6 ต.ค. 2022 เวลา 00:02 • หนังสือ
หลายคนมักบอกว่า “วัยรุ่น” เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของชีวิต หากเลือกทางเดินที่เหมาะสม ก็อาจผ่านช่วงนั้นมา และมีแนวโน้มจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ แต่หากเลือกทางเลือกที่ผิด ก็อาจต้องรับผลกระทบนั้นไปตลอดชีวิต
ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้อาจเป็น ม. ต้น ม. ปลาย หรือมหาวิทยาลัยก็ได้ครับ ผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัวจึงพยายามใส่แนะนำ (หรือคำสั่ง) ลงไปจนวัยรุ่นเบือนหน้าหนีและบอกว่า “ไม่มีใครเข้าใจ” ทำให้บางครั้งคำแนะนำดี ๆ จึงมักมาจากคนที่มีระยะห่างสักหน่อยครับ
ในประเทศเกาหลีใต้มีอาจารย์คนนึงที่เชี่ยวชาญการให้คำแนะนำกับวัยรุ่นมาก พร้อมเขียนหนังสือเกี่ยวกับวัยรุ่นที่โด่งดังชื่อ “เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด” ซึ่งเราจะมาหาชวนคุยกันครับ
อาจารย์คิมรันโด ผู้เขียนอธิบายว่า เวลาเราถามผู้ใหญ่หลาย ๆ คนว่าช่วงชีวิตที่ดีที่สุดของพวกเขาคือช่วงไหน พวกเขามักจะตอบว่าช่วงวัย 20 ปี เพราะมองว่าปัญหาที่คนวัยนี้เผชิญนั้นไม่ได้น่ากังวลอะไรนัก แต่อาจารย์คิมรันโดเห็นต่างครับ
อาจารย์บอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่จิตใจว้าวุ่นมากต่างหาก เพราะเป็นช่วงที่เชื่อมโยงทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเข้าด้วยกัน บางคนนิสัยเป็นแบบนึงตอนเรียนมัธยม พอขึ้นมหาวิทยาลัยก็เปลี่ยนไป ตอนอยู่มัธยมตัดสินใจเลือกคณะนึง พอมาเรียนจริงก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ ก็เลยพาลคิดไปถึงอนาคตว่า “แล้วฉันจะเอายังไงต่อดี” เพราะเริ่มรู้แล้วว่าโลกไม่ได้ง่ายแบบที่เคยคิด จากนั้นก็กังวลว่าสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันนั้น อาจไม่นำพาไปสู่สิ่งที่ต้องการก็ได้
กล่าวคือ วัยนี้เป็นช่วงที่เผชิญกับตัวเลือกต่าง ๆ มหาศาลเลยครับ ดังนั้นมันก็ไม่แปลกที่จิตใจจะว้าวุ่น แต่อาจารย์คิมรันโดก็ปลอบใจด้วยการบอกว่า “เมื่ออายุมากขึ้น ตัวเลือกจะเหลือน้อยลง”
วิธีรับมือกับตัวเลือกมหาศาลก็คือ หาข้อมูลเยอะ ๆ อ่านหนังสือทุกประเภท คุยกับผู้ที่ผ่านช่วงนี้มาก่อน เพราะการตัดสินใจที่ดีมาจากข้อมูลที่ดี และพยายามสนุกไปกับความกังวลใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้นเสียเถิดครับ
นอกเหนือจากคำแนะนำที่อาจารย์คิมรันโดให้วัยรุ่นแล้ว ผมว่าทุกคนยังสามารถคิดต่อยอดได้จากคำกล่าวที่ว่า “ยิ่งอายุมากขึ้น ตัวเลือกยิ่งเหลือน้อยลง” ครับ
หากลองพิจารณาดูแล้ว หลายคนอาจมีอาชีพที่ใฝ่ฝันมากมายตอนวัยรุ่น แต่เมื่อเข้ามหาวิทยาลัย ทำงาน มีงานอดิเรกที่ชอบ แต่งงาน มีครอบครัว ความสนใจของเราจะแคบลง เราเริ่มตกผลึกมากขึ้นว่าเราต้องการอะไร นั่นทำให้เราโฟกัสทางเลือกที่เหลืออยู่ได้มากขึ้น
หลายคนไม่ได้ต้องการเพื่อนเยอะ ขอแค่เพื่อนที่มีคุณภาพ บางคนอาจไม่ได้ต้องการรวยล้นฟ้าอีกแล้ว แต่ขอพอมีพอกินไม่ขัดสน จะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น บางคนไม่ได้อยากเป็นผู้บริหารระดับสูงแล้ว ขอเป็นพนักงานประจำและได้ทำงานอดิเรกที่ตัวเองรักก็พอ
ดังนั้น สิ่งที่ผมอยากชวนทุกคนคิดก็คือ ตอนนี้คุณเหลือทางเลือกอะไรในชีวิตบ้าง แล้วคุณมีข้อมูลดีพอที่จะตัดสินใจสิ่งต่าง ๆ ดีพอแล้วหรือยัง ถ้ายังก็ไม่สายไปที่หาข้อมูลเพิ่มเหมือนที่อาจารย์คิมรันโดบอกไว้
แน่นอนว่าการมีทางเลือกน้อยลงมันอาจดีหรือร้ายก็ได้ แต่อย่างน้อยถ้าคุณทราบทางเลือกที่เหลืออยู่ คุณก็จะได้ไม่ต้องไปพะวงถึงสิ่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ทางเลือกอีกแล้ว และโฟกัสกับสิ่งที่มีอย่างเต็มที่ครับ
#ฉันได้สิ่งนี้จากหนังสือเล่มนั้น #เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด
ยิ่งอายุมากขึ้น ตัวเลือกจะยิ่งเหลือน้อยลง ข้อคิดจากหนังสือ เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด
โฆษณา