14 มี.ค. 2023 เวลา 02:00 • หนังสือ

An Immense World: How Animal Senses Reveal the Hidden Realms Around Us

โลกใบใหญ่ในแบบที่เราไม่เคยรู้: การรับรู้โลกลึกลับผ่านประสาทสัมผัสของสัตว์โลก
ก่อนอื่นต้องบอกว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือสารคดีสัตว์โลกชั้นเยี่ยม ในมุมของวิทยาศาสตร์การรับรู้ของสิ่งมีชีวิต ผู้เขียนค้นคว้าวิจัย สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ และนำมาเรียบเรียงให้เราอ่านได้อย่างเพลิดเพลิน แม้ว่าส่วนตัวจะไม่ได้อินกับเรื่องสัตว์โลกมากนัก แต่หนังสือเล่มนี้ เปิดโลกเรามาก ๆ ขยายขอบเขตการรับรู้ของเราไปไกล มีเรื่องที่เรายังไม่รู้อีกมากมายนับไม่ถ้วนจริง ๆ
ยอมรับว่าอ่านยาก เพราะชื่อสิ่งมีชีวิต ชื่อทางวิทยาศาสตร์ค่อนข้างเยอะ ไม่รู้ว่าตัวอะไรเป็นอะไร ต้อง Google ดูเป็นระยะ แต่ท่วงทำนองการดำเนินเรื่องและภาษา ทำให้เข้าใจและติดตามได้ไม่ยากนัก
เนื้อหาคร่าว ๆ และคอนเซ็ปท์ของหนังสือมีดังนี้
1. สัตว์แต่ละชนิดรวมทั้งมนุษย์มี Umwelt ของตัวเอง Umwelt หมายความว่า การรับรู้สิ่งแวดล้อมรอบตัวของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันไป แม้ว่าจะเป็นสิ่งเดียวก็ตาม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ อวัยวะการรับรู้และอวัยวะที่ใช้ประมวลผลการรับรู้นั้น ๆ
2. แม้ว่าสิ่งมีชีวิตบางประเภทมีอวัยวะหรือโครงสร้างการรับรู้เหมือนกัน แต่การรับรู้ต่อสิ่งแวดล้อมอาจต่างกัน บางครั้งอวัยวะตัวรับการรับรู้สิ่งแวดล้อมอาจดูมีวิวัฒนาการขั้นสูง แต่ไม่ได้แปลว่าขั้นสุดท้ายการรับรู้จะเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตที่มีอวัยวะตัวรับรู้ที่ต่ำกว่าก็ได้
3. จะว่าไปสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ ที่มีอวัยวะตัวรับรู้และอวัยวะที่ใช้ประมวลผลที่เรียกว่าสมองเหมือนกัน การรับรู้สุดท้ายยังต่างกันไปออกไปได้แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับสิ่งเดียวกัน
4. ถ้ามนุษย์ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง มองสิ่งมีชีวิตอื่นในมุมมองของตน เรามักทึกทักว่าเราเหนือกว่าสัตว์อื่น แท้ที่จริงแล้วเมื่อได้รับการศึกษาลึกลงไป และมองในมุมที่เอามนุษย์ออกจากศูนย์กลาง เราจะพบความมหัศจรรย์ของการรับรู้ของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ อีก ไม่ทะนงตนว่าเรายิ่งใหญ่เสมอไป (ผู้เขียนพาเราไปเรียนรู้ความมหัศจรรย์ของการรับรู้ของสัตว์ที่หลากหลายและน่าติดตามมาก ๆ)
5. การรับรู้สิ่งแวดล้อมภายในและภายนอก แท้จริงแล้วมีมากกว่า 5 สิ่งพื้นฐานที่อายตนะ ทั้ง 5 รับรู้ได้ ได้แก่ แสง เสียง กลิ่น รส และ สัมผัส แต่ยังมีการรับรู้อื่น ๆ เช่น การรับรู้ถึงกระแสลม กระแสน้ำ กระแสไฟฟ้า กระแสแม่เหล็กไฟฟ้า การเคลื่อนไหวของข้อต่อ แรงสั่นสะเทือน การสะท้อนเสียง เป็นต้น ซึ่งสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด อาจมีบางอย่าง ไม่มีบางอย่าง วิวัฒนาการในอดีตเป็นตัวบอกว่า สัตว์ตัวใดจะมีการรับรู้เช่นไร
6. การรับรู้สิ่งแวดล้อมของสิ่งมีชีวิตนั้น โดยมากใช้ประสาทสัมผัสที่หลากหลาย (multi modality) ก่อให้เกิด Umwelt ของสัตว์แต่ละสปีชี่ส์ ซึ่งปัจจุบันเราไม่อาจทราบว่า สัตว์เหล่านั้น รับรู้ ในขั้นตอนสุดท้ายเป็นอย่างไร
7. มีการรับรู้หลาย ๆ อย่างที่ตัวรับของมนุษย์เราไม่อาจสัมผัสหรือรับรู้ได้ เช่น แสงอัลตราไวโอเล็ตหรืออินฟราเรด เสียงที่นอกเหนือไปจาก 20-20000 เฮิรตซ์ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้เราเองไม่สามารถรับรู้ได้เหมือนสัตว์อื่น ๆ เราอาจไม่เห็น หรือ ไม่ได้ยิน เหมือนสัตว์บางประเภทที่มีตัวรับเฉพาะ ซึ่งเราจินตนาการไม่ได้เลยว่ามันเป็นอย่างไร สิ่งเราไม่เห็น ไม่ได้ยิน หรือไม่รีบรู้ อาจมีอยู่จริงก็ได้ (?ผีมีจริงหรือไม่ ใครตอบได้ไหม 555)
8. มนุษย์ปัจจุบัน คือ เจ้าผู้ครองโลก นับวันจะทำลายโลก ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม มลพิษทางน้ำ อากาศ ขยะ นอกจากจะทำให้เกิดมลภาวะดังกล่าวแล้วแล้ว ในมุมของการรับรู้สิ่งแวดล้อมของสัตว์ มนุษย์ยังสร้างมลภาวะทางการรับรู้อีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะทางแสง มบภาวะทางเสียง แสงและเสียงโดยสิ่งที่มนุษย์ประดิษฐ์รบกวนสมดุลธรรมชาติของสัตว์ ทำให้การรับรู้ผิดเพี้ยนแปรเปลี่ยนไป ตัวอย่างเช่น แสงไฟตามท้องถนนใกล้ทะเล ทำให้ลูกเต่าที่เกิดใหม่หลงทิศ ไม่กลับลงทะเล แต่เดินต้วมเตี้ยมสู่ท้องถนน และตายเป็นจำนวนมาก คลื่นเสียงจากรถรา ทำให้สิ่งมีชีวิตโดยรอบเสียสมดุล นกอาจหาเหยื่อไม่ได้เพราะถูกเสียงรบกวน ไม่ได้ยินเสียงเหยื่อ หรือ สัตว์บางตัวไม่ออกลูกเพราะเสียงก่อให้เกิดความเครียด เป็นต้น
เมื่ออ่านเล่มนี้จบ รู้สึกเปิดโลกทัศน์ เห็นความมหัศจรรย์ของเพื่อนสัตว์โลก เข้าใจพื้นฐานและเหตุผลของการคุ้มครองดูแลสัตว์โลกและปกปักรักษาธรรมชาติดีมากยิ่งขึ้น
ถ้าเราไม่ลงมือดูแล ปกป้องสัตว์และธรรมชาติตั้งแต่ตอนนี้ อนาคตคงไม่หลงเหลือสัตว์และธรรมชาติ รวมทั้งมนุษย์บนโลกใบนี้เช่นกัน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา