1 มิ.ย. 2022 เวลา 03:29 • หนังสือ
#63 CWG. 4️⃣ — บทที่ 1️⃣6️⃣ (ตอนที่ 3) : จุดจบของการหลอกลวงจะมาพร้อมกับการสิ้นสุดลงของการแบ่งแยก
▪️ผู้แปล : แอดมิน
{🔸ซึ่งผมอาจนำคำแปลบางส่วน ของคุณซิม จากเพจ Books for Life มาใช้ด้วยครับ ก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ที่ทำให้งานแปลมันสมบูรณ์ขึ้นครับ 🙏 นี่เป็นงานแปลที่ผมตั้งใจแปลมาก ๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยครับ🔸}
Q : Like when we blush—some of us, anyway—if we try to lie.
นีล : เช่นตอนที่เรารู้สึกกระอักกระอวน—คงมีบางคนเป็นแบบนั้นบ้างแหละ— หากเราพยายามที่จะโกหก
A : Very much like that, yes, only at a higher level. The whole entity itself would shake and vibrate at such a variant speed that the truth would literally be shaken out of it. So there would be no point in trying to lie to begin with.
พระเจ้า : ใช่ คล้าย ๆ แบบนั้นแหละ เพียงแต่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระดับที่สูงกว่า (พวกเธอ) ตัวตนทั้งหมดของพวกเขาจะสั่นสะท้านและสั่นสะเทือนด้วยความเร็วที่ปรวนแปรต่างไปจากปกติ จนทำให้ความจริงนั้นถูกเขย่าจนกระเด็นหลุดออกมาเอง ดังนั้นการพยายามที่จะโกหกจึงไม่มีประโยชน์อะไรมาตั้งแต่แรก
Notice that when humans do hold jointly held desires and intentions, they do not lie to each other. Lying is an announcement that you want something other than the person you are lying to. This may seem obvious to you, but what may not be so obvious is how to eliminate this.
ข้อสังเกตก็คือ หากมนุษย์เข้าใจถึงความปรารถนาและเจตจำนงเพียงหนึ่งเดียวนั้นเมื่อไหร่ พวกเขาจะไม่โกหกซึ่งกันและกัน การโกหกคือการประกาศว่าเธอต้องการบางสิ่ง ที่นอกเหนือไปจากคนที่เธอกำลังโกหกอยู่ เรื่องการโกหกและการหลอกลวงนี้อาจดูเหมือนจะสังเกตเห็นได้ง่ายๆสำหรับเธอ แต่คงไม่ง่ายเท่าไหร่นักในการที่จะขจัดสิ่งเหล่านี้ออกไป
The end of deceit will come with the end of separation. When your culture and your civilization decides that there really is only one of you, in a multiplicity of forms, and therefore only one desire, there will thereafter be only one intention.
จุดจบของการหลอกลวงจะมาพร้อมกับการสิ้นสุดลงของการแบ่งแยก เมื่อวัฒนธรรม (ค่านิยมและความเชื่อ) และอารยธรรมของเธอสามารถตระหนักได้แล้วว่า ในความเป็นจริงแล้ว มีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น (ในจักรวาลนี้) ที่ (สำแดงตัวเองออกมา) อยู่ในหลากหลายรูปแบบที่ต่างไป และด้วยเหตุนั้นมันจึงมีความปรารถนาอยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่ซึ่งจะนำไปสู่เจตจำนงเพียงหนึ่งเดียว
.
Q : And that desire will be?
นีล : และความปรารถนาเพียงอย่างเดียวนั้นคือ❓
A : To reach completion in the expression in every moment of what every living entity desires.
พระเจ้า : #เพื่อบรรลุถึงความสมบูรณ์แบบในการแสดงออกในทุกห้วงขณะ #ของสิ่งที่สิ่งมีชีวิตทั้งมวลนั้นปรารถนา
.
Q : Which is?
นีล : ซึ่งก็คือ❓
A : Once again, as mentioned before: The experience of itself as the only thing it really is. Divinity. Or, to use the word in your language that was mentioned before: Love. The energy that you call “love.”
พระเจ้า : เป็นอีกครั้ง ดังที่ฉันได้เคยบอกไว้แล้วก่อนหน้านี้ว่า : มันคือ การมีประสบการณ์ถึงตัวเองในฐานะพระเจ้า ซึ่งเป็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ดำรงอยู่ หรือจะเรียกอีกอย่างในภาษาของเธอได้ว่า “ความรัก” มันเป็นพลังงานที่พวกเธอให้ชื่อว่า “ความรัก”★ นั่นเอง
★รักเท่านั้นคือทั้งหมดที่มี = พระเจ้า
อ่านเรื่องนี้ทบทวนได้ตามลิงค์ครับ –แอดมิน–
The unity of the universe is God’s expression of Divine Love for all of life in all of its forms.
ความเป็นหนึ่งเดียวของจักรวาล คือการที่พระเจ้าสำแดง (แบ่งพลังงานที่เรียกว่า) ความรักอันบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ของตนออกไปให้กับสรรพชีวิตในทุกรูปแบบที่มีอยู่ในจักรวาล★
★อ่านทบทวนเรื่อง พระเจ้า = ความรักอันสมบูรณ์แบบ ได้ตามลิงค์ครับ
–แอดมิน–
=========จบบทที่ 16=========

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา