25 ก.ย. 2022 เวลา 18:33 • ความคิดเห็น
เวลาที่เราหมดไฟในการเรียนหรือใช้ชีวตเธอสามารถฮีลตัวเองขึ้นมาได้อย่างไร ?
คำถามนี้ถูกลบ
เคยสงสัยกันมั้ยคำว่า หมดไฟ “ไฟ” ในที่นี้หมายถึงอะไร ?
ไฟ = ความต้องการในการทำบางอย่าง
The maze of Art
เคยหมดไฟในการกินมั้ย ผมไม่เคย ผมกินเพราะต้องการอาหารอร่อย
เคยหมดไฟในการไปเที่ยวมั้ย ผมไม่เคย เพราะผมต้องการเห็นสิ่งต่างๆมากมาย
เคยหมดไฟในการเล่มเกมมั้ยครับ ผมเคย เพราะผมรู้สึกว่าต้องการสิ่งอื่นในชีวิตมากกว่าเลยนำเวลาในการเล่นเกมออกไปและเอาไปใช้ทำเรื่องอื่นแทน
ถ้าหมดไฟในการเรียน… เราอาจจะต้องย้อนกลับมาดูว่า การเรียนที่เรากำลังเรียนอยู่มันตอบสนองความต้องการอะไรในชีวิตเราอยู่ (ถ้ารู้สึกว่ามันไร้ประโยชน์ก็ไม่แปลกครับ)
ถ้าหมดไฟในการใช้ชีวิต…ลองนั่งคุยกับตัวเองว่าเราต้องการอะไรในชีวิต มองเห็นภาพตัวเองในอนาคตเป็นอย่างไร
เติมไฟอย่างไรดี ?
1. Work Life Balance
การเรียน การทำงาน ถ้ามันมากเกินไปจะกลายเป็น Work ไร้ Balance ลองมองดูชีวิตในแต่ละวันเราใช้เวลาไปกับกิจกรรมอะไรบ้าง ลองปรับให้เรารู้สึกดีกันครับ
2
อย่างผมจะหาเวลาไปเที่ยว ไปหาของอร่อยกิน ไปพิพิธภัณฑ์ ไปออกกำลังกาย ไปอ่านหนังสือ ไปทำอะไรที่ใจอยากทำครับ
2.Mind Set
ปรับมุมมองชีวิต เราอาจจะรู้สึกว่าสิ่งนี้ไร้ประโยชน์ ทำไมเราต้องทำด้วย ไม่ทำก็ไม่ได้เพราะถูกบังคับ ลองมองมุมกลับ ลองหาประโยชน์จากมันครับ ตัวอย่างเช่น
เมื่อก่อนผมเกลียดวิชาศิลปะมากและไม่เคยตั้งใจทำเพราะคิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับสายนี้และคงไม่ได้ใช้
ปัจจุบัน ผมเสียดายวิชาศิลปะมาก เพราะถ้าเราวาดรูปถ่ายทอดสิ่งต่างๆเป็นภาพให้คนเข้าใจได้ง่าย มันช่วยเพิ่มมูลค่าได้มหาศาล หรือวาดสติกเกอร์ไลน์ขาย หารายได้เสริมก็ได้
เมื่อก่อนผมเกลียดการร้องเพลงมากเพราะคิดว่าไม่มีก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้ ถ้าคุณร้องเพลงเป็นมันจะส่งผลต่อการนำเสนองาน คุณจะรู้จักการปรับโทนเสียงและจังหวะได้ดี
สรุปคือไม่มีสิ่งไหนไร้ประโยชน์ นี่เป็นข้อสรุปที่ผมได้ในตอนนี้ครับ
3.Partner
หาคู่หู จะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง แฟน เพื่อน ครู ใครก็ได้ที่คุณคุยด้วยแล้วสบายใจ ลองเล่าให้เค้าฟังว่าคุณกำลังประสบปัญหาอะไร คุณรู้สึกอย่างไร แค่เล่าก็ได้ระบายความเครียดแล้วครับ เผลอๆ อาจจะได้คำแนะนำที่คาดไม่ถึงกลับมาด้วย
ผมชอบคำที่ว่า คนอื่นก็เหมือนกระจกที่สะท้อนตัวตนของเรา บางครั้งเราอาจมองไม่เห็นสิ่งที่คนอื่นมองเห็นก็ได้
ถ้ามีคนแนะนำ สอนหรือเตือนอะไรรับมันไว้ครับ เพราะยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไหร่ คุณจะยิ่งได้สิ่งนี้น้อยลงเท่านั้น
4.ช่างแ_่ง (Blockdit อย่าแบนผมนะ)
เราต้องรู้จักปล่อยวางบางอย่างโดยเฉพาะสิ่งที่ผ่านไปแล้วในอดีต
ทุกคนเคยมีประสบการณ์พยายามทำอะไรบางอย่าง แต่ทำยังไงก็ไม่สำเร็จ ท้อ หมดไฟ พอแล้วกับสิ่งนี้ นานๆเข้ามันจึงกลายเป็นบาดแผลในใจ ที่ทำให้เรารู้สึกว่า “ชั้นทำไม่ได้หรอก”
อย่าให้ความคิดนี้เริ่มกัดกินคุณ ทุกครั้งที่คุณล้มเหลว ผิดพลาด นั่นแสดงว่า
- คุณได้ลงมือทำไปแล้ว
- คุณพบวิธีการที่ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ต้องการและบางครั้งมันจะมีประโยชน์ในอนาคต
- จะมีคนรอบข้างดูถูกเหยียดหยามคุณ แต่คุณต้องช่างxxx พวกมัน
- ไม่มีผู้กล้าคนใดที่ประสบความสำเร็จโดยปราศจากบาดแผล ทุกคนทำพลาดล้มลงบนดิน บางทีลุกไม่ไหวก็ใช้วิธีกลิ้งไปข้างหน้าแทน สุดท้ายถึงเจอสิ่งที่ต้องการ
ตัวอย่างเช่น ผมเรียนเลขไม่เข้าใจเลย ผมลองทำหลายวิธีมาก จนผมเรียกตัวเองว่าเจ้าแห่งความผิดพลาด
ผมรู้ว่าถ้ามีคนทำโจทย์ข้อนี้แล้วตอบผิด ผมรู้ทันทีว่าผิดตรงไหน เพราะผมผิดมาครบทุกทางแล้ว
สุดท้ายผมกลายเป็นคนที่อธิบายเลขให้คนอื่นเข้าใจได้ง่ายที่สุด(สะงั้น) เพราะรู้ว่าคำตอบที่ผิดแบบนี้มันมาจากอะไร และต้องแก้ไขหรือเสริมจุดไหนให้เก่งขึ้น
สุดท้ายชีวิตคือการเดินทาง คุณจะไปไหน ก้าวเดินอย่างไร ขอแค่คุณรู้ว่ากำลังเดินด้วยความต้องการของตัวเองก็พอแล้วครับ 🙂
โฆษณา