23 พ.ย. 2022 เวลา 10:07 • หุ้น & เศรษฐกิจ
หุ้น 6 ประเภท ตามสไตล์ Peter Lynch
EP. 1 “หุ้นโตช้า”
หุ้นที่ Lynch ไม่ค่อยชอบซื้อ...
ลักษณะของหุ้นโตช้า
เป็นหุ้นที่มีการเติบโตของกำไรต่ำประมาณ 1-5% ต่อปี
อาจเติบโตได้ตามเงินเฟ้อ หรือสภาพเศรษฐกิจของประเทศ ส่วนใหญ่มักเป็นธุรกิจที่ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ลูกค้ามีอยู่มากมายจนไม่สามารถขยายฐานลูกค้าเพิ่มได้มากนัก
ตัวอย่าง เช่น
หุ้นสาธารณูปโภค หรือหุ้นค้าปลีกบางตัวที่ไม่สามารถรักษาการเติบโตสูงๆได้ เป็นต้น
แล้วเราหวังอะไรจากหุ้นโตช้า?
“เงินปันผล!”
แน่นอนเมื่อหุ้นประเภทนี้ไม่สามารถที่จะเติบโตได้ กำไรที่หามาได้ก็ควรจะนำออกมาจ่ายเป็นปันผลให้กับผู้ถือหุ้น หรือซื้อหุ้นตัวเองเมื่อราคาเหมาะสม
โดยส่วนตัวมองว่าหุ้นประเภทนี้บางทีมักถูกเรียกว่า หุ้นปันผล หรือก็คือหุ้นที่มีการจ่ายปันผลเป็นเงินสดอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง
เสี่ยงมากไหม?
ความเสี่ยงของหุ้นประเภทนี้มักขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของกิจการ หากเป็นสินค้า/บริการที่ผู้คนต้องซื้อ หรือใช้บริการเป็นประจำ และทำให้มีรายได้แน่นอน ความเสี่ยงของการที่จะไม่ได้ปันผลก็จะมีน้อย
เนื่องจากหากบริษัทขายของได้อย่างสม่ำเสมอ ทำให้มีกำไรเท่าเดิมหรือมากขึ้นแล้วล่ะก็ บริษัทจะสามารถนำกำไรนั้นจ่ายเป็นปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างสม่ำเสมอนั่นเอง
ผลตอบแทนที่ควรคาดหวังคือเท่าไร?
โดยส่วนตัวมองว่าหุ้นประเภทนี้เป็นหุ้นที่สามารถปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ จึงเหมาะแก่การซื้อเพื่อรับเงินปันผล ดังนั้น ผลตอบแทนที่คาดหวังก็ควรจะมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากแน่นอน แต่ว่าจะเท่าไหร่นั้นก็แล้วแต่นักลงทุน
ส่วนตัวผมหากจะซื้อหุ้นปันผลก็ควรจะได้ปันผลมากกว่า 10% ต่อปี ทำไมน่ะหรอ???
นั่นก็เพราะหากผมได้ปันผล 10% ต่อปี นิ่งๆโดยที่บริษัทไม่เพิ่มเงินปันผลเลย ผมจะได้เงินต้นที่ลงทุนไปคืนภายใน 10 ปี และหลังจากนั้นมันก็จะเป็นกำไรล้วนๆจากเงินที่ผมลงทุนเมื่อ 10 ปี ที่แล้วยังไงล่ะ
และยิ่งถ้าบริษัทเพิ่มเงินปันผลได้ปีละ 1-3% ผมก็จะคืนทุนจากเงินปันผลเร็วกว่า 10 ปี เสียอีก!
เราควรถือยาวแค่ไหน กลยุทธ์ที่ทำให้ได้กำไรของหุ้นโตช้าเป็นอย่างไร?
1. ซื้อและถือ เพื่อเอาปันผลตลอดชีวิต
2. ขาย เมื่อกำไรเป็นที่น่าพอใจ (สำหรับผมประมาณ30-100%)
3. มีหุ้นตัวอื่นน่าสนใจกว่า หรือจะให้ผลตอบแทนมากกว่า
สิ่งสำคัญที่ต้องดูอย่างใกล้ชิด ทั้งพื้นฐานและมูลค่า?
ตัวเลขสำคัญที่ต้องดูของกิจการ
1. ปันผลต่อเนื่องอย่างยาวนาน > 10 ปี
2. กำไรคงที่หรือเพิ่มขึ้นทุกปี > 1-5% ต่อปี
3. ยอดขายไม่ลดลงมากนัก ยกเว้นในวิกฤติ
4. อัตราส่วนการทำกำไรต่างๆ คงที่หรือมากขึ้น
5. งบดุลแข็งแกร่ง หนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น(D/E) < 1 เท่า
6. Payout ratio 70% - 95%
ตัวเลขในการประเมินมูลค่า
1. PE 7-9 เท่า
2. Dev. > 7-10%
ขายเมื่อไหร่ดี?
1. สูญเสียส่วนแบ่งการตลาด 2 ปี ติดต่อกัน รายได้ลด
2. ค่าใช้จ่ายการตลาดสูงขึ้นมาก รักษาอัตราการทำกำไรไม่ได้
3. ซื้อกิจการที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลัก และทำให้กำไรแย่ลง
4. งบดุลเสื่อมลง หนี้เพิ่มขึ้นโดยไม่ส่งผลดีต่อบริษัท
5. เงินปันผลไม่น่าดึงดูด < 6%
ควรมีหุ้นประเภทนี้ประมาณกี่ % ในพอร์ทดี?
แล้วแต่ความต้องการเงินสด แต่สำหรับผมที่ไม่ได้ต้องการเงินสดจากการลงทุนมาก และเน้นการเติบโตของพอร์ตเป็นหลัก หุ้นประเภทนี้ผมจะไม่ซื้อเข้าพอร์ตเลย ยกเว้นปันผลมันจะน่าสนใจจริงๆ หรือราคาต่ำกว่ามูลค่ามากๆ
และเมื่อได้กำไรประมาณ 20-50% ก็ควรจะขายออกไปซื้อหุ้นตัวที่ต่ำกว่ามูลค่าจะได้ผลตอบแทนดีกว่า และรวดเร็วกว่า
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นสรุปโดยย่อของหุ้นโตช้า และใน EP สุดท้ายของ Series นี้ ผมจะมาสรุป และแนะนำการตจัดพอร์ทสไตล์ Peter Lynch อีกทีนะครับ รอติดตามได้เลยทุกอาทิตย์
หมายเหตุ:
1. การเขียนบทความอาจมีอคติส่วนตัวจากผู้เขียน ควรหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนนำไปใช้จริง
2. อย่าพึ่งเชื่อเรา เพราะยังมีวิธีการวางแผนอีกมากมายที่ทั้งดีและมีประโยชน์
3. บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น
4. ที่มา One up on wall street
ขอบคุณผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ Yorkies BannPin
คิดถึงลูกสุนัขยอร์คเชียร์ ต้องที่ บ้านปิ่น เท่านั้น! [พิเศษ เมื่อบอกว่ามาจากเพจ Angrystocks มีส่วนลดให้ 100 บาท สำหรับลูกค้าใหม่เท่านั้น]
อย่าลืมกดไลค์ แชร์ กดติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะครับ อาทิตย์หน้ามาเจอกันใหม่ครับ
Reference Pic. :
#หนังสือ #หุ้น #พัฒนาตนเอง #AngryStocks #ธุรกิจ #OneUpOnWallStreet #PeterLynch #VI #การลงทุน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา