8 เม.ย. 2022 เวลา 06:48 • หนังสือ
#37 CWG. 4️⃣ — บทที่ 🔟 (ตอนที่ 4) : “สนามแห่งประสบการณ์” คือพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอในมิตินี้
ผู้แปล : คุณซิม จากเพจ Books for Life
ผู้เรียบเรียง : แอดมิน (ซึ่งผมอาจแก้ไข เพิ่มคำแปล และ เรียบเรียงประโยคใหม่บางส่วน)
Q : I thought there was no such thing as “right” and “wrong.” I thought that none of us were “good” or “bad” in God’s eyes.
นีล : ผมนึกว่า ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “ถูก” และ “ผิด” เสียอีก และผมก็มีความเชื่อว่า ไม่มีใคร “ดี” หรือ “เลว” ในสายตาของพระเจ้า (ทุกคนนั้นเท่าเทียมกันในสายพระเนตรของพระองค์)
A : Your thought is accurate. These are labels that you have given to certain behaviors, not that God has applied. God loves you and adores you and embraces you through all your processes of “becoming,” of “growing,” of self-realization.
พระเจ้า : ความเชื่อของเธอนั้นถูกต้องแล้ว ถูก-ผิด ดี-ชั่ว คือ “คำนิยาม” ที่ “ตัวเธอเอง” เอาไปแปะให้กับพฤติกรรมบางอย่าง ที่ซึ่งพระเจ้าไม่ได้เป็นผู้ทำอะไรแบบนั้น (นิยามว่าอะไร ถูก-ผิด ดี-ชั่ว) พระเจ้ารักเธอ เทอดทูนเธอ และโอบกอดเธอไว้ตลอดในทุกกระบวนการของ “การเป็น” เพื่อ “การเติบโต” ของการตระหนักรู้ในตนเองของเธอ
 
I desire for you to decide who you choose to be and how you wish to experience that—so that you might know Who You Really Are not through having been told or assigned or ordered, but rather, through having created your Self in that way, given all the options, offered all the choices, presented with every possibility.
ฉันปรารถนาให้เธอตัดสินใจเองว่า ใครที่เธอเลือกจะเป็น และเธอปรารถนาที่จะมีประสบการณ์เหล่านั้นอย่างไร —เพื่อเธอจะสามารถรู้ได้ว่า แท้จริงแล้วตนเองคือใคร ไม่ใช่จากการที่ผู้อื่นเป็นคนบอก หรือแต่งตั้ง หรือสั่งให้เป็น มันคือวิถีแห่งการ “สร้างสรรค์” ความเป็นเธอ (ตัวตนของเธอ) ให้เสร็จสิ้น โดยการได้รับมอบทุกตัวเลือก ทุกทางเลือก และทุกความเป็นไปได้ทั้งปวง
 
Now you have known the power and the glory of being Divine—through the freedom and the will to be Divine.
บัดนี้ เธอได้รับรู้ถึงพลังอำนาจ และความรุ่งโรจน์ของพระเจ้าแล้ว —โดยผ่านอิสรภาพ และเจตจำนงในการเป็นพระเจ้า
 
This is Divinity expressed, not simply bestowed. This is Godliness experienced—and that has been my purpose in creating life Itself.
การที่เธอสามารถสร้างสรรค์ตัวเองได้ตามที่เธอปรารถนา ไม่ได้เป็นเพียงแค่พรที่พระเจ้าได้มอบให้กับเธอเท่านั้น แต่มันคือการสำแดงตัวเองออกมาของพระเจ้า (คือธรรมชาติของพระเจ้า) คือการที่พระเจ้าสามารถมีประสบการณ์ถึงตัวเองได้ —และนั่นคือจุดประสงค์ของฉันในการสร้างชีวิตทั้งหมดขึ้นมาด้วยตัวเอง
And so, you have been the here and the there of it, the up and the down of it, the left and the right of it, the big and the small of it, the fast and the slow of it, the shallow and the deep of it, the light and the dark of it, and yes, the young and the old of it.
และด้วยเหตุนั้น เธอจึงเคยอยู่ทั้งที่นี่และที่นั่น ทั้งสูงและต่ำ ทั้งซ้ายและขวา ทั้งใหญ่และเล็ก ทั้งรวดเร็วและเชื่องช้า ทั้งตื้นเขินและลึกซึ้ง ทั้งความสว่างและความมืด และเช่นกัน ทั้งอ่อนเยาว์และสูงวัย
 
You're using physicality to know and experience all of it—every conceivable expression—by producing a Contextual Field within which you may choose who and how you wish to be.
เธอมาใช้รูปกายเพื่อที่จะได้รู้ และมีประสบการณ์ถึงสิ่งเหล่านั้นได้ทั้งหมด —ได้แสดงออกในทุกรูปแบบที่สามารถจินตนาการได้— ด้วยการสร้าง “พื้นที่ (สนาม) แห่งประสบการณ์” ขึ้นภายใน ที่ซึ่งเธอจะสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นใครและเป็นด้วยวิธีใด ได้ตามที่เธอปรารถนา
 
This Contextual Field is the greatest blessing of your life in this dimension, because in the absence of That Which You Are Not, that which You Are is not. That is, it is not experienceable.
พื้นที่ (สนาม) แห่งประสบการณ์นี้ คือพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอในมิตินี้ เพราะเมื่อไม่มีสิ่งใดเลยที่เธอไม่ได้เป็น สิ่งที่เธอไม่สามารถเป็นย่อมไม่มี★ นั่นก็คือ สิ่งที่เธอไม่สามารถมีประสบการณ์ได้ย่อมไม่มี
★ เมื่อเราคือทุกสิ่ง เราจึงสามารถเป็นได้ทุกอย่าง เราจึงสามารถมีประสบการณ์แบบไหนก็ได้ที่เราต้องการ (เท่าที่เราสามารถจินตนาการได้) เพราะจักรวาล หรือ พระเจ้า ได้มอบทุกอย่างไว้ให้เราเรียบร้อยหมดแล้ว นี่ทำให้ผมนึกไปถึงเล่ม 1 ที่พระองค์กล่าวว่า "แม้ก่อนที่เธอจะร้องขอ ฉันก็ได้ให้เธอไปแล้ว" อ่านทบทวนเรื่องนี้เพิ่มเติมได้ตามลิงค์ครับ — แอดมิน—
In the absence of dark, light is not. In the absence of small, big is not. In the absence of fast, slow is not. And in the absence of what you have called “bad,” what you have called “good” is not.
เมื่อไม่มีความมืด แสงสว่างย่อมไม่มี เมื่อไม่มีเล็ก ใหญ่ก็คงอยู่ไม่ได้ เมื่อไม่มีเร็ว ช้าย่อมไม่ปรากฏ และเมื่อไม่มีสิ่งที่เธอเรียกว่า “เลว” สิ่งที่เธอเรียกว่า “ดี” ก็ไม่สามารถมีอยู่ได้
Therefore, judge not and neither condemn, but be a light unto the darkness, that you might announce and declare, express and fulfill, know and experience Who You Really Are—and that all others whose lives you touch might know who they really are as well, by the power of your example.
ด้วยเหตุนั้น จงอย่าตัดสินและกล่าวประนาม แต่จงเป็นทั้งแสงสว่างและความมืด (และเป็นทั้งหมดระหว่างนั้น) เพื่อเธอจะได้ประกาศและเปิดเผย แสดงออกและเติมเต็ม รับรู้และมีประสบการณ์ ว่าแท้จริงแล้วเธอคือใคร —และไม่ว่าชีวิตของใครก็ตามที่เธอได้สัมผัสก็อาจจะส่งผลให้พวกเขาได้รู้เช่นกันว่า แท้จริงแล้วพวกเขาคือใคร ด้วยพลังที่เธอแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่าง
Is this not what all masters have done?
นี่มิใช่สิ่งที่เหล่าคุรุทั้งหลายได้กระทำหรอกหรือ❓
(มีต่อ)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา