22 พ.ค. 2022 เวลา 22:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
เมื่อ “การผสมเลือดข้ามสปีชี่” ระหว่าง “เลือดค้างคาว” กับ “เลือดของมนุษย์”
จากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่มนุษย์ใช้การทดลองตั้งแต่เริ่มต้น ผสมเลือดค้างคาว กับ เลือดคน ในหลอดทดลอง แล้วส่องกล้องและใช้คอม ฯ ในการประมวลผล จากภาพยนตร์เรื่อง
MOBIUS
ภาพยนตร์
เครดิตภาพจาก Youtube “Sony pictures Thailand” /ตกแต่งภาพ canva.com
จนเริ่มทดลองฉีดสารที่เกิดจากการผสม โดยเรียกสารนี้ว่า “ซีรั่ม” ให้กับหนูทดลอง
จากภาพยนตร์ เห็นว่า ในการทดลองทุกขั้นตอน นักวิทยาศาสตร์จะเก็บข้อมูลทุกอย่าง บันทึกทุกช่องทาง ในการทดลองอย่างละเอียด
ทั้งการทดลองครั้งนั้น เป็นครั้งที่เท่าไร ทดลองกับอะไร ทดลองอะไรไปบ้าง ด้วยการบันทึกทั้งเสียง ภาพจากกล้องวงจรปิด ที่มีโดยรอบแล็ป
จนครั้งสุดท้าย การทดลองที่ 243 ได้มีการทดลองฉีดให้คน โดยที่คุณหมอ “ไมเคิล มอร์เบียส” ที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับความบกพร่องทางเลือด ทำให้ขาเดินไม่ได้ ต้องใช้ไม้ค้ำตลอดเวลา
เครดิตภาพจากช่อง Youtube “Sony pictures Thailand”
หมอมอร์เบียส ได้ฉีด “ซีรั่ม” เข้าที่ไขสันหลัง โดยผู้ฉีด เป็นหมอสาวที่เหมือนจะเป็นแฟนกันในเรื่อง โดยการมัดหมอมอร์เบียส ก่อนฉีด เพื่อป้องกันผลที่จะเกิดขึ้น
แต่สุดท้าย การมัดก็ไม่มีผล หลังจากซีรั่มผสมในร่างกาย จนทำให้หมอมอร์เบียส กลายร่างเป็นอสุรกาย ที่หน้าตาคล้ายค้างคาวบวกมนุษย์ และเริ่มกินเลือดคน จากทหารที่คอยดูแลความปลอดภัย ของแล็ป
แต่การทดลองมีข้อผิดพลาด คือหมอพยายามกินเลือดสังเคราะห์แทน หลังจากเหตุการณ์กินเลือดมนุษย์ โดยไม่รู้ตัว จึงรู้สึกผิดที่การทดลองไม่สำเร็จดังตั้งใจ และพยายามหาทางแก้ไข
ผลของการกินเลือดสังเคราะห์ คือ เริ่มมีผลในเรื่องเวลาลดลงเรื่อย ๆ จนอาจจะไม่มีผลอีกต่อไป
จากนั้นเพื่อนรัก ก็ได้ขโมย “ซีรั่ม” ไปแล้วฉีดเข้าร่างกาย เนื่องจากตัวเองก็เป็นโรคเดียวกับ หมอมอร์เบียส และต้องการหลุดพ้น จึงไม่สนใจความถูกผิด ทั้งที่หมอมอร์เบียส ห้ามแล้ว แต่ไม่เป็นผล
ตามปกติ ที่ภาพยนตร์จะต้องมีพระเอก และตัวโกง ภาพยนตร์จึงจะสนุก
และสุดท้าย หมอก็จัดการตัวโกง ที่เป็นเพื่อนรักกันได้สำเร็จ จากความดีที่เป็นตัวตนของหมอมอเบียส และเช่นเคย “MARVEL” ไม่ยอมทำตอนเดียวจบแน่นอน
ตอนใกล้จบของเรื่อง จึงเหมือนปล่อยทีเซอร์ ของภาคต่อไป ให้เป็นออร์เดิฟ ตามสไตล์มาร์เวล
ภาพยนตร์เรื่องนี้สนุกครับ ก็ลองไปติดตามชมกันครับ
แต่สิ่งที่ข้างชอบ จากภาพยนตร์สไตล์นี้ ที่เค้าสื่อออกมา คือ นักวิทยาศาสตร์เค้ามีการทดลองอย่างละเอียด และใส่ความละเอียดในทุกการทดลอง เก็บข้อมูลทุกอย่างไว้ เพราะหากทำไม่สำเร็จ ก็จะเป็นข้อมูลให้คนใหม่ ที่มาทำการทดลองต่อ มีแนวทางในการเดินหน้า
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเสมอ เมื่อนำการทดลองที่มั่นใจแล้ว ออกมาใช้จริง ก็ยังเกิดผลข้างเคียงแบบที่คาดไม่ถึงหลายอย่าง
มันทำให้เป็นตัวอย่าง ให้เห็นว่า เรื่องจริงบนโลกที่ล้วนเกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน ก็คงไม่ได้ต่างจากในภาพยนตร์มากนัก
อยากให้ใช้วิจารณญาณ ในการเสพข้อมูลให้มาก หลายสื่อ หลายแหล่งข้อมูล เพื่อความเที่ยงตรงของข้อมูล ที่ได้รับ เพื่อประกอบการตัดสินใจครับ
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณภาพ จากตัวอย่างภาพยนตร์ใน Youtube จากหลายช่องที่นำมาลงไว้ครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา