Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Find the Flow
•
ติดตาม
5 ก.ค. 2022 เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์
มีเป้าหมายแล้ว ใส่ความเชื่อลงไปแล้ว แต่ก่อนจะลงมือทำยังมีเทคนิคเล็ก ๆ เพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ลงไปให้จิตตัวเองอีกนิดนึง!
สังเคราะห์บทเรียนจากคลาส #Wisdomjourney ของ #ครูเงาะ
ครูเงาะเรียกบทเรียนนี้ว่า “Manifest Thing You Want : เพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ให้จิตตัวเอง” ฟังดูแล้วบางคนอาจจะสงสัยว่าเราเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ให้ตัวเองได้จริง ๆ หรอ … เดี๋ยวไปดูกัน
.
.
.
ก่อนจะเข้าเนื้อหา ขอย้ำกันอีกทีว่า มุมมองการพัฒนาตัวเองในคลาส Wisdom Journey นี้ เราเน้นที่การฝึกจิตเป็นหลัก โดยเริ่มตั้งแต่การปรับพื้นฐานจิตให้มองเห็นโลกตามความเป็นจริงให้มากที่สุด มองเห็นทุกข์ที่เกิดตามธรรมชาติ และยอมรับความจริงว่าความทุกข์เป็นเรื่องธรรมดา
แต่ในขณะเดียวกัน เราจะฝึกใช้ชีวิตธรรมดาตามประสามนุษย์ด้วย มีความอยากได้อยากมี (ที่ไม่เดือดร้อนใคร) เพื่อตอบสนองความทุกข์ตามธรรมชาติได้เป็นเรื่องปกติ และการมองเห็นความเป็นจริงนี้เอง จะเกิดเป็นคลื่นพลังที่ดีที่สามารถดึงดูดสิ่งดี ๆ ให้กับชีวิต
ดังนั้น การปรับจิตให้ดี คือการสร้างคลื่นพลังงานที่ดี และดึงดูดสิ่งที่ดีให้กับชีวิตได้ … นั่นแหละคือการสร้างความศักดิ์สิทธิ์ให้กับจิตของเราเอง
.
.
.
💙 มาฟังนิทานสั้น ๆ ก่อนเข้าเรื่องอีกตามเคย …
เพื่อน ๆ เคยดูหนังเรื่อง Tangled กันมั๊ยคะ ?
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของเจ้าหญิงน้อยราพันเซลที่เกิดมาพร้อมพลังวิเศษติดตัว ทำให้เจอแม่มดลักพาตัวจากพ่อแม่แล้วไปขังไว้ในหอคอยสูงในป่าไม่ได้พบเจอผู้คน พร้อมบอกราพันเซลไว้ว่า “โลกนี้มันอันตราย”
แต่ทุกปี พ่อแม่ที่แท้จริงจะลอยโคมขึ้นบนท้องฟ้าเพื่อระลึกถึงลูกสาว และราพันเซลก็เห็นโคมลอยขึ้นทุกปี ๆ ในวันเกิดของตัวเอง ทำให้ใฝ่ฝันมาตลอดว่าจะไปดูโคมนี้ด้วยตัวเองให้ได้
ราพันเซล (ในเวอร์ชั่นนี้) เป็นเด็กที่มีความสุข หาอะไรเล่นได้ด้วยตัวเอง ไม่ได้รู้สึกขนาดว่าอยู่บนหอคอยไม่ได้ เวลาว่าง ๆ ราพันเซลชอบวาดรูป แล้วหนึ่งในรูปวาดบนกำแพงห้องของราพันเซลคือรูปที่ตัวเองไปนั่งดูโคมที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ถ้ามีจังหวะก็จะขออนุญาตแม่มดออกไปนอกหอคอยอยู่ตลอด และถึงจะถูกปฏิเสธมาตลอดราพันเซลก็ไม่เคยหมดหวัง และบอกตัวเองไว้เสมอ ๆ ว่า “ฉันจะไปดูโคมนี้ด้วยตาตัวเอง” แถมมีประโยคต่อท้ายอีกหน่อยว่า ดูเสร็จแล้วก็กลับมาใช้ชีวิตปกติเนี่ยแหละ
ในที่สุด ราพันเซลก็ได้ไปดูโคมลอยฟ้าด้วยตาตัวเองจริง ๆ
.
.
.
💙 เอาล่ะค่ะ …. ฟังนิทานจบแล้วก็มาเข้าเนื้อหาแบบตรงประเด็นกันเลยว่า การจะเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ให้กับจิตตัวเองนั้น สามารถลงรายละเอียดเป็นขั้นเป็นตอนยังไงได้บ้าง
✅ อันดับแรก : ปรับพื้นฐานจิตให้รู้สึกว่าอิ่มเต็ม
2
อย่างที่เกริ่นไปตอนแรกว่า เราเน้นเรื่องการปรับพื้นฐานจิตให้มองเห็นความจริงมากที่สุดก่อน และความจริงหลัก ๆ ที่เราต้องมองเห็นคือ
▪ คนเราสามารถอยากได้เป็นเรื่องปกติ (มนุษย์เกิดมาย่อมมีกิเลส)
▪ แต่ความอยากได้นั้น เราอยากได้เพราะเราสามารถมีได้ ไม่ได้อยากได้เพราะเรากำลังขาด
1
ขอสรุปตัวอย่างที่ครูเล่ามาเป็นข้อ ๆ ก่อนให้เห็นภาพง่ายขึ้น
▪ ครั้งนึงอยากได้บ้านใหม่ เพราะชอบบรรยากาศในหมู่บ้านนี้
▪ ตอนนั้นมีบ้านเดิมอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นบ้านที่ดี ครูดูแลบ้านนั้นเต็มที่เหมือนกัน
▪ ระหว่างที่อยู่บ้านเดิมก็มีความสุข อยู่ได้สบาย ๆ ไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร
▪ ครูรู้สึกขอบคุณบ้านเดิมมาตลอด ที่ให้ความสุขกับครูเวลาที่ได้อาศัย
▪ อยากได้บ้านใหม่จริง แต่เป็นความอยากที่ไม่ใช่ความโหยหา ถ้าไม่ได้ก็สามารถเข้าใจได้ ไม่ได้เป็นทุกข์กับความอยากได้บ้านหลังนั้น
แล้วเมื่อเราอยากปรับพื้นฐานจิตให้รู้สึกอิ่มเต็ม ให้ลองค่อย ๆ คิดตามนี้
▪ มองเห็นความจริงก่อนว่า ความอยากได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
▪ เปลี่ยนความคิดใหม่ว่า เราอยากได้เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ใช่อยากได้เพราะกำลัง “ขาด”
▪ วิธีการเปลี่ยนความคิด คือ ให้เรามองหาสิ่งที่มี เช่น ถ้าตั้งเป้าไว้ว่าอยากมีเงินมากขึ้น ให้ถามตัวเองว่าวันนี้มีอะไรอยู่บ้าง ขอบคุณเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หามาได้ในแต่ละวัน หรือถ้าตั้งเป้าว่าอยากมีความสัมพันธ์ที่ดี ก็หาให้เจอว่าตอนนี้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีอะไรอยู่บ้าง ถ้ายังไม่เจอก็ค่อย ๆ สร้าง ขอบคุณใครก็ตามที่เราคุยด้วยบ่อย ๆ ทำให้เยอะที่สุด ให้จิตค่อย ๆ รับรู้ว่าเรา “มี” มากขึ้นเรื่อย ๆ
✅ อันดับที่ 2 : พูดกับตัวเอง หรือ เขียนออกมาบ่อย ๆ (Self talk)
ด้วยความที่จิตของเราจะรับรู้แบบซื่อ ๆ จะทำตามคำสั่งที่ได้ยินย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ทำให้การที่พูด หรือเขียนให้จิตรับรู้ จะเป็นการสร้างความเชื่อลงไป และเมื่อจิตเชื่อแล้ว หลังจากนั้นคนเราจะหาโอกาสทำสิ่งที่เราเชื่อให้เกิดขึ้นได้โดยอัตโนมัติเอง
การพูด หรือเขียนออกมาให้เริ่มต้นประโยคว่า
“ฉันดีใจและขอบคุณที่ …(เป้าหมายที่วางไว้)...” เช่น
▪ ฉันดีใจและขอบคุณที่ฉันได้เจอรักแห่งชีวิต
▪ ฉันดีใจและขอบคุณที่ฉันมีโอกาสในการหารายได้ได้เสมอ ๆ
แม้ว่าตอนนี้ยังไม่เป็นจริง แต่อยากได้อะไรให้เขียนออกมาเลย แล้วก็พูดซ้ำ ๆ กับตัวเองให้บ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้ (ครูแนะนำว่า การเขียนจะได้ผลดีที่สุด ถ้าขยันให้เขียนออกมาวันละ 100 ครั้ง จะแบ่งช่วงเวลายังไงก็ได้ แต่เอาให้ครบ หรือถ้าใครไม่ถนัดเขียนก็สามารถพูดกับตัวเองได้เหมือนกัน)
✅ อันดับที่ 3 : ให้ทำราวกับว่าเรื่องนั้นเกิดขึ้นแล้ว
ให้ใช้ชีวิต และรู้สึกว่าสิ่งนั้นได้เกิดกับตัวเองจริง ๆ เช่น นักเขียนคนที่เขียนหนังสือเรื่อง The Secret เคยเล่าว่า ตอนที่หนังสือยังไม่ออก เค้าทำตัวอย่างหนังสือออกมาแล้วเดินถือไปไหนมาไหนด้วย เวลามีใครถามว่าเค้าทำอะไรอยู่ เค้าก็จะบอกว่า “ฉันเป็นนักเขียน Best seller”
โดยเทคนิคที่จะทำให้เราสามารถรู้สึกได้อินมากขึ้น คือ การติด Vision board หรือติดภาพความสำเร็จเอาไว้บนผนังห้อง ให้เราเห็นทุกวัน ๆ แล้วขณะมองภาพเหล่านั้นก็ให้รู้สึกไปด้วยว่าเราสนุก มีความสุขกับความสำเร็จแบบนั้นยังไงบ้าง
😊 สุดท้ายก่อนจากกันไปวันนี้ … อยากเล่าสู่กันฟังเพิ่มเติมหน่อยว่า เราเคยได้ยินคนที่ประสบความสำเร็จหลายคนทำแบบนี้นะ แต่อาจจะความเข้มข้นต่างกันไป
▪ บางคนที่เข้มข้นน้อยหน่อย เค้าบอกว่าเค้าจะใช้เวลาในตอนเช้า และก่อนนอนประมาณ 5-10 นาที นั่งเขียนว่าวันนี้ (หรือพรุ่งนี้เช้า) เค้าต้องทำอะไรออกมาเป็นข้อ ๆ ชัด ๆ
▪ กับเคยเจออีกคน (ใน TED Talk) เค้าเล่าว่า เค้ายืนมองพื้นที่เปล่า ๆที่นึงทุกวัน แล้วจินตนาการว่าวันนึงเค้าจะเปิดกิจการของเค้าที่นั่น แล้ววันนี้เค้าก็มีกิจการตามที่เค้าคิดไว้จริง ๆ
แต่ทุกคนที่เราได้ยินมาเค้าไม่ได้หยุดแค่การคิด แต่เค้าลงมือปฏิบัติจริงจังด้วย !
การปรับพื้นฐานจิต และการพูดกับตัวเอง เป็นเรื่องที่ดีมากจริง ๆ แต่ไม่ใช่เป็นเรื่องเดียวที่จะทำให้เราสำเร็จได้ ดังนั้น ถ้าเราแบ่งเวลามาปรับจิต มาคิด มาวางแผนให้พร้อมแล้ว ก็อย่าลืมหาเวลาไปลงมือปฏิบัติกันจริง ๆ ด้วยนะ 💙💙💙
#Wisdomjourney ของ #ครูเงาะ #ศรัทธา2
พัฒนาตัวเอง
1 บันทึก
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Wisdom Journey
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย