เติมเชื้อไฟในงานเขียน
สวัสดีวันปีใหม่จีนค่ะทุกคน วันนี้แอดมินขอพาเพื่อน ๆ เริ่มต้นปีใหม่จีนด้วยการเติมเชื้อไฟในใจ ที่กำลังมอดไหม้ให้กลับมาลุกโชนได้อีกครั้ง
เมื่อหลายวันก่อนแอดมินโพสสเตตัสตั้งคำถามกับเพื่อน ๆ ที่แอพพลิเคชั่นหนึ่งว่า จะเขียนบทความเกี่ยวกับงานเขียนบทความ หรือนิยาย แต่จะเขียนหัวข้ออะไรดีนะ ?
ซึ่งก็มีเพื่อน ๆ ใจดีมาให้คำแนะนำเยอะพอสมควร หนึ่งในหัวข้อนั้นจึงถูกนำมาเขียนเป็นบทความในวันนี้
เมื่อคนเราหมดไฟในงานเขียน หมดไฟในการทำงาน สิ่งที่เคยรัก เคยชอบ สิ่งที่ทำกันอยู่เป็นประจำ สิ่งที่คิดว่าใช่ หรือแม้แต่ในความสัมพันธ์นั้น
อาการหมดไฟเป็นอะไรที่น่าเห็นใจมากค่ะ
รักนะ ชอบนะ แต่ไม่รู้จะไปต่อยังไง เบื่อแล้ว !!!
ใครเคยเป็นบ้างคะ แล้วเพื่อน ๆ มีวิธีปรับความคิด รวมถึงมีแนวทางในการสานต่อสิ่งเหล่านั้นยังไงกันบ้าง คอมเมนต์ไว้ได้เลยนะคะ
แอดมินเชื่อว่าคำตอบของเพื่อน ๆ จะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังมองหาหนทางที่จะไปต่อแน่นอน
ความหวัง 🎉
คนที่มองหาหนทางที่จะไปต่อ คือคนที่ยังมีศรัทธา มีความหวัง มีความเชื่อที่เป็นบวกให้กับตนเอง และสิ่งที่ทำ เช่นนั้นแล้ว มาแชร์กันค่ะ
แอดมินก็เป็นอีกคนหนึ่งที่หมดไฟกับงานเขียนบ่อย ๆ มีทั้งตั้งใจดับไฟ และอยู่ ๆ ไฟมันก็มอดดับไปเอง รวมถึงการที่เราเผลอให้คนอื่นดับไฟของเราก็มีเช่นกัน
การหมดไฟ หรืออาการเบื่อ เมื่อเรามองหาข้อดีของมันแล้ว ก็มีประโยชน์อยู่เยอะเหมือนกัน
เพราะในระหว่างนั้น เมื่อเราได้หยุด อยู่นิ่ง ๆ กับตัวตนที่แท้จริง กับความคิด ความรู้สึกในใจ ทำให้คนเราได้ทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา มีเวลาพิจารณาถึงความบกพร่องในตน
รู้ว่าอะไรคือข้อเด่น ข้อด้วย เพื่อที่จะรับมาพัฒนาในชีวิตต่อไป
อาการหมดไฟจึงไม่ได้เลวร้ายอะไร เมื่อเรามองเห็นในคุณค่าของทุกช่วงเวลาชีวิต
ชีวิตสอนเราผ่านประสบการณ์
ผู้สังเกตการณ์
หลาย ๆ ครั้ง ที่คนเราพยายามหาความหมาย คำนิยามต่าง ๆ เพื่อนำมาทำความเข้าใจ เช่น
🔥 หมดไฟ "Burn Out" คือภาสะการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจที่เป็นผลมาจากความเครียดเรื้อรังและไม่ได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
🔥 ไม่มีแพชชั่น "Passion" คือความกระตือรือร้น มีใจรักในอะไรสักอย่าง เป็นแรงผลักดันที่ทำให้เราอยากทำในสิ่งที่ต้องการ กระตุ้นให้ชอบมากขึ้น
แอดมินขออนุญาตแสดงความคิดเห็นว่า เราหาข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจได้ แต่อย่าหลง ยึด ติด กับคำเรียกเหล่านั้น
เพราะคำพูดที่เป็นลบคือคำสาป ส่วนคำพูดดี ๆ คือการให้พร
ไม่นำคำเหล่านั้นมาแปะหน้าตัวเองนะ💓
กลับไป ณ จุดเริ่มต้นของสิ่งที่เราคิดว่าเราหมดไฟไปจากมันแล้วกันดีกว่าค่ะ
ถ้ายังอยากสานต่อ ถ้ายังเห็นในคุณค่า ถ้ายังอยากรู้จักกันให้มากกว่านี้ ถ้ายังมองเห็นเป้าหมาย ยังอยากไปให้ถึงคำว่า ความสำเร็จ ก็ต้องปรับใจ
เมื่ออาการหมดไฟมาถึง ให้ลืมเรื่องของกำลังใจไปก่อน แล้วมาทำความรู้จักกับ
"จินตนาการ"
นั่นคือการ "เปลี่ยนความคิด"
เราอาจจะคิดไปเองก็ได้ค่ะ ว่าเราหมดไฟ หรือสมองของคนเราอาจจะคิดเข้าข้างตัวเอง เพื่อเป็นการปกป้องตัวเอง
และยังมีความกลัวที่อยู่ลึก ๆ ในใจ บางสิ่งที่ยังรบกวนจิตใจ ที่เราเผลอปรุงแต่งจินตนาการขึ้นมา โดยไม่รู้ตัว !!!!
ถ้าสมองสามารถจินตนาการให้ตัวเองกลัวได้ สมองก็สามารถจินตนาการให้ตัวเองกล้าได้เช่นกัน
ถึงตอนนี้พระเอกของเราต้องออกโรงแล้วค่ะ คุณ "วินัย" จึงต้องแสดงตัว รับบทในการพาคนที่กำลังหมดไฟออกเดินทาง 🎉🙏
วินัย คือสิ่งที่จะทำให้เราขยับไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ
🔥 จุดไฟให้ตัวเองอีกครั้งด้วยการ
✍️ ตั้งเป้าหมาย (เป้าหมายเล็ก ๆ มันไม่เร้าใจ ตั้งเป้าหมายใหญ่ ๆ กันไปเลย)
✍️ เขียนรายละเอียดสิ่งที่ต้องทำ
✍️ วางแผนเป็นขั้นตอน 1,2,3
✍️ ลงมือทำตามแผน
ปรับเปลี่ยนไปตามหน้างาน
✍️ โฟกัสที่เป้าหมาย
เมื่อเราทำสำเร็จ ไฟในใจจะลุกโชติช่วงขึ้นอีกครั้ง 🎉🎉
"เสียสละเวลาฝึกอีกนิด อดทนทำ ๆ ๆ อีกหน่อย
เธออย่าเพิ่งถอยง่าย ๆ สิ "
ความสำเร็จ คือเชื้อไฟที่ดีที่สุด
ผู้สังเกตการณ์
ความสำเร็จ คือเชื้อไฟที่ดีที่สุด และสิ่งนี้เราสามารถส่งต่อให้คนอื่น ๆ ได้ด้วย
ถึงในวันนี้จะยังไม่สำเร็จ ก็ไม่เป็นไร ขอให้จดจำความรู้สึกของความสำเร็จไว้ให้แนบใจ
ขอให้ทุกคนมีความสุขค่ะ
ปล. วิธีที่ดี ที่ถูกต้องและเหมาะสมของแต่ละบุคคลอาจแตกต่างกันไป
ถ้าหากบทความนี้ไม่ตรงใจ แอดมินต้องขออภัย 🙏
ใครที่มีปัญหาเรื่องการหมดไฟ และต้องการความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญหรือต้องการข้อมูลทางการแพทย์เพิ่มเติมแบบละเอียด ติดต่อไปตามหน่วยงานที่รับให้คำปรึกษา และโรงพยาบาลนะคะ 💖
อ้างอิงแหล่งข้อมูล :
- 19
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
