วิธีคิดพลิกชีวิตจากร้ายกลายเป็นดี

ความลำบากสร้างภูมิต้านทาน
2
ความลำบากสร้างคนให้มีความสามารถอดทนต่อปัญหา และแรงกดดันต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตได้สูงกว่าคนทั่วไป ทำให้คนเหล่านี้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อความอยู่รอด และความก้าวหน้าในชีวิตได้มากกว่าคนอื่น ๆ
ความลำบากคือแรงผลักดัน
ความลำบากสร้างให้เรารู้สึกว่าอยากมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะทำให้เราก้าวไปสู่เป้าหมายและความสำเร็จ
สมมติว่าเราไม่ลำบาก เราก็จะใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ ไม่มีแรงผลักดัน ไม่ต้องพยายามมากมาย แต่สำหรับคนที่ลำบากนั้น เขาจะมีแรงกระตุ้นส่งให้พยายามพัฒนาตนเองมากขึ้น และทำงานอย่างหนัก ทำให้เขามีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้สูงกว่าคนทั่วไป “DO OR DIE” ไม่ทำก็ตาย ไม่ทำก็ไม่มีกิน
ความลำบากทำให้คนถ่อมตัว
ความลำบากความยากจนทำให้คนเรารู้สึกว่าตนเองตัวเล็กลง ซึ่งความจริงแล้วเป็นข้อดี ทำให้เราไม่ถือตัว เข้ากับผู้อื่นได้ง่าย มีความเคารพนอบน้อม ผู้ใหญ่เห็นก็เอ็นดู ในทางตรงกันข้ามบางคนพอมีฐานะดี จะเดินไปไหนก็ทำหยิ่งทนงตน เชิดหน้าใส่คนอื่น ใครเห็นก็ไม่ถูกชะตา
เพราะฉะนั้น การไม่ยึดติดกับตัวตน หรือการทำตัวให้เล็กเข้าไว้ ก็เป็นข้อดีของคนที่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เพราะเขาจะมีความอ่อนน้อมถ่อมตนไปโดยปริยาย ซึ่งความอ่อนน้อมถ่อมตนไม่ใช่การดูถูกตนเอง แต่ถ่อมตนในขณะที่คิดว่าตนเองก็มีศักยภาพ สามารถที่จะก้าวพ้นความยากลำบากนี้ไปได้ในที่สุด
1
ความลำบากสร้างโอกาสให้ได้ลงมือทำ
ความลำบากทำให้เรามีโอกาสลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเอง ทั้งงานในบ้านและงานนอกบ้าน การทำอะไรด้วยตนเองถือว่าเป็นการเรียนรู้ที่ดี นอกจากนั้น ยังเป็นการสร้างระเบียบวินัยให้กับตนเองด้วย
ซึ่งวินัยนั้นสำคัญมากสำหรับคนที่จะก้าวไปสู่การเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ คนที่ทำทุกอย่างได้ด้วยตนเองจะมีโอกาสได้ฝึกฝนทักษะตนเองอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นคนเก่งรอบด้าน ทำอะไรก็ได้ดีไปหมด
2
ความลำบากสร้างเหตุผล
คนที่เกิดมาลำบาก เกิดมาในครอบครัวยากจน หรือมีเงินน้อย เวลาที่เขาจะซื้ออะไร เขามักจะใช้เหตุผลนำ มากกว่าซื้อตามใจอยาก ซึ่งการใช้เหตุผลในการซื้อข้าวของจะเกิดการคิดไตร่ตรองว่าดีแล้ว จำเป็นแล้ว ก่อให้เกิดประโยชน์แล้วหรือไม่ เป็นการพัฒนาทักษะในการใช้เหตุผลประกอบการตัดสินใจ ไม่ทำอะไรตามอำเภอใจ
อย่างนี้ก็จะสามารถพัฒนาทักษะในการบริหารเงินในอนาคตได้ด้วย ยิ่งคนทำธุรกิจใหญ่ ถ้าบริหารเงินไม่เป็น เงินรั่วไหล ก็ไม่มีโอกาสสร้างกำไรให้เกิดขึ้นได้เลย
ความลำบากสร้างนิสัยมัธยัสถ์
ความลำบากทำให้เรารู้จักใช้สิ่งของต่าง ๆ อย่างประหยัดและคุ้มค่า เมื่อสิ่งของเสียก็จะพยายามซ่อมแซมเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ให้ได้ก่อน แทนที่จะไปซื้อใหม่ในทันที
คนในปัจจุบันส่วนใหญ่อาศัยง่ายเข้าว่า พอของใช้เสียหายก็หาซื้อใหม่ทันที แต่สำหรับคนที่มีเงินน้อย หรือมีความลำบาก เขาจะพยายามใช้ของทุกอย่างให้คุ้มค่าที่สุด บางคนเลือกซื้อของที่พัง แล้วนำกลับมาซ่อมแซมเองเพื่อความประหยัด ซึ่งถือเป็นการพัฒนาทักษะตนเองเหมือนกัน
การที่เรามีทักษะในการใช้ทรัพยากรที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในอนาคตถ้าเราได้เป็นเจ้าของกิจการ ก็จะทำให้เราบริหารเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งเรียนรู้ที่จะพยายาม ต่อสู้กับความยากลำบากได้ และใช้เงินเป็น เหล่านี้จะหล่อหลอมทำให้เราเจริญเติบโตได้ดี
ความลำบากสอนให้รู้จักกับความผิดหวัง
เมื่อคนเราได้เรียนรู้ถึงความผิดหวังย่อมเกิดผลดี เพราะความผิดหวังจะทำให้เราเข้มแข็งขึ้น และเรียนรู้ที่จะอยู่ในโลกของความจริงได้ ความผิดหวังจะเป็นข้อเตือนใจ สอนให้เราก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ในที่สุด
ในทางตรงกันข้าม คนที่เติบโตมาอย่างสมหวังโดยตลอด พอต้องเผชิญกับความผิดหวัง ก็อาจจะได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างหนัก ทำให้รับมือกับความผิดหวังไม่ทัน เหมือนกับโลกแตกสลายไปกับตา ไม่สามารถนำพาตนเองไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ได้อีก บางคนถึงขนาดคิดฆ่าตัวตายเลยก็มี เพราะฉะนั้นประสบการณ์ความผิดหวังเป็นสิ่งที่ดีในชีวิต เพราะจะทำให้เราเข้มแข็งและมีพลังมากขึ้น
การที่เราได้รับการยอมรับบ้าง ถูกปฏิเสธบ้าง สมหวังและผิดหวังคละเคล้ากันไป เราจะได้เรียนรู้ว่าในชีวิตจริงไม่ได้มีแค่ด้านดีเพียงด้านเดียว และไม่ได้มีแต่ด้านร้าย ๆ เสมอไป การที่ครั้งนี้เราผิดหวัง ก็ไม่ได้หมายความว่าวันข้างหน้าเราจะไม่มีโอกาสสมหวังเลย พอเราเกิดความเข้าใจแล้ว เราก็จะลุกขึ้นได้ใหม่ และพยายามที่จะลงมือทำสิ่งใหม่ ๆ ต่อไปได้เสมอ
ความลำบากทำให้คนไม่หยุดดิ้นรน
คนที่เกิดมาลำบากยากจน เขามักจะดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากสภาวะที่เป็นอยู่ เพราะฉะนั้น เขาจะมีความพยายามที่สูงกว่าคนอื่นเสมอ
คนทั่วไปบางครั้งพอทำอะไรไม่สำเร็จก็อาจจะรู้สึกว่าพอแล้ว ไม่ดิ้นรนก็สุขสบายดี ไม่เดือนร้อนอะไร ไม่จำเป็นต้องพยายามมากมาย แต่สำหรับคนที่เคยลำบากมาก่อน เขาจะพยายามดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากสภาวะที่เป็นอยู่
บางคนหลุดพ้นจากความยากลำบากแล้วก็ยังไม่ประมาท มุ่งหน้าทำงานต่อไปอย่างขยันขันแข็ง เพราะไม่อยากกลับไปลำบากอีก
ความจริงแล้วคนส่วนใหญ่ที่ลำบากยากจนมาตั้งแต่เด็กจนโต เขามักจะไม่ได้มองว่าความลำบากนั้นเป็นเรื่องเลวร้าย แต่เขามักจะนำความลำบากนั้นมาบ่มเพาะตนเองให้แข็งแกร่ง
การจะพลิกผันชีวิตตนเองให้กลายเป็นคนร่ำรวยได้ก็ด้วยความมุมานะ หมั่นฝึกฝนทักษะ ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด ทุกคนล้วนแต่ต้องได้รับการฝึกฝนจึงจะประสบความสำเร็จ คนในยุคสมัยนี้ก็เช่นกัน ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด ถึงบางคนจะมีต้นทุนชีวิตที่ดี แต่ความเก่งก็ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝนอยู่นั่นเอง
เจริญพร
โฆษณา