27 ต.ค. 2022 เวลา 00:00 • ปรัชญา
มีคนสงสัยว่าทัศนคติเปลี่ยนชีวิตเราได้ขนาดนั้นเชียวหรือ
สมัยหนุ่มๆ ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง คนเขียนบอกว่าสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคือทัศนคติ (attitude) ตอนนั้นก็ไม่ค่อยเก็ตเหมือนกัน
จนเมื่อผ่านชีวิตมาอีกหลายสิบปี มองเหตุการณ์ เรื่องราวต่างๆ รอบตัว ทั้งที่เป็นประสบการณ์ตรงและประสบการณ์ของคนอื่น ก็เริ่มเห็นคล้อยจนกระทั่งเชื่อว่า ทัศนคติเป็นสิ่งสำคัญที่สุดจริงๆ
3
มันสำคัญกว่าเงินทอง ชื่อเสียง อำนาจ
3
เพราะต่อให้มีเงินทองล้นเหลือ มีชื่อเสียงก้องโลก มีอำนาจล้นฟ้า หากมีทัศนคติไม่ดี ก็อาจไม่มีความสุขสงบทั้งชีวิต
3
ตรงกันข้าม คนมีทัศนคติบวก ต่อให้ยากจน ก็ยากจนแต่กายภาพ
1
ปัญหาคือคนส่วนใหญ่ไปผูกเอาเองว่า ต้องรวยก่อนจึงจะสุขได้ หรือความสุขเกี่ยวกับความรวย
2
ถ้ามันเป็นความจริง มหาเศรษฐีทุกคนในโลกก็ต้องมีความสุขยิ้มระรื่นชื่นใจ เราคงไม่เคยได้ยินข่าวคนรวยฆ่าตัวตาย
1
เพราะความยากจนกับความสุขเป็นคนละเรื่องกัน
1
จะมองอย่างนี้ได้ ต้องอาศัยทัศนคติที่ดีเท่านั้น
3
คนที่มีทัศนคติลบก็เท่ากับได้รับใบรับประกันว่า ความเป็นไปไม่ได้คือ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม ส่วนทัศนคติบวกไม่ได้ลบความเป็นไม่ได้ออกไป แต่อย่างน้อยมันก็ต่ำกว่า 100 เปอร์เซ็นต์
1
ผมชอบสังเกตคน พฤติกรรม ปฏิกิริยาของเขา วิธีการพูด การกระทำอย่างเดียว ก็อาจบอกได้เลยว่าคนคนนั้นเป็นอย่างไร บ่อยครั้งบอกอนาคตของเขาได้ด้วย
2
บางคนเห็นอะไรก็บ่น เห็นอะไรก็ติตลอด ชีวิตมีแต่เรื่องลบเรื่องเลวร้าย อย่างนี้อยู่ใกล้ก็เหนื่อยใจไปด้วย
6
คนไม่มีความสุขมักส่ง (ภาษากำลังภายในว่า) 'รังสีอำมหิต' ทำให้คนอื่นไม่มีความสุขไปด้วย
3
เวลาอยู่กับคนที่มองโลกขำๆ ไม่จริงจังกับมัน เราจะรู้สึกเย็นลง อย่างนี้กระมังที่เรียกว่าออรา
2
บางคนอาจคิดว่า การมีทัศนคติบวกคือพวก 'โลกสวย' ไม่เกี่ยวกันครับ คนละเรื่องกันเลย มองบวกคือมองความเป็นไปได้ ส่วน 'โลกสวย' (ในนัยที่เราใช้กัน) คือฟุ้งซ่าน
5
ถ้าพูดอย่างนี้ พวกมีทัศนคติลบต่างหากที่ฟุ้งซ่าน! คือฟุ้งซ่านในเชิงลบ
1
รังสีออราเกิดขึ้นเมื่อมีทัศนคติบวก
โฆษณา