4 สิ่งที่ควรรู้ เพื่อเตรียมตัวรับมือการทำงานในโลกอนาคต
การ Disrupt ไม่ได้เกิดเฉพาะในโลกของธุรกิจ แต่ยังเกิดขึ้นในตลาดแรงงาน จนเกิดเป็นคำเรียกใหม่ที่ว่า New Workforce หรือ คนทำงานในโลกยุคใหม่ ที่ต้องเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
จากรายงานของ PwC ได้แบ่งการทำงานในโลกอนาคตเป็น 4 ด้าน ดังต่อไปนี้
1. Specialization
เน้นความเชี่ยวชาญในการทำงานทุกอย่าง ความเฉพาะทางและ Expert ในแต่ละสายอาชีพนั้นๆ มากขึ้น ซึ่งการเกิดขึ้นของโรคระบาด เรายิ่งภาพกันชัดเจนมากขึ้นว่า แต่ละบริษัทต้องการให้คนในองค์กรแสดงความสามารถและความเชี่ยวชาญออกมามากขึ้นๆ ขนาดไหน ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ดุเดือด ใครที่เก่งและเจ๋งกว่า ก็อยู่รอดได้ยาวๆ ไป
2. Scarcity
คือความขาดแคลน หรือข้อจำกัด ยิ่งทักษะที่หาตัวตาย ตัวแทนได้ยากมากเท่าไหร่ นั่นเท่ากับความแพง หรือเงินเดือนที่สูงขึ้นเช่นกัน ทักษะหรือความรู้ความสามารถบางอย่าง สมัยก่อนอาจใช้เวลาสะสมความรู้เป็นสิบๆ ปี แต่เดี๋ยวนี้คลิกสองสามที ก็รู้เรื่องหมดแล้ว อย่าปล่อยให้ความรู้ของตัวเรามันเก่าจนไม่เป็นที่ต้องการของใคร
3. Rivalry
ยิ่งทักษะไหนที่มีคนทำเป็นน้อยมากเท่าไหร่ การแข่งขันยิ่งสูงกันเป็นเท่าตัว บางบริษัททุ่มเงิน ใช้เงินซื้อตัวคนเก่งๆ มาจากคู่แข่งเลยก็มี ซึ่งเรื่องนี้อาจจะมีให้เห็นกันมาบ้างอยู่แล้ว แต่ในปัจจุบันมันยิ่งทวีความรุนแรงของการแข่งขันมากขึ้น หลายบริษัทแข่งขันและก้าวขึ้นมาเป็นที่หนึ่ง ได้ด้วยการชิงคนเก่งๆ ให้เข้ามาทำงานให้นั่นเอง
4. Humanity
คำนี้อาจฟังดูห่างไกลสำหรับบางคน แต่ถ้าพูดถึงเหตุการณ์ the great resignation หรือกระแสการลาออกของคนจำนวนมาก ท่ามกลางความไม่แน่นอนและโรคระบาด ซึ่งสาเหตุหนึ่งก็คือ การที่ได้ Work from home ทำงานอยู่ที่บ้าน หลายคนได้มีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น เกิดเป็นการตั้งคำถามถึง “คุณค่า” ของงานที่ทำ
จากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกในช่วง 4-5 ปี ยิ่งส่งผลให้เราเห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคม จึงนำมาซึ่งการตั้งคำถามของคุณค่าของสิ่งที่ทำ จนเกิดเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กระทบไปถึงระดับของตลาดแรงงาน
ทั้ง 4 ข้อนี้เป็นเหมือนการทำให้เราถึงภาพกว้าง มองเห็นทิศทางถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นโลกของ รู้แบบนี้แล้ว ต้องเตรียมตัว เตรียมใจรับมือกับมันกันให้ดีๆ ครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก weforum
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
