26 ต.ค. 2022 เวลา 16:22 • ประวัติศาสตร์
เอลซิด (El Cid) ค.ศ.1043
นักรบ
โรดรีโก ดีอัซ เด บีบาร์
เอลซิด (El Cid) เป็นขุนศึกชาวสเปนผู้เก่งกาจคนหนึ่ง เกิดในปี ค.ศ.1043 ที่หมู่บ้านบีบาร์ ในเมืองบูร์โกส อาณาจักรคาสตีล เกิดในตะกูลขุนนางสเปน มีชื่อเต็มว่า โรดรีโก ดีอัซ เด บีบาร์ (Rodrigo Daz de Vivar)
โรดรีโกได้รู้จักและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเจ้าชายซานโช รัชทายาทแห่งอาณาจักรคาสตีลในฐานะเจ้านายและข้ารับใช้มาตั้งแต่เด็ก ทั้งคู่ก็สนิทสนมกันจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นสหายกัน
โรดรีโกจงรักภักดีต่อเจ้าชายซานโชมาก ดังจะเห็นได้จากในปี ค.ศ.1063 อาณาจักรคาสตีลมีสงครามกับอาณาจักรอารากอน เพราะต้องการแย่งชิงดินแดนซาราโกซา สงครามครั้งนี้ไม่สามารถตัดสินได้ เพราะต่างฝ่ายต่างเข้มแข็งจนไม่มีใครเอาชนะใครได้ จึงตกลงกันว่า ให้แต่ละฝ่ายส่งตัวแทนมา 1 คนมาประลองกันแบบ 1 ต่อ 1 ใครชนะจะได้ดินแดนซาราโกซาไป
ดาบของเอลซิด ปัจจุบันอยู่ในพิพิธภัณฑสถานคลังอาวุธหลวงในกรุงมาดริด
ฝ่ายคาสตีลนั้น โรดรีโก อาสาไปเป็นตัวแทนการประลองและในวันจริงนั้นแม้คู่ต่อสู้จากอารากอนจะมีร่างกายกำยำ แรงเยอะ และตัวโตกว่าโรดรีโกอย่างมาก เขาก็สามารถเอาชนะได้ ทำให้คาสตีลชนะในสงครามนี้
ทหารของคาสตีลจึงให้ฉายาจากการสร้างวีรกรรมของเขาคือ “เอลซิด กัมเปอาดอร์” (El Cid Campeador) โดย El Cid มีที่มาจากคำในภาษาอาหรับถิ่นอันดาลูเซียว่า “อัลซีด” แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “The Lord”
ส่วน Campeador นั้นเป็นภาษาสเปน แปลว่า “Champion” ซึ่งฉายาเอลซิดก็เป็นชื่อที่คนส่วนใหญ่ที่รู้จักโรดรีโกใช้เรียกเขา
ภาพเอลซิด ขณะอยู่ในอิริยาบถขี่ม้า
หลังสงครามอารากอน อาณาจักรคาสตัลยังพบสงครามใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้เป็นสงครามกับแขกมัวร์ (เป็นส่วนหนึ่งของแผนการพิชิตดินแดนคืนหรือ Reconquista ของชาวคริสต์ในคาบสมุทรไอบีเรีย)
ผลคือกองทัพคาสตีลภายใต้การนำของเจ้าชายซานโชที่ 2 และโรดรีโก ชนะแทบทุกครั้ง ทำให้คาสตีลมีเมืองขึ้นและแผ่ขยายอาณาเขตไปได้กว้างขวาง แต่พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 กษัตริย์แห่งคาสตีลและพระชนก ของเจ้าชายซานโชได้เสด็จสวรรคตในปี ค.ศ.1065
โดยที่ก่อนเสด็จสวรรคต พระองค์ได้ทรงจัดสรรดินแดนให้พระโอรสและพระธิดาได้แบ่งกันปกครอง โดยเจ้าชายซานโช เจ้านายเอลซิลได้ขึ้นครองบัลลังก์คาสตีล
พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 (Alfonso VI)
แต่ไม่นานพระเจ้าชานโชที่ 2 ทรงเห็นว่า พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 พระอนุชาของพระองค์ที่ได้ไปปกครองอาณาจักรเลออนนั้น ขาดความสามารถในการปกครอง ประกอบกับคาสตีลมีสงครามกับแขกมัวร์
ควรรวมคาสตีลและเลออนเข้ากับคาสตัลดีกว่า เพื่อที่อาณาจักรคาสตีลจะได้เข้มแข็ง ดังนั้น พระเจ้าซานโชที่ 2 จึงทรงเปิดศึกชิงดินแดนเลออนกับพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 ในปี ค.ศ. 1065
ศึกแย่งชิงเลออนดำเนินมาจนถึงปี ค.ศ.1072 พระเจ้าซานโชที่ 2 ทรงมีชัยต่อพระเจ้าอัลฟอนโชที่ 6 และผนวกอาณาจักรคาสตัลกับเลออนได้สำเร็จ ต่อไปก็ต้องทรงสังหารพระเจ้าอัลฟอนโชที่ 6 เพื่อให้กษัตริย์ของคาสตีลและเลออนมีเพียงพระองค์เดียว แต่พระเจ้าอัลฟอนโชที่ 6 ทรงลี้ภัยไปยังอาณาจักรซาโมรา เพื่อขอความช่วยเหลือกับพระนางอูร์รากา พระกนิษฐาของพระองค์
อูร์รากาใน พงศาววลีของกษัตริย์แห่งโปรตุเกส
พระนางอูร์รากาและพระเจ้าอัลฟอนโชที่ 6 จึงร่วมมือกันลอบปลงพระชนม์พระเจ้าซานโชที่ 2 เสียในปี ค.ศ.1072 นั้นเอง แผนลอบสังหารในครั้งนี้ทรงมอบให้ทหารอาสาผู้ภักดีต่อพระนางอูร์รากาและพระเจ้าอัลฟอนโชที่ 6 ทำอย่างลับๆ ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าพระนางอูร์รากาและพระเจ้าอัลฟอนโชที่ 6 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบปลงพระชนม์พระเจ้าซานโชที่ 2
เมื่อพระเจ้าซานโชที่ 2 เสร็จสวรรคตแล้ว ก็ไม่มีใครเหมาะสมจะเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรคาสตัล-เลออนมากไปกว่าพระเจ้าอัลฟอนโชที่ 6 และได้เข้าพิธีเพื่อสถาปนาเป็นกษัตริย์แห่งคาสตัล-เลออน
แต่ในพิธีแต่งตั้งพระเจ้าอัลฟอนโชที่ 6 นั้นเอลซิดไม่ยอมคุกเข่าถวายพระพร เพราะเขาครางแคลงใจว่าพระเจ้าอัลฟอนโชที่ 6 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบปลงพระชนม์พระเจ้าซานโชที่ 2 และขอร้องให้พระเจ้าอัลฟอนโชที่ 6 สาบานต่อหน้าพระคัมภีร์ว่า ทรงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบปลงพระชนม์พระเจ้าซานโชที่ 2
พิธีแต่งตั้งพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6
พระเจ้าอัลฟอนโชที่ 6 ได้ทรงสาบานออกมาอย่างเต็มพิธี เอลซิดจึงยอมรับอำนาจและถวายตัวเข้ารับใช้พระเจ้าอัลฟอนโชที่ 6
เอลซิดแต่งงานกับคีเมนา เด โอเบียโด พระญาติของพระเจ้าอัลฟอนโชที่ 6 ในปี ค.ศ.1074 มีบุตรด้วยกัน 3 คน ชื่อ กริสตีนา มารีอา และดีเอโก โรดรีเกซ
ฝากกดถูกใจ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
Reference :
เอลซิด : https://bit.ly/3N6H2oE
อูร์รากาแห่งโปรตุเกส : https://bit.ly/3FlSomY
พระเจ้าอัลฟอนโซที่_6_แห่งเลออนและกัสติยา : https://bit.ly/3Fjqh7H

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา