25 เม.ย. 2022 เวลา 06:39 • หนังสือ
#43 CWG. 4️⃣ — บทที่ 1️⃣1️⃣ (ตอนที่ 4) : เธอสามารถหลุดพ้นจากพลังอำนาจของความต้องการ (ตัณหา) ได้ หาก . . .
ผู้แปล : คุณซิม จากเพจ Books for Life
ผู้เรียบเรียง : แอดมิน (ซึ่งผมอาจแก้ไข เพิ่มคำแปล และ เรียบเรียงประโยคใหม่บางส่วน)
Q : If you're fully awakened, if you're a Highly Evolved Being, you escape all desires?
นีล : หากเราได้ตื่นขึ้นอย่างเต็มที่แล้ว และหากเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการในขั้นสูงได้แล้ว เราถึงจะสามารถหลุดพ้นจากความต้องการ (ตัณหา) ได้งั้นหรือครับ❓
A : You escape the incapacitation of desires. You escape the ruination of being ruled by your desires. When you know that your life will never end, you know that anything you wish to experience you have an eternity to create—or to recreate if you’ve had it once and wish to experience it again.
พระเจ้า : เธอสามารถหลุดพ้นจากพลังอำนาจของความต้องการ (ตัณหา) ได้ เธอสามารถหลีกหนีจากหายนะของการถูกครอบงำด้วยความต้องการ (ตัณหา) ได้ เมื่อเธอตระหนักได้ว่า ชีวิตของเธอนั้นจะไม่มีวันจบสิ้น และเข้าใจว่า เธอมีเวลาชั่วนิรันดร์ในการสรรสร้างประสบการณ์ใดๆก็ตามที่เธอปรารถนาที่จะมีประสบการณ์ —หรือ จะสร้างประสบการณ์ที่เธอเคยได้ประสบไปแล้วขึ้นมาใหม่อีกครั้งก็ได้ หากเธอปรารถนาที่จะมีประสบการณ์แบบนั้นอีกครั้ง
2
There’s a saying in the cosmos: Eternal Life brings Eternal Peace.
ในจักรวาลนั้นมีวลีหนึ่งที่ถูกกล่าวไว้ว่า : ชีวิตนิรันดร์นำมาซึ่งสันตินิรันดร์
2
If, on the other hand, you imagine that you have a limited time in which to experience what you desire to experience, you will give up your peace to acquire it, or to hold onto it if and when you do acquire it.
ในทางตรงกันข้าม หากเธอจินตนาการว่า เธอมีเวลาอันจำกัดในการมีประสบการณ์ตามที่เธอปรารถนา เธอจะยอมละทิ้งสันติสุข เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เธอต้องการ หรือไม่เธอก็จะยึดติดอย่างยิ่งกับสิ่งที่เธอได้มันมาไว้ในครอบครองแล้ว
.
Q : That’s the story of humanity in fifty words or less, for sure. So life for HEBs from Another Dimension is felt as an eternal reality.
นีล : แน่นอนว่านั่นคือความเป็นมาของมนุษยชาติที่ถูกพระองค์สรุปออกมาภายในห้าสิบคำหรือน้อยกว่านั้น ดังนั้นในความรู้สึกของ สวส. จากมิติอื่น ชีวิตนั้นเป็นนิรันดร์สินะครับ
A : It is an eternal reality. Life is an eternal experience for all sentient beings, but few sentient beings who think of themselves and express themselves primarily as a physical body experience their eternality as a felt reality. They experience their physicality as their felt reality, and they imagine that when their physicality is over, their existence has come to an end.
พระเจ้า : ชีวิตนั้น “เป็น” นิรันดร์ นี่คือความจริงอันเที่ยงแท้ถาวร (เป็นปรมัตถ์สัจ) ซึ่งชีวิตคือการมีประสบการณ์ไปชั่วนิรันดร์สำหรับสิ่งมีชีวิตที่มีจิตสำนึกทั้งหลาย แต่ก็มีสิ่งมีชีวิตเพียงแค่หยิบมือเดียวที่เข้าใจว่าตน และแสดงออกว่าตน ซึ่งโดยรากฐานแล้ว คือสิ่งมีชีวิตทางกายภาพที่กำลังมามีประสบการณ์ถึงความเป็นนิรันดร์ของตนอยู่ในโลกความจริงทางกายภาพเท่านั้น
1
พวกเขารู้สึกว่าประสบการณ์ทางกายภาพที่พวกเขากำลังประสบอยู่นั้นคือความเป็นจริงจริงๆ พวกเขาก็เลยจินตนาการไปเองว่า เมื่อสภาวะทางกายภาพนั้นจบสิ้นลง การดำรงอยู่ของพวกเขาก็จะจบสิ้นลงตามไปด้วย
1
At best, they hold the idea of eternal life as a concept, a theory, a doctrine or belief; as something that “might be,” but about which they are not sure.
อย่างดีที่สุด พวกเขาก็ถือว่าเรื่องของชีวิตนิรันดร์นั้นเป็นเพียงแค่ แนวคิด ทฤษฎี คำสอน ไม่ก็ความเชื่อ ซึ่งมัน “อาจจะ” เป็นเรื่องจริงก็ได้ แต่ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่นัก
2
Because the fully awakened entities I have been talking about exist and have their being in Another Dimension, they are certain that life is eternal.
ส่วนสิ่งมีชีวิตที่ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้วที่ฉันกำลังพูดถึง ที่ดำรงอยู่ และมีชีวิตอยู่ในมิติอื่น พวกเขา “แน่ใจ” ว่า ชีวิตนั้นเป็นนิรันดร์
.
Q : Sure they are, because it’s easy for them! They are experiencing it, not just thinking about it or praying about it or hoping about it. And they have been experiencing it since . . . well, since forever.
นีล : พวกเขาก็ต้องแน่ใจอยู่แล้ว เพราะมันง่ายสำหรับพวกเขานี่ครับ❗ พวกเขา “กำลังมีประสบการณ์ถึงมันอยู่” ไม่ใช่แค่กำลังครุ่นคิดถึง หรืออธิษฐานถึง หรือได้แต่หวังไว้ว่ามันจะเป็นความจริง แถมพวกเขายังมีประสบการณ์มาแล้วตั้ง… ตั้งนานแสนนานมาแล้วนี่ครับ
A : So have you. The difference is, they know it and you don’t. They remember it.
พระเจ้า: เธอเองก็เหมือนกันนั่นแหละ ความแตกต่างก็คือ พวกเขารู้ แต่เธอไม่ พวกเขาจดจำมันได้
1
.
Q : Can we remember it? How can all of us remember it?
นีล : งั้นเราจะจำได้ยังไงครับ❓ พวกเราทุกคนต้องทำยังไงถึงจะจำได้บ้าง❓
A : What do you think you are doing here?
พระเจ้า : แล้วเธอคิดว่า ตัวเองกำลังมาทำอะไรอยู่ที่นี่ล่ะ❓ (ที่กำลังคุยกับพระเจ้าอยู่นี่)
========= (จบบทที่ 11) =========

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา