5 ต.ค. 2022 เวลา 00:35 • หนังสือ
หนวด หรือ เครา หรือหน้าเกลี้ยงเกลา ดึงดูดใจสาวๆ ได้มากกว่า?
โดย นำชัย ชีววิวรรธน์
งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ สนุกๆ หรือตลกๆ มีอยู่มากมายนะครับ
วันนี้จะขอยกตัวอย่างการวิจัยเกี่ยวกับหนวดและเคราให้ดูเป็นตัวอย่างครับ
Photo by Ryan Gagnon on Unsplash
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนิวเซ้าธ์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย อยากรู้ว่าใบหน้าผู้ชายแบบใดที่ผู้หญิงจะชอบมากกว่า ก็เลยคิดการทดลองขึ้นมา
พวกเขาเอารูปผู้ชาย 10 คนมาใช้ โดยแต่ละคนก็ต้องเตรียมรูปไว้ 4 แบบคือ แบบโกนหนวดเคราเกลี้ยงเกลา แบบห้าวันหลังหนวดเครางอกยาวเกินกว่าหรอมแหรม แบบสิบวันที่หนวดเคราเริ่มยาว และแบบหนวดเครายาวสลวยสวยเต็มปากเต็มคาง
จากนั้นก็ไปหาผู้ชายมา โดยเลือกเอาเฉพาะที่ชอบเพศตรงข้าม และหาผู้หญิง (ลืมระบุว่าคัดแต่ที่ชอบผู้ชายเท่านั้นหรือเปล่า แหะๆ) มา
พวกแรกหามาได้ 177 คน ส่วนพวกหลังหาได้ 351 คน
จากนั้นก็ให้มาดูรูปผู้ชายทั้ง 10 คน (แต่ละคนมี 4 รูปแบบดังที่ว่าไว้) แล้วให้คะแนน "ความดึงดูด"
ปรากฏว่าหากเป็นในหมู่สาวๆ แล้ว ชายเครางามกินขาดผู้ชายใบหน้าเกลี้ยงเกลา ... บริษัทผู้ผลิตมีดโกนรู้เข้าคงหงายเก๋งล้มตึง (ฮา)
คณะนักวิจัยสรุปผลว่าเคราที่ยาวปานกลางคือสูตรสำเร็จที่ลงตัวและดึงดูดสุดๆ
ขณะที่เคราที่ยาวเต็มที่จะให้ภาพลักษณ์ความเป็นพ่อและให้ความรู้สึกปกป้องดูแลสูง
นักวิจัยยังเดาเลยต่อไปอีกว่าที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะหนวดเคราทำให้ดูโตเป็นผู้ใหญ่และกร้าวแกร่งมากกว่า
Photo by shahin khalaji on Unsplash
มีงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งจากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นควีนส์แลนด์ (ตีพิมพ์ในวารสาร Radiation Protection Dosimerty) ระบุว่า หนวดและเคราช่วยลดอันตรายจากแสง UV ได้ ... ไม่ใช่แค่ได้เฉยๆ แต่ได้มากถึง 90-95% !
โดยที่ยิ่งหนวดและเคราดกหนามากเท่าใด ก็ยิ่งดีมากยิ่งขึ้นเท่านั้น และยิ่งหนวดเคราม้วนเป็นวงเท่าใด ก็ยิ่งดี เพราะช่วยเบี่ยงเบนแสงออกไปได้ดี
นอกจากเรื่องป้องกันแสง UV ได้แล้วยังมีข่าวดีอีกว่า มีงานวิจัยระบุว่าคุณพี่หนวดเครางาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่หนวดหนาๆ โชคดีกว่า เพราะมีโอกาสเป็นโรคหืดน้อยกว่าคนไร้หนวดเคราอีกด้วย
แต่ข่าวร้ายคือ หนวดต้องหน้ามากๆๆๆ ที่เป็นเช่นนั้นได้ เพราะหนวดไปช่วยดักจับฝุ่นละอองและเรณูของพืช ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของอาการแพ้นั่นเอง
เรื่องดีที่คาดไม่ถึงอีกเรื่องหนึ่งของการมีหนวดเคราก็คือ จะช่วยให้ผิวใบหน้าอ่อนวัยและมีสุขภาพดี
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นไปได้ ?
ก็เป็นเพราะ มันช่วยปกป้องผิวหนังจากลมที่ทำให้ผิวแห้ง นอกจากนี้ มอยเจอไรเซอร์ยังเก็บงำอยู่ใต้หนวดเคราได้นานกว่า จึงออกฤทธิ์ปกป้องได้ดีกว่าไปด้วย
เครายังช่วยทำให้เราเป็นหวัดน้อยลงด้วย
เอ๊ะ เกี่ยวกันได้ยังไง ?
เคราที่ยาวลงมาถึงคางถึงคอจะทำให้อุณหภูมิส่วนนั้นๆ เพิ่มขึ้น ก็เลยเป็นหวัดยากขึ้นไปด้วย เพราะเส้นขนของคนเราเป็นฉนวนชั้นดี
แต่ข้อนี้อาจไม่เหมาะกับเมืองร้อนอย่างบ้านเราเท่าไหร่
ข้อดีข้อสุดท้ายที่นักวิจัยและแพทย์ผิวหนังยืนยันก็คือ การไว้หนวดเคราลดอาการผื่นแพ้ได้มาก เพราะต้นเหตุหลักของผื่นตามหน้าและคอก็คือ การโกนหนวด !
แต่ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดี หนวดเคราเป็นตัวช่วยกระจายเชื้อโรคได้ด้วย จึงต้องหมั่นดูแลให้ดี ต้องหมั่นตัดเร็มทำความสะอาดบ่อยๆ
ที่แปลกอีกเรื่องหนึ่งก็คือ งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งจาก Quicken and American Mustache Institute (ครับ อเมริกามี...สถาบันหนวดด้วย!) ระบุไว้ตั้งแต่ปี 2009 ว่า คนที่มีหนวดมักจะมีรายได้มากกว่าคนไม่ไว้หนวดเคราราว 4.3%
แถมยังมากกว่าคนที่ไว้เคราถึง 8.2%
แต่คนไว้หนวดก็ใช้เงินมือเติบกว่าคือ ใช้มากกว่าพวกหน้าเกลี้ยง 11% และเก็บสะสมได้น้อยกว่าราว 3% ไปๆ มาๆ ก็เลยไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะครับ
แต่งานวิจัยนี้ไม่ใช่ทำกันเล่นๆ นะครับ เพราะสำรวจในคนมีหนวด คนมีเครา และคนไม่ไว้หนวดเครา กลุ่มละ 2,000 คนทีเดียว
เดือนพฤศจิกายน 2013 ที่ผ่านมา มีการรณรงค์ "ไม่โกนหนวดพฤศจิกายน (No Shave November)" และ "โมเวมเบอร์ (Movember)" เพื่อใช้เรื่องการไว้หนวดเคราเป็นสัญลักษณ์ในการระดมทุนเพื่อต่อสู้มะเร็งอีกด้วย
หนวดเคราจึงเป็นอะไรที่มากกว่าแค่รสนิยมของผู้ชายสักคนไปแล้ว
ทั้งหมดข้างต้นเป็นเรื่องของหนวดเครากับคน ยังมีงานวิจัยเรื่องเครากับสัตว์ด้วย
นักวิจัยชาวสหรัฐฯ จากหลายมหาวิทยาลัยมาร่วมมือกันทดลองสนุกๆ เพื่อดูว่า ขนาด รูปทรง และสไตล์ของเคราที่แตกต่างกัน มีผลต่อแมวอย่างไร
วิธีการก็ไม่ยากครับ จับเอาแมวมาจ้องดูรูปภาพคนมีเครารวม 5 แบบ แมวก็เลือกใช้อายุ 4-6 ปี และใช้แต่ตัวเมียเท่านั้น โดยมีแมวถึง 214 ตัวที่ (ถูกบังคับให้) เข้าร่วมการทดลองนี้
ในจำนวนนี้มี 3 ตัวตายไประหว่างทดลอง คือตายจากสาเหตุอื่น ไม่ใช่ผลจากการจ้องเครานะครับ (ฮา)
และมีอีก 15 ตัวที่ตั้งท้องระหว่างดูรูป อันนี้ก็ไม่ใช่ผลโดยตรงจากหนวดอีกเช่นกัน (ฮา)
ตอนดูรูปก็ดูคราวละรูปนาน 20 วินาที เรียงลำดับรูปเหมือนกันทุกครั้ง ป้องกันแมว (และคน) งง โดยขณะที่ดูรูปก็วัดการเปลี่ยนแปลงของชีพจร การหายใจ การขยายตัวของม่านตา อัตราขนที่ร่วงและดูปฏิกิริยาอื่นๆ ประกอบไปด้วย
ผลที่ได้คือแมวไม่ชอบคนเครายาว โดยเฉพาะเคราที่สีเข้ม แต่จะไม่ค่อยแสดงอาการอะไรกับคนที่เคราสั้น และบรรดาคุณเหมียวจะสับสนงุนงงมาก หากเคราเป็นแบบขาดๆ หายๆ ไม่สมบูรณ์
หลังการทดลองนี้คณะนักวิจัยก็ยังตีพิมพ์งานอีกหลายชิ้นในวารสารรวบรวมงานวิจัยแปลกๆ ชื่อ Annals of Improbable Research เช่น เรื่องแมวแสดงปฏิกิริยาต่อรูปผู้นำระดับโลกอย่างอับราฮัม ลินคอล์น และซาร์นิโคลัส อย่างไร เป็นต้น
โลกของงานวิจัยมีเรื่องสนุกสนานแบบนี้อยู่ไม่น้อย...จริงๆ นะครับ ^^
บทความนี้รวมอยู่ในหนังสือ "อย่าชวนเธอไปดูหนังรัก", สนพ.มติชน
ปกหนังสือ "อย่าชวนเธอไปดูหนังรัก", สนพ.มติชน, สอบถามรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/matichonbook
โฆษณา