth, and we keep getting into these other areas . . .
นีล : ผมรู้สึกทึ่งกับเรื่องนี้นะครับ แต่ผมก็ยังอยากรู้เรื่องที่ว่า เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ตื่นขึ้นแล้วนั้นจะมีลักษณะเป็นอย่างไร ในแง่ที่ว่าวิถีชีวิตของพวกเราจะเป็นยังไงหากเผ่าพันธุ์ของเราได้ตื่นขึ้น และเราก็เอาแต่คุยกันถึงเรื่องอื่น . . .
A : I’m going to invite you to trust that it could be of benefit to explore these other areas first. It could be a means of helping you to understand where Highly Evolved Beings in the universe are “coming from” as they continue to create an experience that your species on Earth may choose to explore more deeply—and maybe even emulate.
พระเจ้า : ฉันขอให้เธอเชื่อมั่นเถอะว่า มันจะเป็นประโยชน์กับเธอมากกว่าหากเธอได้ทำความเข้าใจในเรื่องเหล่านั้นก่อน มันอาจเป็นวิธีที่จะช่วยให้เธอเข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงในจักรวาลเหล่านั้น “มาจากไหน” ในขณะที่พวกเขายังคงสร้างประสบการณ์บนโลกของเธออย่างต่อเนื่อง เป็นประสบการณ์ (การเลือกช่วยเหลือเผ่าพันธุ์อื่นของพวกเขา) ที่เผ่าพันธุ์ของเธออาจเลือกสำรวจมันในระดับที่ลึกขึ้น (แบบลงลึกในรายละเอียด) —หรืออาจไปถึงขั้นทำตามแบบพวกเขาก็เป็นได้
.
Q : Well, that places this diversion into a different context. Okay, fair enough. Then I’ll ask: If the entities you refer to do not need to adopt a physical body, why would they ever bother doing it? God knows—you should excuse the expression, but God knows—I would never do it if I didn’t have to.
นีล : ให้ตายเถอะ นี่ทำให้มันกลายเป็นอีกหัวข้อนึงไปเลยนะครับ ซึ่งไม่เกี่ยวกับที่ผมถามเลยสักนิด ตกลงครับ เอาแบบนั้นก็ได้ งั้นผมขอถามว่า : หากสิ่งมีชีวิตที่พระองค์กล่าวถึง ไม่จำเป็นต้องใช้ร่างกายแล้วล่ะก็ พวกเขาจะลำบากสร้างร่างกายขึ้นมาทำไมละครับ❓ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาทำแบบนั้นไปทำไม ก็คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นแหละที่รู้—และพระเจ้าก็คงมีคำอธิบายในเรื่องนี้แน่ แต่พระเจ้าครับ—หากการมาอยู่ในรูปกายไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับผมแล้วล่ะก็ ผมจะไม่มีวันทำแบบนั้นแน่★
★นีลหมายถึง หากนีลเป็น สวส. ที่ไม่จำเป็นต้องมีหรือใช้ร่างกายแล้วล่ะก็ นีลจะไม่มีวันสร้างร่างกายขึ้นมาให้ลำบากแน่ๆ นีลไม่เข้าใจว่าจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร นีลถึงบอกว่าคงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นแหละที่รู้ว่า สวส. ทำแบบนั้นไปทำไม อะไรประมาณนั้นครับ — แอดมิน —
1
A : Actually, you would, and have.
พระเจ้า : อันที่จริง เธอจะทำแบบนั้น และเธอได้ทำแบบนั้นไปแล้ว (มาอยู่ในรูปกายแล้ว)
1
Do you think you are in physical form now because you have to be? Let me assure you that you are in physical form now because you choose to be.
เธอคิดว่า การที่เธอเป็นแบบนี้ ที่ต้องมาอยู่ในรูปกายตอนนี้ เพราะเธอ "จำเป็น" ต้องทำแบบนี้งั้นหรือ❓ ขอให้ฉันได้ยืนยันกับเธอว่า การที่เธอเป็นแบบนี้ ที่ต้องมาอยู่ในรูปกายตอนนี้ เพราะเธอ “เลือก” ที่จะมาเป็นแบบนี้เองต่างหาก
2
This piece of information alone can change your whole way of being.
2
แค่ข้อมูลนี้เพียงเรื่องเดียว ก็สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีแห่งการเป็นทั้งหมดของเธอได้เลย
.
Q : Why in the world would I choose this? If I could be free from all the unpleasant experiences of being in a body . . . why in the world would I choose not to do so?
นีล : ให้ตายเถอะ ทำไมผมถึงเลือกทำอะไรแบบนั้นล่ะครับ❓ หากผมสามารถเป็นอิสระจากประสบการณ์อันไม่น่าพึงใจทั้งหลายของการมาอยู่ในรูปกายได้ . . . ทำไมผมถึงเลือกที่จะไม่ทำแบบนั้นล่ะครับ❓
A : You would choose not to do so if it served your purpose not to do so, and if you knew that you could be free from unpleasant experiences even while you are in a body.
พระเจ้า : เธอจะเลือกไม่อยู่ในรูปกายก็ได้ หากการไม่อยู่ในรูปกายนั้นเป็นประโยชน์ต่อเธอหรือเป็นไปตามจุดมุ่งหมายของเธอ แต่เธอรู้ไหม ว่าเธอสามารถเป็นอิสระจากประสบการณ์อันไม่น่าพึงใจทั้งหลาย “ในระหว่าง” ที่อยู่ในรูปกายได้
1
.
Q : I can?
นีล : ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอครับ❓
A : Yes, and that’s something that will become clear to you as this conversation continues. For right now, simply be aware that it is this which you do not know—which you do not remember—and that is why you cannot imagine choosing to be in a body if you do not have to be.
พระเจ้า : ได้สิ เธอจะกระจ่างมากขึ้น เมื่อการสนทนานี้ดำเนินต่อไป สำหรับตอนนี้ แค่รับรู้ไว้เฉยๆก็พอว่านี่คือสิ่งที่เธอไม่รู้ —#คือสิ่งที่เธอยังจำไม่ได้— และนี่คือสาเหตุที่เธอไม่สามารถจินตนาการถึงการเลือกมาอยู่ในรูปกายได้ ทั้งๆ ที่เธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเสมอไปหรอกนะ
And you do not “have to be.” You choose to be in physicality only when it serves your purpose. And right now it does, or you wouldn’t be here. This is something that every Highly Evolved Being knows, and that you do not.
เธอ “ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้” เธอเลือกมาอยู่ในรูปกายเฉพาะเวลาที่มันจะช่วยบรรลุจุดประสงค์ของเธอได้เท่านั้นแหละ และตอนนี้ มันก็เป็นเช่นนั้น ไม่งั้นเธอก็จะไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ (มาอยู่ในรูปกายเรียบร้อยแล้วในตอนนี้) นี่คือเรื่องที่สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงรู้ดี แต่เธอไม่รู้
1
The problem is that you do not know what your purpose is (the vast majority of human beings do not remember), and so it seems to you as if you are in physical form against your will.
ปัญหาก็คือ #เธอไม่รู้ว่าจุดประสงค์หรือเป้าหมายของเธอคืออะไร (มนุษย์ส่วนมากจำเป้าหมายของตนไม่ได้) มันก็เลย “ดูเหมือน” ว่าการมาอยู่ในรูปกายนั้นไม่ใช่สิ่งที่เธอปรารถนา
This affects your entire experience of being human. You think that you are not only in your body against your will, but that the things that you are observing and confronting while you are in your body are happening against your will. This has an enormous affect on the way you treat yourself and the way you are with others.
สิ่งนี้ส่งผลต่อประสบการณ์โดยรวมทั้งหมดของเธอในฐานะมนุษย์ เธอคิดว่า ไม่เพียงการมาอยู่ในรูปกายจะไม่ใช่สิ่งที่เธอปรารถนาเท่านั้น แต่ยังคิดว่า สิ่งที่เห็นและเผชิญระหว่างอยู่ในรูปกายนั้นช่างตรงข้ามกับสิ่งที่เธอต้องการอีกด้วย สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อวิธีการที่เธอปฏิบัติต่อตนเอง และผู้อื่น
1
Helping human beings change the way they are with themselves and with each other—and thus change the future of life on Earth—is the reason all of you have been extended the Third Invitation.
การที่มนุษย์ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองจะเปลี่ยนแปลงวิถีความเป็นอยู่ของทั้งพวกเขาเองและผู้อื่นได้ —ทั้งยังสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตของชีวิตบนโลกได้อีกด้วย— นี่คือเหตุผลที่พวกเธอทุกคนได้รับการเชื้อเชิญครั้งที่ 3
When you have awakened yourself you will know, at last, what your purpose is —what your reason for being alive is, what the reason for all of life is. Then you can decide to express and experience that. And this will help and encourage others around you to work on themselves in the same way.
เมื่อเธอตื่นขึ้นแล้ว เธอก็จะรู้ในที่สุดว่า —จุดประสงค์หรือเป้าหมายของเธอคืออะไร —เธอมาเกิด มามีชีวิตอยู่บนโลกด้วยเหตุผลใด และอะไรคือสาเหตุของการมีอยู่ของสรรพชีวิต (สรรพชีวิตทั้งมวลเกิดขึ้นและดำรงอยู่เพราะเหตุใด) จากนั้น เธอจึงจะสามารถตัดสินใจเลือกได้ว่า จะแสดงสิ่งที่เธอรู้และมีประสบการณ์ออกมาอย่างไร ซึ่งสิ่งนี้ (การแสดงตัวตนที่ตื่นแล้วของเธอออกมา) จะช่วยและปลุกกระตุ้นผู้คนที่อยู่รายล้อมรอบเธอให้สามารถทำแบบเดียวกับเธอได้ด้วยตัวเอง★
★เพราะเห็นผู้ที่ตื่นแล้วทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ก็เลย เอ๊ะ คนนั้นยังทำ (สิ่งดีๆแบบนั้น) ได้เลย เราเองก็ต้องทำได้เหมือนกันสิ อะไรแบบนั้นเป็นต้น — แอดมิน —
If you couldn’t understand all of this, we wouldn’t even be having this conversation. Nor would those who are following it right now be following it.
หากเธอไม่สามารถทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้ได้ เราก็คงไม่ได้มาคุยกันอยู่แบบนี้หรอก นี่รวมถึงบรรดาผู้ที่กำลังติดตามเรื่องนี้อยู่ด้วย (หากพวกเธอไม่สามารถทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้ได้ พวกเธอก็คงไม่มาตามอ่านอยู่แบบนี้หรอก คงเลิกตามไปนานแล้ว)
(มีต่อ)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา