26 พ.ย. 2022 เวลา 03:19 • หนังสือ
✴️ บทที่ 3️⃣ กรรมโยคะ : วิถีการกระทำที่ถูกต้องทางจิตวิญญาณ ✴️ (ตอนที่ 39)
🌸การเอาชนะอารมณ์ที่มีสองคม ราคะ กับ โทสะ🌸
⚜️ โศลกที่ 3️⃣9️⃣ ⚜️
หน้า 439–440
โศลกที่ 3️⃣9️⃣
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
บุตรของนางกุนตี (อรชุน) เอ๋ย ศัตรูของผู้มีญาณปัญญาคือไฟแห่งราคะอันไม่อิ่มเชื้อ ที่บดบังปัญญาอยู่เสมอ
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
ไม้เป็นเชื้อไฟ เมื่อไม้หมด เปลวไฟก็หมด ทำนองเดียวกันสุขผัสสะหล่อเลี้ยงไฟราคะ ที่บังการเห็นของวิญญาณ เมื่อสุขผัสสะอ่อนล้า ไฟราคะก็หยุดไปชั่วคราว แต่เมื่อไม่รู้ว่าธรรมชาติของราคะนั้นติดไฟง่าย คนโง่จึงชอบเติมเชื้อไฟด้วยการปล่อยตนตามผัสสอินทรีย์ ไฟจึงลุกไหม้บดบังญาณปัญญาอยู่เรื่อยไป
ถ้ายังโง่อย่างนี้ต่อไป บุคคลก็ไม่มีวันพบความสงบ ความยินดีที่ยั่งยืน เขาจะตื่นขึ้นมารับรู้ข้อเท็จจริงนี้ก็ต่อเมื่อราคะของเขาถูกทำลายไปสิ้นแล้ว เขาไม่เข้าใจว่าความใคร่มีอำนาจผลาญเผาเพราะญาณปัญญาของเขาด้านชาไปเสียแล้ว ราคะจึงเป็นเพื่อนคู่หูของคนโง่ ส่วนผู้มีญาณปัญญารู้ว่าราคะคือศัตรูตัวฉกาจ
ผู้มีญาณปัญญามีอยู่สองประเภท ประเภทที่หาได้ยากบนโลกนี้ คือคนที่หลุดพ้นแล้วอย่างสิ้นเชิง เมื่อตระหนักว่าทุกสิ่งคือบรมวิญญาณ เขาจึงเป็นหนึ่งเดียวกับอนันตภาวะอันไพศาล เอกภาวะอันเป็นทิพย์นี้ เห็นได้จากการที่เขาเป็นนายเหนือตนแล้วอย่างบริบูรณ์
เขาสามารถถอนพลังชีวิตและจิตจากสสาร จากอินทรีย์ทั้งปวง ไม่ว่า เส้นประสาท กล้ามเนื้อ หัวใจ ไขสันหลัง และจักระทั้งเจ็ดบนสมองร่วมไขสันหลัง นำพลังเหล่านี้ไปรวมกับบรมวิญญาณได้ตามที่ตั้งใจ และขณะแนบแน่นอยู่กับเอกภาวะอันเป็นทิพย์นี้ เขาสามารถนำจิตและชีวิตกลับสู่กาย เขาจึงเดิน ทํางาน และทําสมาธิได้ด้วยญาณปัญญา แต่ภายในไม่สะดุ้งหวั่นไหวไปกับมายาใด ๆ ในธรรมชาติ
ผู้มีญาณปัญญาประเภทที่สอง คือ บุคคลที่เมื่อเข้าถึงความเป็นหนึ่งกับบรมวิญญาณแล้ว เพ่งจิตอยู่ที่วิญญาณจักษุ เขากระทำการทั้งหลายด้วยญาณปัญญาแห่งวิญญาณจักษุนี้ ซึ่งยังอิงอยู่กับปรากฏการณ์ทางกายและจิตของตน ผู้มี ญาณปัญญาประเภทนี้ บางครั้งยังต้องผจญกับไฟความใคร่ แต่เขารู้ทันและดับมันเสียได้ เพราะเขาตื่นตัวและใคร่ครวญภายในอยู่เสมอ
ผู้ที่เป็นอิสระ พ้นแล้วจากมนินทรีย์ กระทำการงานด้วยบรมวิญญาณ ผู้ประเสริฐที่หลุดพ้นไปได้บางส่วน กระทําการงานด้วยพุทธิปัญญาตามการนำของสหัชญาณ ซึ่งได้จากการเพ่งที่วิญญาณจักษุ แต่การงานในจิตและกายของชาวโลกทั่วไปนั้นกระทำการอยู่ที่จักระบั้นเอว จักระกระเบนเหน็บ และ จักกระก้นกบ ซึ่งโยงอยู่กับอินทรีย์หยาบและความใคร่ในวัตถุ ผู้ภักดีจึงต้องพยายามอย่าเพ่งจิตที่จักระซึ่งทํางานด้าน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส #แต่จงเพ่งที่หน้าผาก ฐานของวิญญาณจักษุและพุทธิปัญญาที่จะเพิ่มเสริมพลังให้แก่การควบคุมตน
คนติดวัตถุเชื่อมโยงตนกับกายภายนอก จึงถูกความเย้ายวนของอินทรีย์ที่ทิ่มแทงให้กระทําการต่าง ๆ นานา ผู้มีญาณปัญญาใช้ญาณปัญญาและการควบคุมตน มองและจัดการกับกระบวนการของจิต ผู้หลงกามไม่ตระหนักถึงอำนาจอันร้ายกาจของความใคร่ จึงกอดรัดความใคร่ไว้ ปล่อยให้มันเผาลน เหมือนแมลงบินเข้าหา กองไฟ ผู้ภักดีที่คิดเป็นและช่างสังเกตจะรู้ได้ทันทีที่ประกายจาง ๆ ของความใคร่เริ่มกระจายในขอนใหญ่แห่งญาณปัญญา เขารีบดับไฟความใคร่ทันทีที่เห็นประกายแรกของมัน
(มีต่อ)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา