24 ต.ค. 2022 เวลา 05:48 • หนังสือ
#138 CWG. 4️⃣ — บทที่ 3️⃣2️⃣ (ตอนที่ 2) : ไม่มีใครตายในเวลาและในวิธีที่พวกเขาไม่ได้เลือก
▪️ผู้แปล : แอดมิน
{🔸ซึ่งผมอาจนำคำแปลบางส่วน ของคุณซิม จากเพจ Books for Life มาใช้ด้วยครับ ก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ที่ทำให้งานแปลมันสมบูรณ์ขึ้นครับ 🙏 นี่เป็นงานแปลที่ผมตั้งใจแปลมาก ๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยครับ🔸}
Q : You wait for me to ask a question before you tell me what you think it would be of enormous benefit for me to hear? That’s interesting. What if I didn’t ask the right questions?!!
นีล : พระองค์รอให้ผมถามคำถามขึ้นมาก่อนที่พระองค์จะบอกผมว่า พระองค์คิดว่ามันจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผมที่จะได้ยินเนื้อหาเหล่านั้นอย่างงั้นหรือครับ❓ น่าสนใจ แล้วถ้าผมเกิดถามคำถามอื่นที่ไม่ใช่คำถามนี้ขึ้นมาล่ะ⁉️★
★จะกลับบ้านไปอยู่กับพระเจ้า (หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าอีกครั้ง) ได้ยังไง —แอดมิน—
A : Well, actually, I inspire your questions. I’ve been doing it from the beginning. And you listen closely to your inspirations, and act on them. So the chances of you not asking the question were pretty slim.
พระเจ้า : อันที่จริงแล้ว ฉันเป็นคนสร้างแรงบันดาลใจให้กับคำถามของเธอ ทุกคำถามที่เธอถามเกิดจากการดลใจของฉัน และฉันก็ทำอย่างนั้นมาโดยตลอดตั้งแต่แรก และเธอก็ใส่ใจและปฏิบัติตามแรงบันดาลใจนั้นอย่างเหนียวแน่น ดังนั้นโอกาสที่เธอจะไม่ถามคำถามที่ตรงกับความต้องการของฉันจึงมีอยู่น้อยมากๆ
.
Q : Well, I’m glad you inspired it, because some of those who are moving through this dialogue with us here may not have read Home with God. And even those who have may be wondering—as I was, myself, just now—where our wonderful, warm “meet up” with you, our experience of coming home again, fits into all of this.
นีล : คือว่า...ผมดีใจนะครับที่พระองค์ดลใจให้ผมถามคำถามนั้นขึ้นมา เพราะอาจมีคนที่กำลังติดตามบทสนทนานี้อยู่อีกหลายคนที่ยังไม่ได้อ่าน “อยู่บ้านกับพระเจ้า” และแม้กระทั่งคนที่อ่านมาแล้วแต่อาจกำลังสงสัย —เหมือนกับที่ผมกำลังสงสัยอยู่ในตอนนี้— ว่า ณ จุดไหนกันที่เราจะได้ “กลับไปพบ” กับพระเจ้า ประสบการณ์อันแสนวิเศษและแสนอบอุ่นของการได้กลับบ้านไปอยู่บ้านกับพระเจ้าอีกครั้งของเรานั้นจะสอดคล้องกับเรื่องที่เรากำลังจะคุยกันต่อไปนี้ได้อย่างไร
And I realize, of course, that your wonderful description of what happens after we “die” filled an entire book, so it can’t possibly all be repeated here. So I’m thinking of placing an addendum in this present text and listing of all the books that have comprised our dialogue series, with a description of the topics covered in each of them.
และแน่นอน ผมจำได้ดีว่าพระองค์ได้อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่เรา “ตาย” เอาไว้แล้วอย่างงดงามตลอดทั้งเล่ม ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดทั้งหมดนั้นซ้ำอีกครั้งที่นี่ ด้วยเหตุนั้นผมจึงคิดที่จะใส่ภาคผนวกที่ประกอบไปด้วยคำอธิบายถึงหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับบทสนทนาของเราในที่นี้ (เล่ม 4) รวมถึงบอกว่าหัวข้อเหล่านั้นมาจากหนังสือเล่มไหนจากชุดบทสนทนาก่อนหน้านี้ของเราไว้ในตอนท้าย
A : That’s a very good idea. I wonder where it came from . . .
พระเจ้า : นั่นเป็นความคิดที่ดีมากๆ สงสัยจังเลยว่ามาจากไหนกันหนอ . . .
.
Q : I’m getting it, I’m getting it! I’m seeing how this whole dialogue is happening here! So please give us a summary now of how our experience of being home again with you fits into the new revelations you’ve offered us here.
นีล : เอาล่ะครับ ผมเข้าใจแล้ว❗ ณ จุดนี้ ผมเข้าใจแล้วว่าบทสนทนาทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร❗ ดังนั้น ได้โปรดสรุปให้เราฟังถึงประสบการณ์ในการได้กลับไปอยู่ร่วมกับพระองค์อีกครั้งของเรานั้นสอดคล้องกับเนื้อหาใหม่ที่พระองค์กำลังจะเปิดเผยที่นี่อย่างไร
You’ve said here that human beings, too, shift from physical to metaphysical manifestations at will, exactly as Highly Evolved Beings from Another Dimension do—only we call it “birth” and “death.” Yet we think of each of these “transitions” as what we label a lifetime, and we don’t experience that we leave our physical form “as will.” We experience that it happens against our will.
เพราะพระองค์บอกไว้ในที่นี้ว่ามนุษย์เองก็สามารถทำแบบเดียวกับที่สิ่งมีชีวิตที่มีวิวัฒนาการขั้นสูงจากอีกมิติหนึ่งทำได้ ในการเปลี่ยนจากสภาวะมีร่างไปสู่สภาวะไร้ร่างได้ตามใจต้องการ —เพียงแค่เราเรียกปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ว่า “การเกิด” และ “การตาย” เท่านั้นเอง
และเรายังคิดอีกว่า “การเปลี่ยนสถานะหรือสภาวะ” ในแต่ละครั้งนั้นต้องใช้เวลาชั่วชีวิต (หรือหนึ่งชาติภพ) มันถึงจะเกิดขึ้นสักครั้ง และเราก็ไม่ได้รู้สึกว่าการออกจากร่างหรือเปลี่ยนสถานะของเรานั้นเกิดขึ้นจากความต้องการของเราเลยสักนิด เรารู้สึกว่ามันเกิดขึ้นโดยขัดต่อความต้องการของเรามากกว่า★
★กล่าวอีกอย่างได้ว่า เราไม่ได้อยากตายสักหน่อย แต่ดันตายเฉย 😅
—แอดมิน—
A : I know. That’s why this was a focal point of the conversation that you transcribed in Home with God. To repeat what was said there, and in this very conversation earlier: No one dies at a time or in a way that is not of their choosing.
พระเจ้า : ฉันรู้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมเรื่องนี้ถึงเป็นหัวใจสำคัญของการสนทนาของเราใน “อยู่บ้านกับพระเจ้า” ฉันจะพูดซ้ำถึงสิ่งที่เคยพูดเอาไว้แล้วในตอนนั้น และในตอนต้นของการสนทนานี้อีกครั้งว่า : ไม่มีใครตายในเวลาและในวิธีที่พวกเขาไม่ได้เลือก★
★กล่าวอีกอย่างได้ว่า พวกเราทุกคนวางแผนว่าจะตายด้วยวิธีใดและในช่วงเวลาไหนไว้ก่อนมาเกิดแล้ว
—แอดมิน—
Again, I know this is not an easy concept to embrace, but dying at a time or in a way that is not of your choosing would be impossible, given Who and What you are.
เป็นอีกครั้งที่ฉันรู้ว่า แนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยอมรับ แต่ทว่า #การตายในเวลาหรือในวิธีที่เธอไม่ได้เลือกเองนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เธอเป็นและตัวตนที่แท้จริงของเธอ
 
(มีต่อ)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา