#156 CWG. 4️⃣ — บทที่ 3️⃣5️⃣ (ตอนที่ 4) : การประพฤติตนของผู้ตื่นรู้
▪️ผู้แปล : แอดมิน
{🔸ซึ่งผมอาจนำคำแปลบางส่วน ของคุณซิม จากเพจ Books for Life มาใช้ด้วยครับ ก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ที่ทำให้งานแปลมันสมบูรณ์ขึ้นครับ 🙏 นี่เป็นงานแปลที่ผมตั้งใจแปลมาก ๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยครับ🔸}
Q : Okay. But now I want more. I guess you could call this an increase in my desire. I want to know what it would be like for me and other members of our species to be aware of when we have awakened, and how we would behave if we began acting like it.
นีล : ตกลงครับ แต่ผมต้องการมากกว่านี้อีก ผมคิดว่าพระองค์อาจเรียกสิ่งนี้ว่าความปรารถนาที่เพิ่มพูนขึ้นของผมก็ได้ ผมอยากรู้ว่าพวกเราจะตระหนักรู้ได้ถึงอะไรหากผมและสมาชิกคนอื่นๆในเผ่าพันธุ์ของเราตื่นขึ้น และพวกเราจะประพฤติตนอย่างไรหากพวกเราเริ่มทำตัวแบบคนที่ตื่นขึ้นแล้ว
A : I have actually answered this question for you before, in previous dialogues.
พระเจ้า : จริงๆฉันได้ตอบคำถามนี้ไปแล้วนะ ในการพูดคุยกันของเราก่อนหน้านี้
.
Q : Would you answer it again for us here, to save us from having to look it up?
นีล : พระองค์จะกรุณาตอบอีกครั้งตรงนี้ได้ไหมครับ เพื่อช่วยพวกเราจากการต้องย้อนกลับไปค้นหา❓
A : Yes. If you choose to act as someone who is aware that she or he is awake, there are several things you would do.
พระเจ้า : ได้สิ หากเธอเลือกที่จะประพฤติตนดังเช่น ผู้ที่ตระหนักได้ว่า เขาหรือเธอได้ตื่นขึ้นแล้ว ก็มีอยู่หลายอย่างที่เธอจะทำ
.
Q : In addition to taking the steps invited in the list of sixteen items that make us different from HEBs.
นีล : ขอเป็นเนื้อหาเพิ่มเติมจากรายการทั้ง 16 รายการที่ทำให้เราแตกต่างจาก สวส. ที่พระองค์เชื้อเชิญให้เราทำตามนะครับ
A : Yes, in addition to those steps.
พระเจ้า : ได้เลย เพิ่มเติมจากรายการเหล่านั้น
First, you would not entertain negative thoughts in your mind. If a negative thought did happen to slip in, you would get it out of your mind immediately. You would think of something else, deliberately. You would simply change your mind about that.
ประการแรก เธอจะไม่ยอมปล่อยให้ความคิดด้านลบคงอยู่ในใจของเธอ (ไม่เลี้ยงมันเอาไว้ในจิตใจโดยการคิดถึงมันอยู่เรื่อยๆ) หากความคิดด้านลบเล็ดลอดเข้ามา (เผลอคิดมันขึ้นมา) เธอจะกำจัดมันออกจากใจในทันที โดยการที่เธอจะเปลี่ยนไปคิดอย่างอื่น อย่างตั้งใจ เธอจะเปลี่ยนใจไปคิดอย่างอื่นได้อย่างง่ายดาย (ไม่ได้รู้สึกว่ายาก ทำไม่ได้ หรือ ฝืนอะไร)
You would also love yourself fully, just as you are. And you would love everyone else fully, just as they are. Then you would love life fully, just as it is, needing nothing to change, and seeing everything as simply something you are moving through so that you can know about it, and create a contextual field providing you with an opportunity to demonstrate Who You Are.
เธอจะรักตัวเองในแบบที่เธอเป็นอย่างเต็มที่ และเธอจะรักทุกคนในแบบที่พวกเขาเป็นอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน จากนั้นเธอจะรักชีวิตอย่างที่เป็นอยู่อย่างเต็มที่ ไม่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอะไรใดๆ และเห็นทุกอย่างว่าเป็นเพียงสิ่งที่เธอต้องก้าวผ่านเพื่อที่เธอจะได้รู้และเข้าใจเกี่ยวกับมัน และสร้างสนามแห่งประสบการณ์ (สร้างเหตุการณ์) ที่เปิดโอกาสให้เธอสามารถแสดงสิ่งที่เธอเป็นนั้นออกมาได้
You would forgive no one and nothing ever again, out of knowing that forgiveness is neither necessary nor natural for humans who are aware that they are awake. You would clearly see that holding an idea that there is a need for forgiveness means holding an idea that an injury has occurred, and as a human who is awake you would be aware that injury is not possible in the experience of Divinity—which is Who You Are.
เธอจะไม่ให้อภัยใครและอะไรอีกเลย เพราะรู้แล้วว่าการให้อภัยนั้นไม่จำเป็นและไม่ได้เป็นธรรมชาติเดิมแท้ของมนุษย์ที่รู้ตัวว่าตื่นแล้ว เธอจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการถือความคิดที่ว่าจำเป็นต้องได้รับการให้อภัย หมายถึง การถือความคิดว่ามีการบาดเจ็บหรือการถูกทำร้ายเกิดขึ้น และในฐานะมนุษย์ที่ตื่นแล้ว เธอจะตระหนักได้ว่าการบาดเจ็บหรือการถูกทำร้ายไม่สามารถเป็นไปได้ได้ในประสบการณ์ของความเป็นพระเจ้า—ซึ่งก็คือสิ่งที่เธอเป็น
You would therefore replace forgiveness with understanding in your interactions with others, which would naturally lead to compassion for others as you experience a full realization of the pain, anger, or sadness they must have felt at such a high level as to cause them to abandon their true nature and behave as they did.
ดังนั้น เธอจะแทนที่การให้อภัยด้วยความเข้าใจในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ซึ่งจะนำไปสู่ความเมตตากรุณาผู้อื่นโดยธรรมชาติ เพราะเธอจะรับรู้และเห็นแจ้งถึงความเจ็บปวด ความโกรธ หรือความโศกเศร้าที่พวกเขารู้สึกอยู่นั้นอยู่ในระดับที่สูงมาก จนทำให้พวกเขาต้องละทิ้งธรรมชาติ (ตัวตน) ที่แท้จริงของพวกเขาไปและกระทำตนเช่นที่พวกเขาทำ
Also as a person who is awake, you would not mourn the death of another, not even for a moment. You might mourn your loss, but not their death—but, in fact, celebrate both the moments of love and joy that they shared with others, and the fact that they continue to live in free and wondrous expression of their evolutionary process. You would likewise neither fear nor mourn your own death, for precisely the same reason.
ในฐานะบุคคลที่ตื่นแล้ว เธอจะไม่คร่ำครวญถึงความตายของผู้อื่น แม้แต่ชั่วขณะเดียว เธออาจจะเศร้าโศกกับการสูญเสีย แต่ไม่ใช่กับการตายของพวกเขา—อันที่จริงแล้ว เธอจะเฉลิมฉลองให้กับช่วงเวลาแห่งความรักและความสุขที่พวกเขาได้แบ่งปันกับผู้อื่น และความจริงที่ว่าพวกเขายังคงมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างอิสระและน่าอัศจรรย์ในการสำแดงตัวเองออกมาของกระบวนการวิวัฒนาการส่วนตัวของพวกเขา ด้วยเหตุผลเดียวกันนั้น เธอเองก็จะไม่หวาดกลัวหรือคร่ำครวญถึงความตายของตัวเองเช่นกัน
Finally, you would be aware that everything is energy in vibration. Everything.
And so you would pay much more attention to the vibration of everything that you eat, of everything that you wear, of everything that you watch, read, or listen to, and most important, of everything that you think, say, and do, and you would immediately adjust the vibration of your own energy and the life energy that you are creating around you if you find that it is not in resonance with the highest knowing you have about Who You Are, and the experience of this that you choose to demonstrate.
สุดท้าย เธอจะตระหนักรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างคือพลังงานที่กำลังสั่นสะเทือน ทุกๆสิ่ง ดังนั้น เธอจะใส่ใจมากขึ้นกับการสั่นสะเทือนของทุกสิ่งที่เธอกิน ทุกสิ่งที่เธอสวมใส่ ทุกสิ่งที่เธอดู อ่าน หรือฟัง และที่สำคัญที่สุดคือทุกสิ่งที่เธอคิด พูด และทำ และเธอจะปรับเปลี่ยนการสั่นสะเทือนของพลังงานของตัวเธอเองและพลังงานชีวิตที่เธอสร้างขึ้นรอบๆตัวเธอในทันที หากเธอพบว่ามันไม่สอดคล้องกับความเข้าใจสูงสุดที่เธอมีต่อตัวเองว่าเธอคือใคร และไม่สอดคล้องกับตัวตนที่เธอเลือกจะแสดงออก
(มีต่อ)
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
