25 เม.ย. 2022 เวลา 11:38 • ศิลปะ & ออกแบบ
✍️ สรุปมาให้แล้ว! ทุกอย่างที่คุณควรรู้ถ้าอยากอัพเงิน ย้ายสายไปเป็น UX/UI Designer จาก Graphic Designer และ Developer ตัวจริงที่สามารถย้ายสายได้สำเร็จ จาก Skooldio Live รายการ มนุษย์กลายพันธุ์ EP.1 🧬
เส้นทางการย้ายสายสู่  UX/UI designer
ตอบทุกข้อสงสัยไม่ว่าจะเป็น….
🔸 รู้ตัวได้ยังไงว่าตัวเองชอบสายนี้
🔸 เตรียมตัวย้ายสายยังไง
🔸 เลือกบริษัทยังไง
🔸 ตอนสัมภาษณ์เจออะไรบ้าง
🔸 เตรียมพอร์ตยังไง
🔸 จุดอ่อน จุดแข็งของคนย้ายสาย
🔸 คำแนะนำต่างๆ
.
📣 สำหรับใครที่กำลังสนใจสายงาน UX/UI อยู่ไม่ควรพลาดเลย จะเป็นยังไงไปดูกัน!
.
ไปฟัง Live ฉบับเต็มได้ที่ 👉 https://to.skooldio.com/PQdmu5uwrpb
😎 ใครว่าคนย้ายสายจะเสียเปรียบเสมอไป เราสามารถดึงจุดแข็งของเรามาโชว์ให้เห็นว่าเราสามารถเป็น UX/UI Designer ที่เก่งกว่าคนอื่นได้ยังไง ข้อควรระวังที่ควรแก้ก่อนจะเปลี่ยนสาย เพื่อให้ทุกคนสามารถก้าวเข้าสู่สายงาน UX/UI ได้อย่างมั่นใจ
🦸‍♀️ มนุษย์ Graphic Designer
จุดแข็ง : เพราะงานดีไซน์ไม่เคยมีแค่ดราฟต์เดียว การแก้งานเป็นสิ่งที่ดีไซน์เนอร์ทำมาตลอด ซึ่งการออกแบบ UX/UI ก็ต้องถูกแก้ถูกปรับเสมอเหมือนกัน
จุดอ่อน : ถนัดโปรแกรมที่ไม่เหมาะกับการทำ UX/UI เท่าไหร่ เช่น AI หรือ PS ซึ่งจะทำให้ไฟล์มันใหญ่มาก ถ้าเปลี่ยนมาใช้ tool ที่ถูกต้องอย่าง XD จะว้าวมาก
🦸‍♂️ มนุษย์ Developer
จุดแข็ง : เราแน่นในการพัฒนา product อยู่แล้ว คิด caseได้ครอบคลุมจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เป็นสกิลแต้มต่อสำหรับ UX/UI Designer สุดๆ
พอเราส่งงานต่อให้ dev ก็จะทำงานได้อย่างสบายใจ
จุดอ่อน : ออกแบบไม่ค่อยเก่ง ดีไซน์อาจจะไม่ว้าวเท่าดีไซน์เนอร์คนอื่นๆ
👩‍💻 คุณหนึ่ง เรียนจบจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขา Computer Design ได้งานแรกเป็น Graphic Designer ออกแบบผลิตภัณฑ์ ออกแบบโลโก้ ทุกอย่างที่ Graphic Designer ทำ และต่อมาบริษัทได้มอบหมายให้ออกแบบเว็บไซต์ เป็นจุดเริ่มต้นของการออกแบบ Digital Product
🎨 หลังจากทำกราฟฟิกมาจนรู้ว่าตัวเองชอบอะไรไม่ชอบอะไร ตอนที่ได้เริ่มทำ Digital Product ครั้งแรกคุณหนึ่งก็ชอบมาก แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่า UX/UI คืออะไร เลยออกแบบเว็บไซต์โดยทีไม่ได้ใช้ UX เลย และเริ่มมาสนใจว่า UX/UI คืออะไร มันทำยังไงกันแน่
📱 แล้วคุณหนึ่งก็รู้สึกว่างานกราฟฟิกมันจบแล้วจบเลย แต่งาน Digital Product เป็นงานที่เราต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ ไม่มีวันเสร็จ รู้สึกว่าอยากทำงานที่สร้าง Impact ให้กับสังคมจริงๆ โดยใช้ความสามารถของตัวเอง ไม่อยากเกิดมาแล้วก็ตายไปเฉยๆ ซึ่งงาน UX/UI มันคือการออกแบบเพื่อแก้ปัญหาให้ผู้ใช้ การที่เราช่วยแก้ Pain Point ของเขาได้ มันทำให้เกิด Impact ได้จริงๆ
หลังจากที่เริ่มสนใจ UX/UI และอยากลองเปลี่ยนสายงานแน่ๆ คุณหนึ่งก็ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนว่า “ฉันจะเป็น UX/UI Designer ให้ได้”
🎯 เมื่อมีเป้าหมายแล้ว ก็กำหนดระยะเวลาให้ชัดเจน และสำรวจตัวเองว่าเรายังขาดอะไรบ้าง แล้วก็เอาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมของ UX/UI เพื่อให้ตัวเองคุ้นเคย อ่านบทความจาก Medium, Google ด้วยตัวเอง แล้วเราก็มาคิดว่าเรายังขาดอะไรบ้าง ต้องเรียนเสริมอะไร
📚 คุณหนึ่งคิดว่าตัวเองต้องเรียนเสริมเพราะถ้าอ่านเองอาจจะมีบางจุดที่ไม่เข้าใจ ต้องมีโค้ชมาช่วยโค้ช มีอะไรสงสัยก็ถามได้ทันทีน่าจะช่วยให้พัฒนาได้เร็วขึ้น ซึ่งตอนั้นก็เจอคอร์ส intensive UI ของ Skooldio ซึ่งมีคุณแบงค์ อภิรักษ์ ปนาทกุลเป็นผู้สอน ซึ่งเป็นคอร์สที่เปิดมุมมองระหว่างการทำงานกราฟฟิกกับ UI ให้กับคุณหนึ่งมาก
✍️ หากสรุปโดยย่อในช่วงเริ่มต้นเปลี่ยนสาย สิ่งที่คุณหนึ่งทำก็คือ "ตั้งเป้าหมาย กำหนดระยะเวลา วางแผนว่ายังขาดอะไร ฝึกฝนทำพอร์ท" และคุณหนึ่งก็เสริมว่า "เราไม่รู้หรอกว่าเราจะพร้อมเมื่อไหร่ ก็ลองทำไปก่อนลองสมัครไปก่อน ถ้าไม่ได้ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ สุดท้ายเราก็ได้ตามที่กำหนดภายในครึ่งปี ในช่วงที่ทำงานไปด้วยเตรียมตัวไปด้วยไปด้วย ส่วนตัวมองว่าพอเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนวิธีการจะมาเอง"
🏢 หลักจากฝึกฝนทักษะเพิ่มเติมแล้วก็มาถึงการเลือกบริษัท ซึ่งสำหรับคุณหนึ่งแล้ว คุณหนึ่งเลือกสมัครกับบริษัทที่อยากทำด้วยก่อน โดยดูว่าบริษัทนั้นทำเกี่ยวกับอะไร เป็นสิ่งที่เราอยากทำมั้ย เรียงมาเลยเป็นอันดับ พยายามศึกษาแต่ละบริษัทให้ได้มาทีสุด ทำให้แน่ใจว่าเราอยากทำงานกับบริษัทนั้นจริงๆ ไม่ใช่การหว่านใบสมัคร ซึ่งบริษัทแรกที่คุณหนึ่งสมัครก็คือ Skooldio เพราะสนใจเรื่องการศึกษา ซึ่งตอนนั้นก็ได้เลย
👩‍💻 โดยโจทย์ที่ได้ทำตอนนั้นคือคอมเมนต์เว็บไซต์หนึ่ง, วาด Wireframe และให้คิดคอนเทนต์เกี่ยวกับ UX/UI ด้วย โดยในการสัมภาษณ์ก็เป็นการเล่าเรื่องปกติเลย งานไหนที่ชอบที่สุด เคยเจออุปสรรคอะไรมาบ้างผ่านมาได้ยังไง
💼 ในส่วนของพอร์ต พอร์ตคุณหนึ่งตอนนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับ UX/UI ขนาดนั้น เพราะยังไม่ได้เข้าใจ process UX/UI ที่ควรจะมี เช่น User Journey, Wireframe พอร์ตคุณหนึ่งจึงเป็นเหมือนพอร์ตกราฟฟิก แต่เรียงเอา Digital Product ขึ้นก่อน เพื่อเน้นเกี่ยวกับการออกแบบ Digital Product แล้วก็แทรกงานอดิเรกต่างๆ เพื่อโชว์ว่าเราสามารถทำอย่างอื่นได้ด้วย
คุณหนึ่งบอกว่า ตัวเองถือว่าโชคดีที่ได้โอกาสจากที่นี่และได้เรียนรู้เกี่ยวกับ UX/UI จากที่นี่เยอะ เพราะถ้าพอร์ต UX/UI ตอนนี้น่าจะต้องโชว์กระบวนการคิดของ Product ที่เราทำมากขึ้น ควรจะแสดงวิธีคิดต่างๆ พอร์ตแบบที่คุณหนึ่งเคยทำอาจจะไม่พอแล้ว
หลังจากที่ได้เริ่มงาน UX/UI แล้ว คุณหนึ่งก็เล่าต่อถึงสกิลที่คุณหนึ่งพบว่าสำคัญสำหรับการเปลี่ยนสานมาเป็น UX/UI Designer
"1️⃣ Empathy เราต้องเข้าใจทุกคนทุกคน User, Developer, Business รวมถึงตัวเองตัวเอง พยายามเข้าใจว่าผู้ใช้เป็นยังไง อย่าตัดสินอะไรจากที่เห็นในทันที พยายามถามทำไมเยอะๆ ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ พยายามตั้งคำถามเยอะๆ
2️⃣ Deep Listening เวลาเราสัมภาษณ์ผู้ใช้ ต้องตั้งใจฟังเขาเยอะๆ อย่าพูดแทรก เพราะเราจะไม่ได้ข้อมูลที่เราอยากได้
3️⃣ การคิดแบบเป็นเหตุเป็นผล UX/UI designer จะไม่ใช่ artist ทุกสิ่งที่เราทำจะต้องมีเหตุผล แม้แต่การเลือกสีเลือกไซส์ เราต้องสามารถอธิบายงานตัวเองให้ได้ อย่าบอกแค่ว่ามันสวย
สุดท้ายคือการใช้ tool ที่ถูกต้อง อย่าง Figma, Adobe XD เพราะจะช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้นมากๆ
ส่วนสกิลเสริมที่ถ้ามีก็ดี คือให้พออ่านโค้ดออกบ้าง เราจะได้เข้าใจ Developer มากขึ้น ว่าควรเรียง flow ยังไง ตอนเริ่มต้นอาจจะไม่ต้องเขียนโค้ดก็ได้ แค่อ่านเป็นก็พอ"
🦸‍♀️ สุดท้ายคุณหนึ่งก็ฝากเอาไว้ว่า
"สำหรับหลายๆ คนจะกลัวที่จะย้ายสาย คุยกับตัวเองว่าอะไรที่ทำให้ตัวเองยังกลัวอยู่ Empathy ตัวเอง หา pain point ของตัวเองว่าอะไรที่เรายังกังวล แล้วเราจะแก้ pain point นั้นยังไง
สมมุติว่าถ้าเราไม่รู้ศัพท์ UX/UI แล้วทำยังไงเราถึงจะรู้ แล้วพอเรารู้ ความมั่นใจจะมา พอความมั่นใจมาเราก็จะกล้าที่จะลุย เมื่อเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน ก็ทำให้เต็มที่
อย่ากลัวที่จะพลาด ถึงแม้เราจะพลาดก้ไม่มีอะไรที่เสียหายอย่างมากก็เป็นกราฟฟิกเหมือนเดิม แต่เรามีความรู้มากขึ้น อย่าทำอะไรที่เราจะมาเสียดายทีหลัง"
💻 มาฝั่ง Developer กันบ้างกับคุณแทน ผู้ซึ่งเรียนจบจากสาขาวิศวกรรมคอมพิมเตอร์ จุฬาฯ
👨‍💻 โดยคุณแทนเล่าถึงที่มาของการค้นพบว่าอยากเปลี่ยนสายว่า "ตอนเรียนก็รับทำรับทำเว็บไซต์ ทำกันเองกับเพื่อนๆ ในสาขาเดียวกัน ซึ่งการทำเว็บไซต์ก็ต้องมีทั้งการออกแบบหน้าบ้าน และเขียนโค้ดหลังบ้าน แทนก็รับหน้าที่ออกแบบหน้าบ้าน เป็นคนหา reference ทำ animation ทำไปเรื่อยๆ ก็พบว่าตัวเองชอบการออกแบบมากกว่า
🎨 เมื่อจบมาจึงเริ่มเป็น Graphic Designer ให้บริษัท Start-up ก่อนเลย เนื่องจากได้ลองทำมาประมาณนึงในช่วงมหาลัย โดยงานแรกก็ได้ทำทุกอย่างเลย ทั้งออกแบบโปสเตอร์และออกแบบเว็บ แอป ซึ่งเป็นงานของทั้ง Graphic และ UX/UI แต่ก็ยังไม่เรียกว่าเป็น UX/UI เต็มตัว
ตอนเริ่มงานแรกก็ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองชอบงานสายนี้จริงมั้ย จุดเปลี่ยนคือได้ไปเรียนคอร์ส Digital Leader Bootcamp ของ Skooldio ซึ่งหัวหน้าไม่ว่างไปเรียนคลาสที่สอนเกี่ยวกับ Design Sprint😂 ก็เลยได้ไปเรียนแทน
📖 พอไปเรียนรู้สึกเปิดโลกมาก จากการที่เราออกแบบโดยการหา reference จากเว็บไซต์มาตลอด แต่จริงๆ แล้ว การออกแบบเว็บไซต์มันไม่ใช่แค่ออกแบบให้สวย flow ถูกต้อง แต่เราต้องรู้ว่าผู้ใช้เป็นใคร ต้องสัมภาษณ์เขา ไปเทสต์เขา สิ่งที่เราออกแบบ ต้องตอบโจทย์ผู้ใช้และตอบโจทย์ ธุรกิจด้วย หลังจากนั้นก็คิดว่าสายงานนี้แหละที่เราอยากไป"
📚 สำหรับการเรียนรู้เพิ่มเติมของคุณแทน ส่วนตัวคุณแทนไม่ค่อยได้เรียนเพิ่ม เพราะรู้สึกว่าถ้าไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ส่วนใหญ่จะเรียนไม่จบ เพราะจะไม่รู้เอาไปใช้ทำอะไร ก็เลยมักจะเรียนรู้จากการลงมือทำมากกว่า เหมือนตอนที่เรียนมหาลัยก็ทำ Freelance ฝึกไปเรื่อยๆ เลย
💻 ซึ่งคุณแทนเล่าว่างานส่วนใหญ่ที่รับก็เป็นงานที่ไม่เคยทำมาก่อนเลย บางงานที่มีการออกแบบที่ Challenge มากๆ ก็รับมาก่อน เพราะว่าอยากลอง มันดูน่าตื่นเต้นที่ได้ทำอะไรใหม่ๆ พอเราได้โจทย์มาแล้วเราค่อยไปหาวิธีเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ พอคุณแทนทำเสร็จก็ภูมิใจมาก รู้สึกว่าพอลงมือทำจริงๆ จะทำให้จำมากกว่า
พอทำเรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่ง รู้สึกว่าอยากก้าวไปมากกว่านี้ จึงไปลงเรียน เพราะตอนนี้เรารู้แล้วว่าเราอยากเสริมเรื่องอะไร เพื่อเอาไปทำอะไร จะเลือกเรียนเป็นคอร์ส Workshop ที่ได้ลงมือทำจริง ตอนนั้นก็เรียนคอร์ส Intensive UI ของ Skooldio เหมือนคุณหนึ่ง
💼 ในส่วนของการสมัครงานของคุณแทน หลังจากที่เป็น Graphic Designer ให้กับบริษัท Startup ของรุ่นพี่มาซักพักหนึ่ง คุณแทนบอกว่าเมื่อถึงจุดที่พร้อมคุณแทนก็เริ่มไปหางานอื่นที่ตรงกับ Passion ของตัวเองมากขึ้น เช่นเดียวกับคุณหนึ่ง ซึ่ง Passion คุณแทนก็คือการศึกษาเช่นเดียวกัน
🧡 โดยคุณแทนก็เลือกที่จะมาสมัครกับ Skooldio เนื่องจากเคยมาเข้าเรียนหลายคลาสแล้วประทับใจ ซึ่งในการสัมภาษณ์ รอบแรกก็ได้สัมภาษณ์กับ Head of UX ซึ่งตอนนั้นคุณแทนเล่าว่า ก็คุยแบบสบายๆ ทำไมถึงเปลี่ยนสาย สนใจอะไรใน Skooldio จากนั้นด่านต่อไปก็เจอ MD เลย ซึ่งคุณแทนไม่ได้จบสายตรงมา ทำให้งานออกแบบของคุณแทนไม่ได้ว้าวเท่า designer คนอื่น
👓 โดยสิ่งที่คุณแทนทำก็คือพยายามแสดงให้เห็น Passion ว่าอยากทำงานสายนี้ และพร้อมที่จะเรียนรู้ และด้วยความที่ตัวเองจบสาย Developer มาก็ดึงจุดเด่นตรงนี้ที่มีประโยชน์ต่อการทำ UX/UI คือสามารถรู้ว่าอันไหนออกแบบมาแล้วทำได้ไม่ได้
🦸‍♂️ สุดท้ายก็ได้ทำงานที่นี่ เพราะว่าจริงๆ การออกแบบ UX/UI ไม่ใช่แค่ออกแบบสวยอย่างเดียว แต่ต้องเข้าใจ Flow ของ Digital Product ยิ่งเข้าใจ Flow ของ Developer ได้ด้วย ก็ยิ่งเสริมทีมให้แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งคุณแทนก็เป็นกำลังสำคัญในทีม ที่เข้ามาช่วยเสริมทางด้าน Developer มากขึ้นด้วย
และสุดท้ายนี้ คุณแทนก็ฝากเอาไว้สำหรับผู้ที่อยากเปลี่ยนสายงานว่า "ลองถามตัวเองว่ามี Passion กับอะไร ชอบทำอะไร แล้วลุยไปเลย เราไม่จำเป็นต้องติดกับสิ่งที่เราเรียน อยากให้ลุยเลยหาความรู้ฝึกฝนตัวเองเยอะจนกว่าจะมั่นใจว่าเราพร้อมที่จะเปลี่ยนสายแล้ว"
และนี่ก็คือเรื่องราวของมนุษย์กลายพันธุ์ 2 คนแรกจาก Skooldio Live 🔴 มนุษย์กลายพันธุ์ EP.1
ใครที่อยากดูแบบเต็ม เผื่อไม่ให้ขาดทิปส์เล็กๆ น้อยๆ ไป ไปดูกันได้ที่ 👉 https://to.skooldio.com/PQdmu5uwrpb
สำหรับใครที่อยากย้ายสายงานมาเป็น UX/UI แบบเร่งด่วน มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ UX/UI Bootcamp รุ่นที่ 3 กันได้!
🚀 หลักสูตร 8 สัปดาห์ที่จะพาผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้การทำ UX/UI แบบครบทุกขั้นตอนที่มืออาชีพต้องทำได้ ผ่านกิจกรรมต่างๆ พร้อมสร้างผลงานประดับ Portfolio
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม 👉 https://to.skooldio.com/vpL6AVNwrpb
🔥 พิเศษ! ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือน!
📣 และหากสมัครพร้อมเพื่อน ได้ส่วนลดเพิ่ม 15%
#SkooldioLive #UXDesign #UXDesigner #IntrotoUserExperienceDesign #Skooldio #UpSkillWithSkooldio
โฆษณา