เอาละไปฟังเรื่อง The Last Supper และความอัจริยะของ Davinci กันนะคะ
1.
ภาพ The Last Supper มีมานานแค่ไหนกันแล้วน้า ...
เราไม่ใช่ Christ ก็อาจจะรู้จักแต่ภาพ The Last Supper ของ Davinci เพราะเป็นภาพที่ดังมาก (ยิ่งดังมากไปอีกตอน Dan Brown เขียน Davinci Code + มีหนังออกมาเนาะ)
ที่จริงแล้วภาพ The Last Supper ไม่ได้มีแค่ภาพของ Davinci และภาพของ Davinci ก็ไม่ได้เป็นภาพภาพแรก มีทั้งศิลปินและมือสมัครเล่นวาดมายาวนานแล้วตั้งแต่ 2-300 ปีแรกหลังคริสตกาล ภาพแรกที่อาจารย์นำมาให้ชมอายุเกือบ 2,000 ปีแล้วแน่ะ!!! เป็นภาพเฟรสโก้ในคริสต์ศตวรรษที่ 2 อยู่ในหลุมฝังศพและที่หลบภัยของคริสเตียนที่เรียกกันว่า Catacombs of Domitilla ในกรุงโรม สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นฝีมือของคริสเตียนที่หลบตายอยู่ในนั้น ไม่ได้เป็นฝีมือของศิลปิน (เบ็นว่ามันดิบๆ ดี สวยไปอีกแบบ แอบชอบ 😊)
Last Supper (2nd century) Fresco at Catacombs of Domitilla, Rome
- Devine Symbol Explained ในพิธีพระเยซูแบ่งขนมปังและน้ำองุ่นให้สาวกและบอกว่าต่อไปให้ทำแบบนี้เพื่อระลึกถึงการตายของพระองค์ นี่เป็นพันธสัญญาใหม่ ขนมปังคือกายของพระองค์ น้ำองุ่นคือเลือด ที่เสียสละเพื่อไถ่บาปให้มนุษย์ เป็นสัญลักษณ์ที่ให้ทำไปตลอดชั่วนิรันดร์
2
เรียกได้ว่า The Last Supper คือจุดเริ่มต้นของพิธีและสัญลักษณ์แห่งขนมปังกับน้ำองุ่นนี้ (มันเลยเป็น Moment ที่สำคัญมาก และภาพเกี่ยวกับศาสนาจึงมีศิลปินวาด Moment นี้กันมากมายนั่นเอง)
- เช่นยูดาสกำลังเอื้อมมือมาหยิบกระปุกเกลือ ในภาษาอังกฤษมีสำนวนว่า Betray the salt หมายถึง to betray one’s Master สื่อความหมายว่ายูดาสคือผู้ทรยศต่อพระเยซู (โอ้โหวววว)
- ภาพนี้เป็นสัญลักษณ์ของการ Joining the Lord’s table … ทำไม Davinci จึงวาดพระเยซูและอัครสาวกทั้งหมดอยู่ด้านเดียว ภาพนี้อยู่ที่ผนังโรงทานด้านหลังโบสถ์ Santa Maria Delle Grazie ในมิลาน มีทฤษฏีเชื่อกันว่าในสมัยนั้นเวลาทำพิธีมหาสนิท บาทหลวงจะตั้งโต๊ะชิดกำแพงและหันหน้าเข้าหาภาพ เปรียบเสมือนการร่วมโต๊ะกับพระองค์ (Perspective ในภาพเชื่อมต่อกับ Perspective ของอาคารจริงด้วย คนที่เดินเข้ามาในอาคารจะรู้สึกว่าอาคารในภาพ The Last Supper ต่อเนื่องกับอาคารจริง)
- เรื่อง John ที่เอนมาใกล้ทรวงพระเยซู ศิลปินทุกคนจะวาดคนนี้อิงพระเยซู และจะเป็นคนที่หน้าเด็กกว่าคนอื่น นักปวศ. เชื่อว่า John เป็นสาวกที่อายุน้อยที่สุด น่าจะเป็น teenager … Dan Brown ก็มีการตีความว่าคนนี้แหละเป็น Mary … (John ในภาพของ Davinci แม้จะไม่ได้เอนมาทางพระเยซู แต่ก็ดูคล้ายผู้หญิงมาก ทำให้คนเชื่อตาม Dan Brown ไปค่อนโลก… *เรื่องนี้มีคนบอกว่ามันเป็นสไตล์การวาดคนของ Davinci ที่เส้นแบ่งระหว่างหญิงชายค่อนข้างจะเบลอ และที่จริงมีอีกหลายคนในภาพที่มีส่วนคล้ายผู้หญิงไม่ใช่เฉพาะ John)
สรุปว่า Dan Brown เขียนนิยายเก่ง จับแพะชนแกะ เชื่อมโยงเก่ง เบ็นเชื่อว่าเค้าก็ต้อง Study เยอะมากๆๆๆๆๆๆ และลงรายละเอียดลึกมากๆๆๆๆ ถึงจะเขียนได้เนียนเบอร์นี้ จนนิยายโด่งดัง มีอิทธิพลทำให้คนเชื่อไปค่อนโลก >> ทำให้คนสนใจศิลปะเพิ่มขึ้นมากมาย แม้คริสเตียนจะงงกันไปทั้งบาง 😅 แต่ Dan Brown ก็ทำเงินได้หลายพันล้านอ่ะ … คนเรามันต้องลึก ต้องละเอียดในงานที่ทำจริงๆ เนอะ
- Hope: Nothing can separate us from the love of God ในความทุกข์มนุษย์มักถามว่าพระเจ้ายังอยู่ไหม ... พระเจ้าอยู่เสมอ พระเจ้ามองเราอยู่แม้เราจะมองไม่เห็นพระองค์
- Hope: For those who love him ตามปรัชญาของคริสเตียนเชื่อว่าไม่ว่าจะผ่านความเลวร้ายแค่ไหนก็แล้วแต่ ในที่สุดความหวัง สิ่งใหม่จะเกิดขึ้น แผนการของพระเจ้าจะสำเร็จ สุดท้ายสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นในชีวิต ไม่ชีวิตนี้ก็ชีวิตหน้า
- Hope that is ultimate ตามความเชื่อของคริสเตียน หากเป็นผู้เชื่อไม่ว่าจะทนทุกข์หรือต้องผ่านความตาย เช่นเดียวกับพระเยซูที่ฟื้นคืนมาในไม่เกิน 3 วันนับจาก The Last Supper ทุกคนจะได้มีกายใหม่ในแผ่นดินใหม่ของพระเจ้า
สุดยอดไปเลยนะคะ นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นค่ะ ภาพนี้สำคัญ พิเศษ และมีเสน่ห์เพราะมันเป็นภาพที่ Capturing Moment ที่สำคัญ The Moment of Hope ไว้ ... ตัว Davinci เองก็ตั้งใจวาดอย่างที่สุด ใส่รายละเอียดไม่ยั้ง จนอาจารย์และคุณเอ๋ก็ไม่สามารถเอาทุกอย่างมาเล่าให้เราฟังได้ ภายในเวลาแค่ 1 ชั่วโมง
The Last Supper ยังมีเรื่องราวมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่รอให้เราไปค้นหาอีกมากมาย
May the faith and passion be with you … ขอให้ศรัทธาและหัวใจสถิตอยู่กับทุกคน และอย่าลืมเก็บความหวังไปด้วยนะคะ ความหวังจะนำทางเราไป และเราทุกคนจะก้าวผ่านช่วงเวลายากๆ นี้ไปด้วยกันค่ะ