19 ก.พ. 2023 เวลา 03:12 • หนังสือ

✴️ บทที่ 4️⃣ ศาสตร์สูงสุดแห่งการรู้พระเจ้า ✴️ (ตอนที่ 25)

🍀 การพ้นกรรม : ธรรมชาติของการกระทำที่ถูกต้อง การกระทำที่ผิด และ การไม่กระทำ 🍀
⚜️ โศลกที่ 2️⃣2️⃣ ⚜️ หน้า 509 – 511
โศลกที่ 2️⃣2️⃣
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
บุคคลผู้กระทำการอย่างพ้นแล้วจากกรรม ย่อมยินดีกับทุกสิ่งที่บังเกิดแก่ตน พ้นแล้วจากสิ่งคู่ หมดความริษยาอาฆาต เห็นเสมอกันทั้งการได้และเสีย
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
ผู้มีปัญญาญาณ (บัณฑิต) เห็นบรมวิญญาณในทุกที่ หมดความอยากที่จะสนองอหังการ หรือสนองความอยากอย่างเห็นแก่ตัว เขายินดีรับทุกสิ่งที่เข้ามาตามธรรมชาติ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่จำเป็นแก่กาย จิต และวิญญาณ เขาอยู่เหนือสิ่งคู่ทั้งหลาย ซึ่งถ้าไม่ดีก็ร้าย และล้วนเป็นเหตุแห่งการผูกกรรมทั้งสิ้น
เมื่อเข้าถึงความเป็นหนึ่งเดียว จิตเขาไม่คิดถึง “ฉัน ของฉัน” ไม่คิดเป็นศัตรูกับผู้ใด เห็นบรมวิญญาณในทุกชีวิต เมื่อเข้าถึงความสัมบูรณ์อันเลิศนี้แล้ว เขาไม่สนใจความสำเร็จหรือความล้มเหลวทางโลก ในการทำหน้าที่เพื่อพระเจ้า เขากระทำอย่างเต็มที่ด้วยความไม่ยึดมั่น
โยคี “ยินดีในความสุขสันโดษ” มีศรัทธาต่ออำนาจของพระเจ้าที่จะนำทุกสิ่งไปสู่ความดีอันประเสริฐในขั้นสุดท้าย เมื่อพ้นแล้วจากความอยากอย่างเห็นแก่ตัว มีความสุขและอิ่มเอิบอยู่ภายใน โยคีจึงสลัดวัตถุอัน “จำเป็น” ที่ไม่จำเป็นไปได้อย่างอัตโนมัติ และขวนขวายให้กายกระทําหน้าที่ที่พระเจ้ามอบหมาย เพื่อครอบครัว สังคม และโลก
การจะเข้าถึงอิสรภาพทางจิตวิญญาณนั้น ผู้แสวงหาทางจิตวิญญาณต้องเรียนรู้ที่จะทําให้จิตเป็นอิสระจากความร้อนความหนาว และ ความทุกข์ความสุข ที่อาศรมในอินเดียนั้น คุรุที่แท้สอนนักเรียนไม่ให้หวั่นไหวไปกับสิ่งภายนอก เพื่อให้จิตของเขากลายเป็นแท่นบูชาแห่งบรมวิญญาณผู้ไร้การเปลี่ยนแปลง การที่ต้องไปคอยเอาใจดูแลอินทรีย์ฝ่ายตรงข้ามนั้น ทำให้ปุถุชนชาวโลกต้องวุ่นวายใจอย่างไม่จำเป็น เป็นไปตามอุบายอันชาญฉลาดของธรรมชาติที่จะทำบ่วงดักจิต
อย่างไรก็ตาม คำแนะนำในโศลกนี้ไม่ได้หมายความว่า ผู้ภักดีต้องตั้งใจออกไปอยู่กับความหนาวเหน็บจนเป็นปอดบวม หรือออกไปตากแดดกลางเที่ยงจนตัวเกรียม เขาควรปฏิบัติ ติติกษะ (ขันติธรรม) ในการขจัดความไม่สบายภายนอกด้วยมาตรการที่มีเหตุผล ในการปฏิบัติ ติติกษะ นั้นต้องใช้เจตจํานงและจินตนาการ (ตัวช่วยจิตที่มีพลังมาก) บ่มเพาะให้จิตมีความนิ่ง ซึ่งกระทำได้ด้วยโยคะสมาธิ ซึ่งโยคีเรียนรู้ที่จะตัดอหังการจากอินทรีย์ที่ผ่านเข้ามาในจิต (อ่านบทที่ 2:14)
ผู้ภักดีที่ไม่อาจสงบอยู่ได้ภายใต้ความไม่สะดวกนานาคือผู้ที่ยังเป็นทาสของปรากฏการณ์แห่งโลก และความเป็นสิ่งคู่ตัวหายนะ ชาวโลกทั่วไปยังห่วงพะวงอยู่กับความร้อนความหนาวและความสุดโต่งต่าง ๆ ซึ่งล้วนยิ่งทำให้วิญญาณตกอยู่ในพันธนาการของกายมากขึ้น
ผู้ภักดีที่มีความศรัทธา ต้องไม่ปล่อยให้จิตแปดเปื้อนไปกับสิ่งคู่ ซึ่งเป็นสิ่งปกติของกาย การปฏิบัตินี้ทำได้ยากเพราะวิญญาณมักจะเห็นใจกาย เพื่อนผู้จุกจิกจู้จี้ที่จะทำให้วิญญาณได้นิสัยดีหรือเลวไปด้วย การจะทำให้วิญญาณเป็นอิสระจากกายที่เปลี่ยนแปร ผู้ภักดีต้องไม่ร่วมมือกับจิตคู่ของกายและจิตอันเป็นตัวก่อทุกข์ ชาวโลกมักยินดีปรีดาเมื่อความสุขกรายเข้ามา และเศร้าโศกเสียใจเมื่อความเจ็บปวดเข้าครอบงำ แต่ผู้ภักดีที่สำเร็จแล้วย่อมสงบภายในอยู่เสมอ ไม่หวั่นไหวไปกับการเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย ซึ่งเป็นภาวะ “ปกติ” ของชีวิต
โยคีนั้นแตกต่างจากชาวโลกทั่วไป แม้ยามทุกข์เจ็บปวด ท่านก็ยังเพ่งที่ความเกษมแห่งวิญญาณ ท่านฉลาดพอที่จะดำรงอุเบกขาอยู่กับความเบิกบาน ไม่ว่าสภาพแวดล้อมทางกายและจิตจะน่ายินดีหรือไม่ ท่านสามารถเห็นอกเห็นใจผู้ทุกข์ยากโดยไม่แบกความทุกข์ของเขาไว้ ด้วยเหตุที่ท่านมีความเกษมอยู่ภายใน ท่านจึงช่วยบรรเทาความทุกข์โศกของผู้อื่นได้ ความสงบของท่านเป็นแบบอย่างแก่ชาวโลก ที่จะไม่ไปวุ่นวายกับปฏิกิริยาทางอารมณ์
โยคีผู้ไม่มีความริษยา ไม่เป็นศัตรูกับผู้ใด รับทั้งมิตรและศัตรูเหมือนกัน ท่านไม่ตกอยู่ในหลุมพรางอันชั่วร้ายของความโกรธและความริษยา ชาวโลกผู้ปล่อยตนไปกับอารมณ์อันน่ากลัวนี้ ไม่เพียงแต่จะหมดความสุขเท่านั้น บางครั้งร่างกายก็สูญเสียไปด้วย เพราะการกระทำอาชญากรรม แล้วต้องรับโทษทัณฑ์ถึงแก่ชีวิตหรือถึงกับฆ่าตัวตาย อนิจจา❗
ในการกระทําหน้าที่ ไม่ว่าโยคได้หรือเสีย ท่านย่อมสงบอยู่ได้ ความสำเร็จกับความล้มเหลวเป็นปฏิกิริยาที่เกิดได้ตลอดเวลา ตามสิ่งคู่ในโครงสร้างของ กาย จิต และโลก ผู้ภักดีที่เตือนวิญญาณในตนอยู่เสมอนั้น จะไม่หลงเอาตัวไปพัวพันกับภาพหลอนทั้งทางกายและจิตที่เปลี่ยนแปรอยู่ตลอดเวลา
(((มีต่อ)))

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา