5 ก.ย. 2022 เวลา 07:20 • ท่องเที่ยว
Baarle-Hertog

Baarle-Nassau และ Baarle-Hertog เบลเยี่ยม และเนเธอร์แลนด์

เมืองชายแดนเป็นเมืองที่หลายๆคนอาจจะระแวงว่าถ้าข้ามไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองไหม แต่ก็ไม่เสมอไป วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับเมืองเมืองเดียวที่ตั้งอยู่ในสองประเทศ และที่สำคัญเส้นแบ่งเขตมีเพียงกากบาทบนพื้นเท่านั้น อีกทั้งบ้านหรือร้านค้าบางหลังถูเส้นแบ่งผ่านตรงกลาง ก็มีที่อยู่สองประเทศไปเลย วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเมือง บาเรล์-นัสเซา (Baarle-Nassau) และบาเรล์-เฮร์ตโทก์ (Baarle-Hertog) กัน
เมืองบาเรล์-นัสเซา อยู่ในจังหวัดนอร์ธบราแบนต์ (North Brabant) ทางใต้ของประเทศเนเธอร์แลนด์ ส่วนบาเรล์-เฮร์ตโทก์ ขึ้นกับจังหวัดอันต์เวิร์พ (Antwerp) ประเทศเบลเยียม บาเรล์-เฮร์ตโทก์มีพื้นที่รวมกันทั้งหมดเพียง 7.48 ตารางกิโลเมตร ประชากร 2,000 กว่าคน พื้นที่จำนวน 22 ส่วน กระจายอยู่ในพื้นที่ของบาเรล์-นัสเซาซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมด 76.21 ตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 6,000 กว่าคน
ส่วนอีกสามส่วนของบาเรล์-เฮร์ตโทก์ อยู่ใกล้แนวชายแดนทางใต้ของเนเธอร์แลนด์ นอกเหนือไปกว่านั้นยังมีส่วนของบาเรล์-นัสเซาแปดส่วนอยู่ในพื้นที่ของบาเรล์-เฮร์ตโทก์อีกที ซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ เส้นพรมแดนตัดผ่านถนน บ้าน อาคาร ร้านค้า ร้านอาหาร พื้นที่เกษตรกรรม หลายอาคารถูกแบ่งเป็นบาเรล์-เฮร์ตโทก์ส่วนหนึ่ง บาเรล์-นัสเซาส่วนหนึ่ง เส้นพรมแดนที่วิ่งพล่านไปทั่วเมืองแทนด้วยแนวหมุดรูปกากบาท และตัวอักษรกำกับคนละฟาก NL หมายถึงเนเธอร์แลนด์ B หมายถึงเบลเยียม
เมื่อปี 1198 การซื้อขายแลกเปลี่ยนที่ดินกันระหว่างดยุคแห่งบราแบนต์ (Brabant) และลอร์ดแห่งบรีดา (Breda) ผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์สืบทอดต่อต่างมีเจตจำนงที่จะขึ้นตรงต่อบราแบนต์หรือบรีดาอย่างเหนียวแน่น
พวกเขาอยู่ด้วยกันช่วยเหลือกันในฐานะชุมชนเดียวกันมาอย่างปกติ ไม่มีการสู้รบชิงพื้นที่กัน แม้วันเวลาจะส่งผ่านไปถึงยุคสมัยที่ไม่มีลอร์ดแห่งบรีดา ไม่มีดยุคแห่งบราแบนต์ปกครองอีกต่อไปแล้ว พื้นที่ที่เป็นส่วนกระจัดกระจายแบบเดิมน่าจะค่อยๆ เลือนหายไป แต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้น พวกเขายังคงแบ่งข้างสืบทอดเจตนารมย์บรรพบุรุษเหมือนเดิม
ต้นศตวรรษที่ 19 เนเธอร์แลนด์และเบลเยียมประกาศเอกราช สนธิสัญญาแมสตริชท์ (Treaty of Maastricht 1843) ระหว่างสองประเทศมีขึ้นในปี 1843 ว่าด้วยเรื่องกำหนดเส้นพรมแดนอันชัดเจน ด้วยความทับซ้อนยุ่งยากของพื้นที่แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกำหนดเส้นพรมแดนลงรายละเอียดยิบย่อยขนาดนี้ ทั้งสองประเทศมีความพยายามที่จะแลกเปลี่ยนดินแดนกัน แต่ความพยายามไม่เคยสำเร็จ ไม่มีใครยอมละจากถิ่นเดิมของตัวเอง
การลงพื้นที่ลากเส้นพรมแดนและปักหมุดบอกอาณาเขตเป็นไปอย่างช้าๆ เส้นพรมแดนลากตัดผ่านถนน ผ่านชุมชน ผ่านบ้านผู้คน ร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม ซูเปอร์มาร์เก็ต และพื้นที่เกษตรกรรม บ้านที่โดนเส้นพรมแดนแบ่งออกเป็นสองส่วน มีข้อกำหนดให้ใช้ประตูหน้าบ้าน ถ้าประตูหันหน้าออกประเทศไหนก็ให้สมาชิกในบ้านขึ้นอยู่กับประเทศนั้น
อาคารหลายหลังมีที่อยู่บ้านเลขที่ทั้งในเบลเยียมและเนเธอร์แลนด์ บางบ้านเปลี่ยนประตูทางเข้าไปอยู่อีกฝั่งเพื่อเปลี่ยนประเทศก็มี เนื่องจากมีความแตกต่างค่อนข้างมากในเรื่องภาษีและความผ่อนปรนในข้อกฎหมายบางอย่าง เช่น ภาษียาสูบในเบลเยียมถูกกว่าเนเธอร์แลนด์ ทำให้ร้านขายยาสูบอยู่เฉพาะในเบลเยียม เช่นเดียวกับร้านขายดอกไม้ไฟก็มีเฉพาะในเบลเยียม
ในช่วงเทศกาลใกล้คริสต์มาสและปีใหม่ คนเนเธอร์แลนด์จำนวนมากจะไปซื้อดอกไม้ไฟจากร้านในบาเรล์-เฮร์ตโทก์ ร้านค้าในเนเธอร์แลนด์หยุดวันอาทิตย์ แต่ในเบลเยียมไม่หยุด ร้านอาหารในเนเธอร์แลนด์ปิดตามเวลาแต่ในเบลเยียมผ่อนผันปิดดึกได้ มีเรื่องตลกเล่าต่อกันมาว่าพอถึงเวลาปิดร้านตามกฎของเนเธอร์แลนด์ บรรดาลูกค้าก็ย้ายไปนั่งดื่มต่อในฝั่งเบลเยียม ครั้นสหภาพยุโรปเดินทางมาถึงทั่วภูมิภาคโดยสมบูรณ์ ตลกร้ายเรื่องย้ายที่ดื่มกินก็หมดไป
ในปี 1995 เขตแดนแนวสุดท้ายก็เสร็จสิ้น ใช้เวลาถึง 152 ปีหลังจากมีสนธิสัญญาแมสตริชท์ กว่าจะกำหนดเส้นพรมแดนได้ครบทั้งหมด ส่วนที่เล็กที่สุดคือส่วน H22 ของบาเรล์-เฮร์ตโทก์ที่มีขนาดเพียง 0.26 ตารางกิโลเมตร หรือราวไร่ครึ่งเท่านั้น
ทั้งบาเรล์-นัสเซาและบาเรล์-เฮร์ตโทก์ต่างมีที่ทำการอำเภอคนละแห่ง มีระบบการจัดการสาธารณูปโภคของประชาชนของตัวเอง จ่ายกระแสไฟฟ้าจากคนละแหล่ง เคเบิลทีวี สัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตจากคนละผู้ให้บริการ ยกเว้นแต่น้ำและแก๊สในครัวเรือนเท่านั้นที่ใช้บริษัทเดียวกัน
บนหน้าประตูทุกบ้านอาคารร้านค้านอกจากแสดงเลขที่บ้านแล้วจะต้องมีธงชาติเล็กๆ กำกับบ้านป้ายบอกระบุสัญชาติของบ้านตัวเอง การส่งจดหมายจากบาเรล์-เฮร์ตโทก์ไปบาเรล์-นัสเซา บุรุษไปรษณีย์จะรวบรวมจดหมายขนส่งทางรถไปบรัสเซลส์ เมืองหลวงของเบลเยียม จากนั้นส่งทางอากาศไปอัมสเตอร์ดัม ลำเลียงทางรถไปจนกลับถึงบาเรล์-นัสเซา การส่งจดหมายในทางกลับกันก็เช่นเดียวกัน
เป็นไงกันบ้างคะ น่าลองไปเที่ยวดูมากๆ ใครที่เคยไปมาแล้วมาเล่าให้ฟังได้นะคะ ถ้ามีโอกาสเราก็อยากลองไปเหมือนกัน ใครมีที่ไหนแนะนำสามารถบอกได้นะคะ
โฆษณา