8 ม.ค. 2023 เวลา 22:32 • ข่าวรอบโลก

โพคาฮอนทัส เป็นบรรพบุรุษของเอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน ดาราฮอลลีวู้ด

เมื่อเอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน (Edward Norton) นักแสดงและผู้ผลิตภาพยนตร์ชาวอเมริกัน ได้ไปออกรายการ “Finding Your Roots” ของช่อง PBS ซึ่งเป็นซีรีย์โทรทัศน์เชิงสารคดีที่จะมีคนดังเป็นแขกรับเชิญมาออกรายการพร้อมกับมีผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบค้นลำดับวงศ์ตระกูลมาเปิดข้อมูลว่าบรรพบุรุษของแขกรับเชิญเป็นใคร ผู้ดำเนินรายการที่เป็นนักประวัติศาสตร์บอกกับเขาว่าทวดที่นับย้อนไป 12 อันดับของเขาคือ “โพคาฮอนทัส” (Pocahontas)
1
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นอร์ตันได้ยินว่าบรรพบุรุษของเขาคือโพคาฮอนทัส แต่ก่อนเมื่อเติบโตขึ้นเขาได้ยินได้ฟังเรื่องราวตำนานของครอบครัวว่ามีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกับโพคาฮอนทัสผู้เป็นวีรสตรีชาวพื้นเมืองดั้งเดิมของอเมริกา แต่เรื่องราวเหล่านี้ก็คิดกันว่าเป็นแค่เรื่องเล่าลือกันมายาวนานเท่านั้นเอง
แต่เมื่อเขามาออกรายการ “การค้นหารากเหง้าของคุณ” เรื่องเล่าลือในตระกูลที่เขาเคยได้ยินมาได้รับการยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ในรายการ นอร์ตันได้รับรู้ว่าเขาคือผู้สืบทอดสายตรงของโพคาฮอนทัส
• ชีวิตโพคาฮอนทัสบรรพบุรุษของนอร์ตัน
โพคาฮอนทัส (หรือในชื่ออื่น ๆ คือ Matoaka และ Amonute) เกิดเมื่อปี 1596 เป็นลูกสาวหัวหน้าเผ่าพาวอะทาน (Powhatan) ซึ่งตั้งรกรากอยู่ในด้านตะวันออกของดินแดนที่กลายเป็นรัฐเวอร์จิเนีย (Virginia)
ต่อมาในปี 1607 ชาวอังกฤษเข้ามาลงหลักปักฐานในเมืองเจมส์ทาวน์ (Jamestown) ตอนนั้นโพคาฮอนทัสมีอายุได้ราว 11 ปี
แล้วในช่วงเวลานี้เองที่กัปตันจอห์น สมิธ (John Smith) ถูกจับโดยพี่ชายของโพคาฮอนทัส กัปตันสมิธ จะต้องถูกจับฆ่าด้วยการให้นักรบในเผ่าใช้ไม้ที่เป็นอาวุธตีกะโหลกศีรษะของเขาจนถึงแก่ความตาย และโพคาฮอนทัสก็เข้ามาห้ามด้วยการเอาศีรษะของเธอไว้บนศีรษะของกัปตันจอห์น เขาจึงรอดชีวิต แต่เรื่องนี้นักประวัติศาสตร์ไม่ค่อยเชื่อถือ และคิดว่าเป็นเรื่องแต่งขึ้นเองโดยสมิธมากกว่า
เป็นโชคร้ายที่ราวปี 1613 โพคาฮอนทัสถูกชาวอังกฤษจับไปเรียกค่าไถ่ ในช่วงเวลาที่เกิดความขัดแย้งจนเกิดการสู้รบระหว่างผู้ตั้งถิ่นฐานกับคนในเผ่าของเธอ แถมโพคาฮอนทัสยังถูกบังคับให้หันไปนับถือศาสนาคริสต์ด้วย
มีหนังสือเล่มหนึ่งที่ชื่อว่า “The True Story of Pocahontas: The Other Side of History - เรื่องจริงของโพคาฮอนทัส: อีกด้านหนึ่งของประวัติศาสตร์” เล่าว่าแท้จริงแล้วโพคาฮอนทัสได้แต่งงานแล้วกับนักรบชาวอเมริกันพื้นเมืองด้วยกันที่มีนามว่า “Kocoum” และมีลูกด้วยกันคนหนึ่ง หลังจากนั้น โพคาฮอนทัสก็ถูกลักพาตัวมาและแต่งงานกับจอห์น รอล์ฟ
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเล่าที่เป็นที่ถกเถียงกันว่าจริงหรือไม่ ว่าสามีของโพคาฮอนทัสถูกคนอังกฤษฆ่าตาย และเธอถูกข่มขืนในระหว่างที่ถูกขังตัวไว้
หลังจากที่เปลี่ยนไปนับคือศาสนาคริสต์และได้รับอิสรภาพ โพคาฮอนทัสในวัยประมาณ 17-18 ปี ได้แต่งงานกับชายชาวอาณานิคมอังกฤษที่ชื่อจอห์น รอล์ฟ (John Rolfe) เมื่อวันที่ 5 เมษายน 1614 ที่เมืองเจมส์ทาวน์ รัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งร่วมสมัยกับช่วงเวลาที่นักประพันธ์ก้องโลกอย่างเชกสเปียร์ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งข้อมูลนี้ถูกบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรถึงการแต่งงาน
ภาพวาดของ จอห์น รอล์ฟ กับ โพคาฮอนทัส วาดขึ้นช่วงทศวรรษที่ 1850 (Wikipedia)
จอห์น รอล์ฟ เป็นผู้มาตั้งถิ่นฐานชาวอังกฤษรุ่นแรก ๆ ในอาณานิคมที่เวอร์จิเนีย เคยมีภรรยาและลูกมาก่อน แต่ทั้งสองเสียชีวิตในระหว่างการเดินทางมายังเวอร์จิเนียเพราะเรือล่มในบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่าเบอร์มิวดา แถมรอล์ฟยังเป็นบุคคลแรกที่ประสบความสำเร็จในการทดลองปลูกยาสูบในเวอร์จิเนียด้วย
หลังแต่งงาน โพคาฮอนทัสได้เปลี่ยนชื่อเป็น รีเบคกา (Rebecca) และมีบุตรชายคนหนึ่งชื่อว่าโทมัส รอล์ฟ (Thomas Rolfe)
ในปี 1616 สามีได้นำโพคาฮอนทัสลงเรือไปอังกฤษและถูกนำตัวไปนำเสนอให้ชาวอังกฤษได้ตื่นตาตื่นใจกับคนที่มาจาก “โลกใหม่” โดยหวังว่าการปรากฏตัวของคนพื้นเมืองอเมริกันในอังกฤษจะกระตุ้นการลงทุนที่เมืองเจมส์ทาวน์ แถมเล่ากันว่าโพคาฮอนทัสยังได้เข้าเฝ้ากษัตริย์และราชินีแห่งอังกฤษคือคิงเจมส์ที่ 1 และควีนแอนน์แห่งเดนมาร์กด้วย
แต่น่าเศร้าว่าโพคาฮอนทัสอยู่อังกฤษได้ไม่นานก็เสียชีวิตในระหว่างที่กำลังเดินทางกลับเวอร์จิเนีย จึงถูกนำตัวขึ้นฝั่ง และเสียในเดือนมีนาคม ปี 1617 ด้วยวัยเพียง 20-21 ปีเท่านั้น ที่เมืองเกรฟเซนด์ (Gravesend) ในอังกฤษ จากโรคที่ระบุสาเหตุไม่ได้ ซึ่งนักวิชาการสันนิษฐานไปต่างกัน บ้างก็ว่าเพราะวัณโรค ปอดบวม ฝีดาษบ้าง หรืออาจจะเป็นโรคอื่น มีแม้กระทั่งการสันนิษฐานว่าเธอถูกวางยาพิษ
ส่วนสามีของโพคาฮอนทัสเดินทางกลับเวอร์จิเนียตามลำพัง เพราะโทมัสลูกชายป่วยหนักเช่นกันจึงจำเป็นต้องฝากไว้ที่อังกฤษกับญาติ โดยหวังว่าพอหายจะกลับไปเวอร์จิเนีย
แต่โทมัสอยู่อังกฤษจนโตเป็นผู้ใหญ่ และไม่มีโอกาสได้พบพ่ออีกเลย
จอห์น รอล์ฟ กลับไปทำไร่ที่เวอร์จิเนียต่อและแต่งงานใหม่และมีลูกกับภรรยาคนใหม่ เขาเสียชีวิตเมื่อราวเดือนมีนาคม ปี 1622
ภาพของโพคาฮอนทัส ฝีมือของ Simon van de Passe เมื่อปี 1616 (Wikipedia)
โทมัส รอล์ฟ กลับมาเวอร์จิเนียเมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว และลงหลักปักฐานมีครอบครัวที่นั่นสืบมา และลูกหลานที่เกิดมาก็กลายเป็นบรรพบุรุษของใครหลาย ๆ คน เช่น สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของอเมริกาคือ อีดิธ วิลสัน (Edith Wilson) ภริยาคนที่ 2 ของประธานาธิบดีวู้ดโรว์ วิลสัน รวมถึงตัวเอ็ดวาร์ด นอร์ตันด้วย
เรื่องราวที่ปรากฏในรายการนี้เลยกลายเป็นข่าวเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยดังเมื่อไม่กี่วันก่อนแต่ถูกรายงานไปทั่วโลก ที่รื้อฟื้นประวัติศาสตร์ฉากเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งขึ้นมาอีกครั้ง ว่าโพคาฮอนทัสคือบรรพบุรุษของดาราฮอลลีวู้ด
ดูคลิปสั้น ๆ เกี่ยวกับตอนนี้ได้ในนี้
อ้างอิง:

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา