8 มี.ค. 2023 เวลา 03:59 • ประวัติศาสตร์

การเกิดใหม่ของปากีสถาน หลังแยกอินเดียเป็นสองประเทศ

เวลาพูดถึงประวัติศาสตร์อินเดียหลังได้เอกราชจากอังกฤษ
เรามักได้ยินเรื่องราวความเห็นต่างๆระหว่าง คนสองกลุ่ม
คือ ชาวอินเดียที่เป็นชาวฮินดู และที่เป็นชาวมุสลิม
นอกจากนี้ยังมีประเด็น การตัดแบ่งปากีสถานออกจากอินเดีย
ทำไม ถึงเป็นเช่นนั้น?
ย้อนไปหลังอังกฤษปกครองอินเดียมา 200 กว่าปี
โดยการเข้าไปปกครอง แบ่งเป็น 2 ช่วง
ช่วงแรกเป็นการปกครองในนามของบริษัท British East India
อีกช่วงเป็นการปกครองภายใต้ British Raj หรือ เป็นเมืองขึ้นโดยตรงของราชสำนักที่ลอนดอน
หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงอังกฤษ จะเป็นผู้ชนะ แต่ประเทศบอบช้ำมากๆ แทบจะล้มละลาย ทำให้ไม่สามารถรักษาอาณานิคมได้
การเคลื่อนไหวของกลุ่มเรียกร้องเอกราชของอินเดีย ที่เป็นการรวมตัวของ
-มหาตมะ คานธี คนที่คนอินเดียทั้งประเทศเรียกว่า “พ่อ”
-Jawaharlal Nehru ซึ่งต่อมากลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดีย
-Muhammed Ali Jinnah ผู้นำสันนิบาตมุสลิม
บวกกับการรวมตัวของชาวอินเดียวทุกหมู่เหล่า สั่นสะเทือนจากอาณานิคมที่กำลังอ่อนแอ
ในเวลานั้น จักรวรรดิบริติชรู้ดีว่า ถึง British Raj หรือ อินเดียจะเป็นเพชรยอดมงกุฎที่มีความสำคัญ แต่ถ้าถึงคราวจำเป็นต้องปล่อยมือ ก็ต้องยอม เพราะไม่มีกำลังทหาร หรือเงินจะรั้งเอาไว้
ก่อนจะมอบเอกราช ในปี 1948
ในปี 1947 มีการเปลี่ยนตัวอุปราชแห่งบริติช เป็น Lord Louis Mountbatten มาเป็นอุปราชคนสุดท้ายของบริติชราช มาทำหน้าที่ส่งมอบอินเดียให้เจ้าของประเทศ
และค่อยๆ ถอนกำลังออกจากดินแดนอาณานิคมที่มีความสำคัญ
ความน่าสนใจ ของLord Louis Mountbatten คือ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พระองค์ทรงเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตรแห่งกองบัญชาการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ยังเป็นข้าหลวงใหญ่ใน British Burma และเป็นพระญาติของพระเจ้าจอร์จที่ 6 ประมุขแห่งสหราชอาณาจักร
 
คำถามคือ ทำไมไม่มอบอำนาจคืนทันที ต้องรออีกร่วมปี
ถ้าไปดูในด้านบริบทสังคม อินเดีย ณ เวลานั้น มีพื้นที่ใหญ่มากมีขนาด 3.2 ล้านตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าไทยประมาณ 6 เท่า
อังกฤษไม่ได้ส่งกองกำลังไปปกครอง British Raj ในทุกพื้นที่
บางพื้นที่เป็นรัฐบริวาร ก็ให้คนในพื้นที่ปกครองกันเอง
โดยเรียกชื่อต่างกัน ระหว่าง นาวาฟ คือ เจ้าครองนครในพื้นที่ที่เป็นอิสลาม
ส่วนมหาราชา เป็นเจ้าครองนครในพื้นที่ที่เป็นฮินดู
อินเดียในเวลานั้น มีประชากรประมาณ 350 ล้านคน
250 ล้านคนเป็นชาวฮินดู อีก 92 ล้านคนเป็นชาวมุสลิม โดยจะกระจุกตัวในสองพื้นที่หลัก คือ ตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ และ พื้นที่เล็กๆ ในตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ
อีก 6 ล้านคนเป็นชาวซิกข์ อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นรอยต่อระหว่างคนนับถือศาสนาอิสลามและฮินดู ชาวซิกข์จะกระจุกตัวอยู่ที่ปัญจาบ มีศูนย์กลาง คือ ลาฮอร์ (Lahore)
ด้วยความแตกต่างทางศาสนา ทำให้สภาพอินเดียตอนนั้น ไม่มีเอกภาพ
ไม่ใช่ทุกคนที่เชิดชูคานธี และ อยากเห็น Jawaharlal Nehru เป็นนายกรัฐมนตรี
บวกกับแกนนำทางการเมืองของอินเดียที่ตอนแรกก็กลมเกลียว แต่พอจะได้เอกราช เริ่มไม่มีเอกภาพ
หลักๆ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ตามหลักความเชื่อทางศาสนาของแกนนำทั้งสองฝ่าย
ทำให้หาจุดร่วมกันไม่ได้
เพราะในขณะที่​มหาตมะคานธี เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งประเทศ แม้จะเป็นชาวฮินดู
ส่วน Jawaharlal Nehru ยืนยันว่าชาวอินเดียต้องเป็นหนึ่งเดียว มีรัฐบาลกลางที่มีความเข้มแข็ง
แต่ Muhammed Ali Jinnah เห็นต่างๆ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ชาวมุสลิมก็จะเป็นชนกลุ่มน้อยไปตลอด จึงเสนอว่าเป็นประเทศเดียวกันก็ได้ แต่ขอให้รัฐบาลกลางลดทอนอำนาจตนเอง และให้อิสระกับพื้นที่ของชาวมุสลิม ซึ่งอาจจะมีพื้นที่ หรือ รูปแบบการปกครองที่แตกต่างกันไป จากรัฐบาลกลางหรือพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นชาวฮินดู
ด้วยความเห็นต่าง นำไปสู่ความรุนแรง ในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางศาสนาอย่าง ลาฮอร์ รัฐปัญจาบ ผู้คนเกิดความไม่ไว้ใจกัน จนนำไปสู่ความรุนแรง ถึงขนาดอังกฤษ ต้องส่งกำลังที่พอมีในดินแดนอาณานิคมเข้าไปดูแลความสงบ
แต่ด้วยจำนวนทหารที่เหลือแค่หลักหมื่นและกระจายกำลังดูแลทั้งประเทศ เลยดูแลสถานการณ์ได้ไม่ทั่วถึง พื้นที่กัลกัตตา ที่มีชาวฮินดูอยู่ติดกับมุสลิมก็มีการปะทะกัน
มหาตมะ คานธี แม้จะพยายามรวมใจคนอินเดียเข้าด้วยกัน เหมือนกันตอนที่พยายามเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษ
แต่ครั้งนี้ แทนที่จะได้รับการต้อนรับจากคนทุกศาสนา กลายเป็นว่า ไม่ได้รับการต้อนรับอย่างเดิม
บางพื้นที่ถึงกับมีการโรยกรวด เพราะรู้ว่าคานธี ไม่สวมรองเท้า เพื่อขัดขวางการสร้างสมานฉันท์ในประเทศ
ขณะที่ Lord Louis Mountbatten มองว่าคงไม่สามารถมอบเอกราชให้อินเดีย ในฐานะรัฐเดี่ยวที่มีเอกภาพ
9 มิ.ย. 1947 เลยมีการเสนอแผนแยกดินแดน แผ่นดินอินเดียเป็นสองประเทศ
โดยฝ่ายมุสลิมจะมีประเทศเป็นของตัวเอง ตรงตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งปัจจุบันคือปากีสถานตะวันตก
ตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ใกล้อ่าวเบงกอล ซึ่งมีชาวมุสลิมจำนวนมาก
พอแบ่งประเทศ ก็เป็นปากีสถานตะวันออก
ถ้าดูแผนที่จะแปลก เพราะประเทศเดียวกันแต่อยู่ไกลจากกันเกือบ 1,000 กิโลเมตร
แนวคิดนี้ ดูเหมือนจะคลี่คลายสถานการณ์ เพราะ ทุกฝ่ายเห็นด้วย เพราะคิดว่ามีเวลาจะกำหนดรายละเอียดต่างๆ
แต่ Lord Louis Mountbatten บอกว่า จำเป็นต้องมอบเอกราชให้เร็วขึ้นน 10 เดือน คือ ประมาณเดือยสิงหาคม ค.ศ. 1947 เพราะไม่อยากรับผิดชอบสวัสดิภาพในพื้นที่อาณานิคมเดิมอีกแล้ว
หมายความว่า หลังตกลงจะสละดินแดนบางส่วน จะมีเวลาอีก 2 เดือนเท่านั้นในการแยกประเทศออกจากกัน เลยนำมาซึ่งความโกลาหลที่ไม่จบอยู่ดี
ที่มา : 8 Minute History EP.136
โฆษณา