"Christmas Dinner" เขาทานอะไรกันบ้างนะ ? 🍾🦃🧆
แล้วเจ้ามื้ออาหารสุดพิเศษในวันคริสต์มาส มันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไรนะ ? 🍽🎅
เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้อินไปกับบรรยากาศของมื้ออาหาร (เที่ยงและเย็น) ฉลองในเทศกาลคริสต์มาส
พวกเรา InfoStory เลยขอพาเพื่อน ๆ ไปรับอ่านเรื่องราวสั้น ๆ กันสักนิดดีกว่า !
(เผื่อจะทานอาหารกันอร่อยกันมากขึ้นนะคร้าบ อิอิ 🎄🧑🎄)
เรื่องราวของมื้ออาหารเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสในวันที่ 24 ธันวาคมเนี่ย มันเริ่มต้นจาก…
🎄 ในปีค.ศ. 336 เรื่องราวมันเริ่มที่กรุงโรมในยุคของจักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1
เพียงแต่ว่าวันแรกที่มีการจัดงานเลี้ยงฉลองคริสต์มาสเนี่ย ก็ยังไม่ได้ปรากฏป็นวันที่ 24 หรือ 25 ธันวาคมอย่างแน่ชัดนะ
(นั่นก็เพราะว่า ยังไม่มีผู้ใดทราบได้ว่าแท้จริงแล้วพระเยซูประสูติตรงกับวันที่เท่าไร..)
จุดประสงค์ของงานเลี้ยงฉลองของชาวโรมันที่กินระยะเวลาในช่วงเดือนธันวาคมยาวไปจนถึงปีใหม่ประมาณ 2 สัปดาห์ ก็เพียงเพราะว่าชาวโรมันต้องการฉลองเทศกาลที่มีชื่อว่า "Sol Invictus"
"Sol Invictus" ว่าง่าย ๆ คือ เทศกาลฉลองดวงตะวันผู้ไร้พ่ายและจักรพรรดิออเรเลียนของพวกเขา เพื่อขอบคุณแสงอาทิตย์ที่ทำให้เกิดความอบอุ่นในช่วงฤดูหนาวทำให้มีผลผลิตงอกงาม รวมไปถึงการมอบพลังทำให้ชาวโรมันมีความแข็งแกร่ง ซึ่งจะฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี
สาเหตุที่เขาพอจะเดากันจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ ก็ว่ากันว่ากลุ่มชาวคริสต์ (โรมัน) ก็ได้ร่วมกันเฉลิมฉลองในเทศกาลนี้ไปด้วย จนว่ากันว่ากลุ่มชาวคริสต์กลุ่มแรก ๆ มีความเชื่อว่าพระเยซูประสูติในวันนี้
⏳ หลังจากนั้นไม่นาน ในช่วงปี ค.ศ. 350 ก็เป็นช่วงเวลาแห่งการเผยแพร่ขยายคริสตจักร ⛪ หรือ กลุ่มประชาคมผู้ที่เชื่อและยอมรับว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์ ที่มาบังเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อช่วยไถ่มนุษย์จากบาป ✝
ทีนี้พอคริสตจักรต้องเลือกวันฉลองเพื่อรำลึกถึงบุคคลที่สำคัญที่สุดในศาสนา (หรือพระเยซูคริส)
ในเวลานั้น พระสันตะปาปาจูเลียสที่ 1 แห่งกรุงโรม จึงได้เลือกวันที่ 25 ธันวาคม ตามวันเฉลิมฉลองดวงตะวันของชาวโรมัน มาเป็นวันประสูติของพระเยซู นั่นเองจ้า
(ตามความเข้าใจของเรา คือเขาเปรียบพระเจ้าเป็นดั่งแสงสว่าง รวมถึงความนิยมของชาวคริสต์กลุ่มแรก ๆ ในกรุงโรมที่ร่วมฉลองเทศกาล Sol Invictus ไปด้วยนั่นเอง)
แต่ว่าในปัจจุบันจะนิยมทานกันในมื้อเที่ยง/มื้อเย็นของวันที่ 24 ธันวาคมหรือวันคริสต์มาสอีฟของทุกปี
🗡👑 อีกเรื่องราวสั้น ๆ ที่อาจเกี่ยวและไม่เกี่ยวกัน อ่านเพลิน ๆ
ตามตำนานหรือนิยายเรื่องราวของกษัตริย์อาเธอร์ (King Arthur and the knights of the round table)
วันที่ 25 ธันวาคม ก็คือวันที่กษัตริย์อาเธอร์ ดึงดาบเอกซ์คาริเบอร์ออกจากแท่นหินและตอบบทพิสูจน์ที่ว่า เขาคือกษัตริย์แห่งอังกฤษโดยชอบธรรม 🗡🫅🪨🏴
[ 7,000 calories only in Christmas Dinner ! ]
โดยเฉลี่ยแล้ว พวกเขา (ชาวยุโรป) จะกินมื้อเย็นในค่ำคืนฉลองคริสต์มาสกันแบบไม่ยั้ง
แต่ต้องบอกว่า 6,000 - 7,000 แคลที่ว่านี้ จะเป็นต่อโต๊ะมื้ออาหารนะคร้าบบ (ไม่ใช่คนเดียว)
ซึ่งหนึ่งโต๊ะมื้อเย็นสุดพิเศษนี้ ชาวยุโรปก็จะทานกันประมาณ 3-4 คน (อารมประมาณว่าคนในครอบครัว)
ถ้ามองว่าเป็นแค่คนในครอบครัวเนี่ย แล้วมีเด็ก ๆ ด้วย… แคลอรี่ต่อหัวต่อมื้อนี้ ก็น่าจะเอาเรื่องอยู่ เลยละ
อันที่จริงแล้ว ไม่ใช่แค่มื้อเย็นนะ แต่เรียกได้ว่าทั้ง 3 มื้อเลยดีกว่า โดยเริ่มตั้งแต่มื้ออาหารเช้า (เบาหน่อย พวกขนมปังขิง เห็ดผัด) มื้อเที่ยง (หนักหน่อย) และมื้อเย็น (ที่หนักไม่ต่างกันกับมื้อเที่ยง)
เราคิดว่าส่วนใหญ่ไม่น่าจะทานกันหมดหรอก ฮ่า ๆ เพียงแต่เรียกว่าจัดเต็มในการเลือกหยิบอาหารมาฉลอง ถ่ายรูปมาก็ดูสวย แถมตอนเราหิว ๆ เนี่ย เจออาหารเต็มโต๊ะภายใต้บรรยากาศอันแสนอบอุ่น ก็มีความสุขแล้ว
(ในเว็ปไซต์ Dailymail เขามีทำโพลสำรวจ พบว่าจำนวนแคลอรี่เฉลี่ยต่อการทานอาหารในวันฉลองคริสต์มาสของชาวอังกฤษ อยู่ที่ประมาณคนละ 3,000 แคล (แน่นอนว่าเกินมาตรฐานแคลอรี่ที่ร่างกายควรรับต่อวัน)
ส่วนใหญ่เราก็มักจะเห็นมื้ออาหารอีกมื้อหนึ่งหลังวันฉลองคริสต์มาส
ที่เขาจะเรียกกันเป็นการแซวว่า “After Christmas Dinner” หรือ ก็คือหลังจากวันฉลองคริสต์มาสแล้ว ก็จะเป็นวันกินคลีนกินผักชำระล้างกระเพาะ นั่นเองคร้าบบ 😫🥬🥕🥗
(เห็นเค้าใช้คำว่า Christmas recovery meal ประมาณนี้คร้าบ ชื่อเหมือนกับว่าเราเมาแฮ้งหนักมากมาเลยทีเดียว แต่เป็นเมาปริมาณอาหารนะคร้าบ ฮ่าๆ)
ถ้าหยั่งงั้นพวกเรา InfoStory ขอให้เพื่อนที่น่ารัก ๆ ทุกท่านที่ได้อ่านโพสนี้ ขอให้มีความสุขและใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและเพื่อนฝูงให้สนุกนะคร้าบบ
Merry Christmas 2022 ! นะคร้าบบบ 🎄🥳
(หลาย ๆ ท่านที่ทำงานในบริษัทข้ามชาติก็คงจะได้เสมือนหยุดยาวในช่วงคริสต์มาสกันเนอะ อิอิ 😆)
แหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม
- หนังสือเรื่อง What Caesar Did for My Salad เขียนโดย Albert Jack
- หนังสือเรื่อง Christmas Around the World เขียนโดย Anna Claybourne
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
