20 ต.ค. 2022 เวลา 14:18 • นิยาย เรื่องสั้น
[เชียงใหม่ในฉากชีวิต] : 7.เพื่อน
ผมขอสารภาพอย่างไม่อายว่าตลอดเวลาที่อยู่เชียงใหม่ ผมหาเพื่อนเป็นชาว มช ไม่ได้เลยซักคน
คำว่า “เพื่อน” ในที่นี้ ถ้าคุณเชื่ออริสโตเติ้ล (Aristotle) คุณจะมองว่าการหา “เพื่อน” ไม่ได้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเพื่อนต้องเป็นผู้ที่ถูกขัดเกลา และเติบโตทางจริยธรรมจนมี “ชีวิตที่ดี” (eudimonia) ไปด้วยกัน
1
แต่ถ้าคุณเป็นคนธรรมดาที่ได้รู้จักมักจี่กับเขา ผมก็พอจะบอกได้ว่ามีอยู่ ผมรู้จักคนที่เรียนด้วยกันอยู่บ้าง แต่ถ้าจะนับว่าฝากผีฝากไข้ สนิทสนมกลมเกลียว ไปเที่ยวเย้ว ๆ กันเช่นเพื่อนป.ตรีนั้น ก็นับว่ายังไม่เข้าขั้น ความมาตรฐานสูงนั้นเองสร้างความห่อเหี่ยวใจหลายประการจนหลายครั้งก็รบกวนการทำงาน และการใช้ชีวิต
อย่างไรก็ดี ใช่ว่าผมจะไม่มีเพื่อนนอกมหาวิทยาลัย
เพื่อนคนแรกที่ผมมีคือ อีแมว
“มันจบแล้วอนาคิน ข้าอยู่ในที่สูงกว่า” อีแมวมันคงคิดแบบนี้แน่ ๆ ตอนได้ยินเสียงไอ้ขาว หรือหมาตัวอื่น ๆ ในซอยร้องโหยหวน (มกราคม,2022)
อีแมวเป็นแมวสาวสีขาวดำที่มีเจ้าของ ทุกครั้งที่มันเดินเข้ามาใกล้ เสียงกรุ่งกริ่งจากปลอกคอของมันจะดังมาก่อนการปรากฏกายเสมอ มันเป็นแมวที่รักอิสระมาก จนหลายครั้งก็สงสัยว่าเจ้าของมันปล่อยมันมาเดินเพ่นพ่านตอนตีหนึ่งตีสองโดยไม่กลัวไอ้ขาวเจ้าถิ่นกัดเอาได้อย่างไร แต่ด้วยความสามารถแบบแมว ๆ ในการจับจองพื้นที่ที่อยู่สูงกว่า (ซึ่งมักจะลงเอยที่หลังคา หรือฝากระโปรงรถของใครสักคน) จึงไม่มีเจ้าถิ่นตัวไหนหมายลองมีเรื่องกับอีแมวมัน
วันคริสต์มาสปีที่แล้ว หลังเสร็จพิธีกรรมที่วัด ผมนั่งกินไก่ KFC กระดกว๊อดก้า แกล้มกับเสียงของ Frank Sinatra อยู่คนเดียวเงียบ ๆ สิ่งที่เข้ามาในเมืองไม่ใช่ซานต้าคลอส* แต่เป็นเสียงกรุ่งกริ่งของอีแมว ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยจะเข้ามาใกล้ ๆ แต่วันนี้กลับนั่งให้ลูบหัวเสียอย่างนั้น
ปีนี้ผมได้สัมผัสความหนาวที่สุดในชีวิต ชนิดที่ “หนาวหว่าหนาวใด ๆ ได้เคยหนาว” ความเปลี่ยวเหงา เมามาย และบรรยากาศที่เป็นใจอาจทำให้หนึ่งคน หนึ่งแมวมาพบกัน เราสัมผัสได้ถึงความเด็ดเดี่ยว และโดดเดี่ยวของกันและกัน เราสองคนต่างก็ผ่านการต่อสู้วงเวียนชีวิตบางอย่างที่คล้าย ๆ กัน ตกเป็นทาสของแรงขับดันบางอย่างในตัวเหมือน ๆ กัน จนพระเจ้าอนุญาต โลกของเราจึงเหวี่ยงเข้าหากัน แม้ว่าจริง ๆ มันจะแค่อยากกินไก่มากกว่าจะอยากรู้จักผมก็เถอะ
ดูท่าว่าเรื่องนี้จะเป็นจริง ไม่เฉพาะผมกับอีแมว แต่รวมไปถึงคณะรัฐแมวตรี**ตัวอื่น ๆ ทั้งในเชียงใหม่ และลำพูน มันเป็นเพื่อนคล้ายเหงาที่ค่อนข้างรักอิสระ ที่แม้เราจะรักกันมาก แต่เราก็ไม่อาจจะอยู่ด้วยกันได้ตลอดไป
ชีวิตที่ดำเนินไปโดยมีเมืองเชียงใหม่เป็นฉากหลังมีคนมากหน้าหลายตาแวะเวียนเปลี่ยนเข้ามาตลอด แต่ก็เหมือนเหล่าแมว ๆ ไม่ค่อยมีใครที่จะสนิทสนม ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสถานะความสัมพันธ์มักจะเชื่อมโยงด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจ จบการซื้อขาย เราก็แยกย้ายกันไปใช้ชีวิต แต่หลายครั้ง การพูดคุยไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็เพียงพอให้ผมได้เอ่ยปากพูดอะไรบ้าง หลังจากที่อยู่เงียบ ๆ คนเดียวมาทั้งวัน
แปลกพิลึก ผมไม่เข้าใจว่าในหอพักที่รายล้อมด้วยนักศึกษา ทำไมผมถึงหาเพื่อนไม่ได้สักคน
อายุที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลต่อการสร้างความสัมพันธ์ เราไม่ใช่เด็ก ๆ ที่เข้าไปคุยกับคนนู้นคนนี่ไปเรื่อยได้เหมือนเดิม การเข้ามาเรียนป.โทอาจเป็นเหมือนการตื่นสายมาเรียนไม่ทันคาบแรก แล้วมารู้ทีหลังว่าอาจารย์สั่งงานกลุ่ม และทุกคนเขาก็มีกลุ่มกันหมดแล้ว หรือโควิดอาจจะทำให้เราเจอผู้คนได้น้อยลง โอกาสที่จะเจอคนที่มีภูมิหลังชีวิต ความสนใจ และนิสัยคล้าย ๆ กันจึงเป็นไปได้ยาก
เอาจริง ๆ กับเรื่องนี้ผมสร้างคำอธิบายไว้หลายชุด อาจมีชุดใดชุดหนึ่งที่เข้าเค้า หรืออาจจะเป็นทั้งหมดพร้อม ๆ กัน อย่างไรก็ดี คำอธิบายพวกนั้นก็ไม่อาจเปลี่ยนความจริงที่ว่า “ผมไม่มีเพื่อน” ได้
แต่โอกาสก็มีเข้ามาหาเราเสมอ
คริสตมาสแรกที่อาสนวิหารพระหฤทัยเชียงใหม่ วัดคาทอลิกเก่าแก่ที่มีความสัมพันกับชุมชน และประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงใหม่มายาวนาน (ธันวาคม,2021)
หลังจากเคี่ยวกรำ และส่งเค้าโครงวิทยานิพนธ์ร่างแรกไป ผมเดินสำรวจ หาร้านกาแฟแถว ๆ หอพัก แล้วนั่งแช่ยาว ๆ เพื่ออ่านหนังสือ พักผ่อน แล้วค่อยไปลุยงานให้เสร็จอาทิตย์หน้า พอถึงเวลาพนักงานเปลี่ยนกะช่วงเที่ยง บาริสต้าสาวในชุดเดรสขาวที่เพิ่งเข้ามาทำงานกะใหม่ก็เดินเข้ามาหาผมด้วยความกังวลในแววตา ก่อนจะ ถามว่า
“ร้อนไหมคะ?”
อากาศช่วงมีนาที่เชียงใหม่ไม่ใช่แค่ร้อนมาก แต่อาจละลายพื้นถนนได้ ผมที่กำลังนั่งจมกับชีวิตโสดของพี่ต่อ คันฉัตร***ถึงกับสะดุ้งเฮือก เอาจริงผมก็ไม่ได้ร้อนขนาดนั้น อาจเพราะกาแฟเย็น ๆ ช่วยดับความร้อนอยู่ด้วย เลยตอบไปตามตรง
“ต้องตอบว่าร้อนค่ะ” เธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย
ก่อนจะสะบัดผมยาวกลับหลังหัน แล้วไปปิดประตูร้านแล้วเปิดแอร์ 23 องศาอย่างสบายอารมณ์ ผมที่กำลังงงกับสถานการณ์ตรงหน้าเลยถามเธอไปว่าร้านให้เปิดได้ใช่ไหม เราไม่ได้จะกำลังละเมิดข้อบังคับซึ่งอาศัยอำนาจใด ๆ ใช่หรือเปล่า? เธอพยักหน้าที่โพกศีรษะด้วยผ้าเช็ดหน้าหงึก ๆ แทนคำตอบก่อนจะหยิบแก้วโกโก้มานั่งตรงหน้า แล้วเริ่มพูดคุย
ทราบความว่าเธอไม่ใช่เจ้าของร้าน แต่เป็นนักศึกษามาทำพาร์ไทม์ ความที่วัยใกล้ ๆ กันทำให้เราคุยกันรู้เรื่องพอสมควร ตั้งแต่สื่อบันเทิง ซีรีส์ หนัง เพลง ไปยันการเมือง ศาสนา วิถีชีวิต การศึกษา เธอยังแนะนำร้านอาหารเด็ดที่เด็กมช.ควรไปเช็คอินให้ผมมาหลายร้าน พร้อมเปิดรูปจาก Instragram ของตัวเองให้ดู ทำเอาผมตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมากกับหลายร้าน แต่ก็รู้สึกเสียดาย เพราะร้านที่เธอแนะนำมาไม่มีร้านไหนเป็นร้านอาหารเมืองเลย
“ร้านนี้พิซซ่าอร่อย ลองไปกินดู” ผมนั่งจดจำรายละเอียดร้าน พลางคิดถึงข้าวซอย เอาจริงตอนนี้ไม่อยู่ในมู้ดอาหารอิตตาเลี่ยนเลย อยากกินข้าวซอย เย็นนี้คงต้องไปกินให้ได้ ส่วนพิซซ่า...เอาไว้ก่อนละกัน
บทสนทนาวันนั้นจบลงด้วยเพื่อนกลุ่มใหญ่ของสาวเจ้าที่เข้ามาที่ร้าน ผมกับเธอจึงแลก contact กันไว้แล้วแยกย้ายกันกลับ นึกดีใจเล็ก ๆ ที่อย่างน้อยผมก็มีเพื่อนที่เป็นคนเชียงใหม่แล้วล่ะวะ ถึงจะไม่ได้สนิทกันมาก แต่จากการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในหลาย ๆ เรื่อง ผมคิดว่าอย่างน้อยเธอก็ยังพาไปเปิดหูเปิดตา เจอสังคมใหม่ ๆ หรืออะไรที่ทำให้ผมไม่อับเฉาในห้องสี่เหลี่ยม และแอบวาดฝันชีวิตสุดสวิงริงโก้ที่กำลังจะตามมา กูจะไปเที่ยว กูจะไปหาพรรคพวกเล่นดนตรี และทำอะไรอีกสารพัดสารเพที่อยากทำ
สุดท้ายทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงความคิด เพราะแม้จะเห็นกันผ่าน ๆ บ้างในโลกออนไลน์ ที่เธอมักจะตะลอนไปเที่ยว และทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามประสาวัยรุ่นทั่วไป แต่ผมก็ไม่เคยเจอเธออีกเลยแม้ว่าเธอยังคงทำงานที่ร้านกาแฟร้านเดิมอยู่ หลังจากนั้นอีกสามเดือน ผมออกจากเชียงใหม่มาใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ ด้วยความรู้สึกหลาย ๆ อย่าง ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าถ้าผมได้อยู่ที่นู่นต่อแล้วไปเย้ว ๆ แบบที่อยากทำจริง ๆ ชีวิตมันจะเป็นยังไง
มาคิดตอนนี้ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะผมหมกมุ่น จ่อมจมกับวิทยานิพนธ์ที่เป็นชนักติดหลังมากเกินไป จนไม่ได้ไปเปิดประสบการณ์อะไรใหม่ ๆ อย่างที่อยาก หรือไม่ก็รู้สึก awkward แบบแปลก ๆ รู้สึกไม่เป็นธรรมชาติเวลาพูดคุยกับคนแปลกหน้า จนไม่สามารถสานสัมพันธ์ต่อเป็นเพื่อนกันได้ ผมได้แต่คิดว่า ก็สถานการณ์มันไม่เหมือนงานวันแรกพบที่ทุกคนพร้อมเปิด และหาเพื่อนกันนี่หว่า จะต่อกันติดไหมก็หลายปัจจัย สุดท้ายก็ได้แต่แอบเสียดายเล็ก ๆ ที่มาอยู่เป็นปี สุดท้ายก็ไม่เจอเพื่อนเป็นคนเชียงใหม่ที่สามารถต่อกันติด
เอาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก รสชาติชีวิตแบบนี้ที่เชียงใหม่ก็ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่าย ๆ ผมได้เห็นหลายด้านหลายมุมของเชียงใหม่มากมายที่ไม่ใช่ทุกคนจะค้นพบ มาลองคิดดูในตอนนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าที่ได้มาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ และแม้จะทำให้กระอักกระอ่วนไปบ้างตอนสัมภาษณ์งานว่าหายไปไหนมาหนึ่งปี แต่ก็ถือว่าไม่มีอะไรจะเสียดายอีกแล้ว
นอกจากว่า ยังไม่ได้ไปกินพิซซ่าร้านนั้นที่เธอแนะนำมา
หลังไปเดินเล่นที่อ่างแก้ว ผมมักจะนั่งทอดอารมณ์อยู่ตรงนี้อยู่บ่อย ๆ และด้วยอากาศที่หนาวเป็นพิเศษ ท่วงทำนองเศร้า ๆ ของเพลง ๆ นี่จึงทำให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวชัดขึ้นกว่าที่เป็น (มกราคม,2022)
* “Santa Claus is coming to town” ที่ฟังเป็นเวอร์ชั่นของ Frank Sinatra สมัยที่เรียนอยู่ตอนปีสอง แอปพลิเคชั่นฟังเพลงอันหนึ่งจัด Playlist และยังคงฟังเพลงนั้นช่วงคริสต์มาสมาจนถึงทุกวันนี้
** “นายกรัฐแมวตรีและคณะ” นวนิยายโดย “เปีย วรรณา” นักเขียนหญิงชาวเชียงใหม่คนหนึ่งที่ผมชื่นชอบ ด้วยลีลาภาษา และมุมมองของเรื่องเล่าจาก “พระราชาของมหานครแห่งชีวิตและความมั่งคลั่ง” อย่างไรก็ดี เรื่องของเหล่าแมว ๆ นี้กลับเปรยปกว่าเป็น “นวนิยายเบาสาระที่สุดแห่งยุคสมัย” ที่ผมมองว่าลีลาภาษามันแฝงไปด้วยความสนุกสนาน และจิกกัด “ยุคสมัย” ได้ “ไม่เบา” เลยทีเดียว
*** One Life Stand เดี่ยวดี เดี่ยวร้าย หนังสือบอกเล่าชีวิต “โสด” ของพี่ต่อ คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง ที่สนุก ฮา และเข้ากับสถานการณ์ชีวิตในช่วงนั้นที่ไม่ใช่แค่ “โสด” แต่เข้าขั้น “โดดเดี่ยว” เลยก็ว่าได้ เป็นหนังสืออีกเล่มที่อ่านเพลิน ๆ และอ่านกี่รอบก็สนุกสนานได้ทุกรอบ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา