25 มี.ค. 2023 เวลา 02:17 • หนังสือ

✴️ บทที่ 4️⃣ ศาสตร์สูงสุดแห่งการรู้พระเจ้า ✴️ (ตอนที่ 33)

🍀ยัญ,พิธีบูชาไฟวิญญาณเพื่อเผากรรมให้สิ้น🍀
⚜️ โศลกที่ 2️⃣9️⃣ ⚜️ (ตอนที่ 1) หน้า 533 – 537
โศลกที่ 2️⃣9️⃣
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
ผู้ภักดีบางเหล่าบูชาด้วยลมหายใจเข้าแห่งปราณ ในลมหายใจออกของอปาน และถวายลมหายใจออกของอปานในลมหายใจเข้าของปราณ โดยการบังคับลมหายใจเข้า–ออก (ไม่จำเป็นต้องมีลม) ด้วยการปฏิบัติปราณายามะ (เทคนิคการควบคุมปราณด้วยกริยาโยคะ)
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
การปฏิบัติกริยาโยคะปราณายามะอย่างแน่วแน่ —ปล่อยลมหายใจเข้าเข้าไปในลมหายใจออก (ปราณ สู่ อปาน) และการปล่อยลมหายใจออกสู่ลมหายใจเข้า (อปาน สู่ ปราณ)— เมื่อโยคีควบคุมกระแสชีวิตทั้งสองนี้ได้ ท่านย่อมตัดการเจริญและ การเสื่อมของลมหายใจ หัวใจ และการทำงานของกายจิต เลือดและเซลล์จึงได้รับพลังชีวิตบริสุทธิ์จากลมหายใจและจากปราณวิญญาณอันบริสุทธิ์ที่ไขสันหลังและสมอง กริยาโยคะจึงหยุดยั้งความเสื่อมของร่างกาย เมื่อลมหายใจและหัวใจสงบบริสุทธิ์ไม่กระทําการโดยไม่จําเป็น โยคีเข้าถึงการควบคุมพลังชีวิตได้ด้วยประการฉะนี้
ภควัทคีตาโศลกนี้ได้พูดไว้อย่างชัดเจนถึงหลักกริยาโยคะ เทคนิคการรวมกับพระเจ้าซึ่งท่านลาหิริ มหัสยะได้มอบไว้ให้แก่โลกมาตั้งแต่ศตวรรษที่สิบเก้า กริยาโยคะปราณายามะหรือการควบคุมชีวิต สอนมนุษย์ให้แกะปมลมหายใจ ที่ผูกวิญญาณไว้กับกาย ด้วยการใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์เสริมพลังวิญญาณให้บินจากกรงกายสู่ท้องฟ้าแห่งบรมวิญญาณผู้รู้แจ้ง และถ้าตั้งใจจะกลับมาสู่กรงน้อยนี้อีกก็สามารถกลับมาได้
นี่ไม่ใช่การบินอย่างเพ้อฝัน แต่เป็นประสบการณ์ความจริงแท้อันเลิศ นั่นคือ การรู้ธรรมชาติแท้จริงของตนและรู้แหล่งเกิดของธรรมชาตินั้นในพรแห่งบรมวิญญาณ การปฏิบัติกิริยาโยคะปราณายามะหรือการควบคุมชีวิตดังที่คีตาโศลกที่ 2️⃣9️⃣ พรรณนามานั้น วิญญาณจะหลุดพ้นจากการเชื่อมโยงกับกายและไปรวมกับบรมวิญญาณ
.
————————💠————————
กริยาโยคะ : ศาสตร์การควบคุมชีวิต
————————💠————————
ปราณายามะ มาจากคำสันสกฤตสองคำ — ปราณ (ชีวิต) กับ อายามะ (การควบคุม) ปราณายามะ จึงหมายถึง การควบคุมชีวิต ไม่ใช่ “การควบคุมลมหายใจ” ความหมายกว้างที่สุดของคำว่าปราณ คือ อำนาจ หรือ พลัง
ในแง่นี้จักรวาลจึงเต็มไปด้วยปราณ สิ่งสร้างทุกอย่างคือการปรากฏของพลัง การเล่นของพลัง ทุกสิ่งที่เป็นมาแล้ว ที่กําลังเป็นไป หรือกําลังจะเป็น ไม่ใช่อื่นไกล แต่เป็นการสําแดงของพลังจักรวาลในลักษณะต่าง ๆ นานา ปราณจักรวาลจึงหมายถึงปร–ประกฤติ (ธรรมชาติ อันบริสุทธิ์) อันเป็นพลังหรืออำนาจที่ได้มาจากอนันตภาวะแห่งบรมวิญญาณ ซึ่งสถิตอยู่ทั่วไปและดำรงจักรวาลไว้
ในอีกแง่หนึ่ง ถ้าจะพูดให้เฉพาะลงไป ปราณคือสิ่งที่เราเรียกกันทั่ว ๆ ไปว่า ชีวิต หรือความมีชีวิตของอินทรีย์ทั้งหลายในโลก — ปราณของพืช ของสัตว์ หรือของมนุษย์หมายถึงพลังชีวิตที่ทำให้รูปดำรงอยู่ได้
หลักกลไกทำงานอยู่ในทุกส่วนของร่างกาย —ในหัวใจ ในเส้นเลือด ในแขนขา ข้อต่อ ช่องท้อง กล้ามเนื้อ หลักทางเคมีก็ทำงานด้วยเช่นกัน— ในปอด กระเพาะ ตับ ไต แล้วเราจะไม่เพิ่มกลไกหรือเคมีบางอย่างเข้าไปในอวัยวะเหล่านี้เพื่อให้ชีวิตินทรีย์เหล่านี้ดำรงชีพได้อย่างยั่งยืนกระนั้นหรือ
“บางอย่าง” ในที่นี้คือพลังชีวิต ซึ่งสำคัญกว่าสิ่งใด ๆ ในการเสริมส่งชีวิตนั่นเอง พลังชีวิตใช้พลังกลไกเพื่อสูบฉีดโลหิต ทำให้อาหารเคลื่อนไปในระบบทางเดินอาหาร ทำให้กล้ามเนื้อกระตุก มันใช้พลังทางเคมีเพื่อย่อยอาหาร ฟอกเลือด เตรียมน้ำดี มีการเชื่อมโยงและร่วมมือกันอย่างน่าอัศจรรย์ในบรรดาเซลล์ในทุกส่วนของร่างกาย นี่คือองค์กร และปราณ ก็คือผู้ปกครององค์กรนั้น เป็นผู้ให้คำแนะนำ ดำเนินการ ประสานงาน สร้างสรรค์ และซ่อมแซมอำนาจในกาย
ปราณเป็นพลังปัญญา แต่มันไม่มีจิตในแง่การปฏิบัติหรือจิตวิญญาณ ปราณเป็นเรื่องของการปฏิบัติ แต่วิญญาณนั้นคือจิต วิญญาณเป็นผู้สั่ง และปราณเป็นผู้รับใช้จึงต้องปฏิบัติตาม ปราณ ไม่ว่าปราณหยาบฝ่ายกาย หรือ ปราณละเอียดฝ่ายจิตวิญญาณ ล้วนยืมอำนาจการกระทําในร่างกายมาจากวิญญาณ มันคืออำนาจที่พึ่งพิงวิญญาณและสสารเพื่อการแสดงวิญญาณ โดยทำให้สสารเคลื่อนไป วิญญาณดำรงอยู่ได้โดยไม่มีปราณ แต่ปราณในร่างกายดำรงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีวิญญาณเป็นฐากฐาน
.
◾ปราณจักรวาล : พลังที่แผ่คลุมทุกสิ่งสร้าง◾
ปราณจักรวาลกําเนิดขึ้นมาโดยวิธีต่อไปนี้ คือ แรกสุด เอกบรมวิญญาณประสงค์จะทรงสร้าง เนื่องจากทรงเป็นหนึ่งจึงประสงค์จะสร้างให้มากหลาย พระประสงค์อันทรงฤทธิ์นี้มีพลังสร้างสรรค์ที่ส่งออกไปเพื่อสร้างจักรวาล แบ่งหนึ่งให้กลายเป็นมากหลาย ทำให้เอกภาพกลายเป็นความ หลากหลาย
แต่พระองค์ผู้ทรงเป็นหนึ่งนั้นไม่ประสงค์จะทำให้ความเป็นองค์รวมของพระองค์กลายเป็นความหลายหลาก พระองค์จึงทรงประสงค์พร้อม ๆ กันไปด้วยที่จะดึงความหลากหลายกลับสู่ความเป็นหนึ่ง การชักคะเย่อกันระหว่างความต้องการทำให้หนึ่งเป็นความหลากหลาย และความต้องการที่จะทำให้ความหลากหลายกลายเป็นหนึ่ง — ระหว่างพลังที่ส่งออกไปกับพลังที่ดึงกลับ ระหว่างการดูดกับการผลัก ระหว่างการดึงเข้าสู่ ศูนย์พลังกับการกระจายออกจากศูนย์พลัง
ผลจากการชักคะเย่อระหว่างอำนาจใหญ่ทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งกัน ทำให้เกิดพลังสั่นสะเทือนจักรวาล และนี่เป็นสัญญาณการเสียสมดุลทางจิตวิญญาณครั้งแรก ก่อนที่จะมีการสร้างสรรค์ใด ๆ พลังสั่นสะเทือนนี้ผสมผสานความหวังของบรมวิญญาณที่จะสร้างความหลากหลาย กับความหวังที่จะให้ความหลากหลายกลายเป็นหนึ่ง ดังนั้น แทนที่บรมวิญญาณจะเป็นเลิศในความหลากหลาย หรือเป็นเลิศในความเป็นหนึ่ง เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงกลายมาเป็นเอกภาวะแห่งความหลากหลาย ที่เป็นทั้งสองสิ่งพร้อมกันในขณะเดียวกัน
ปราณจักรวาลที่อยู่เบื้องหลังองค์ประกอบทั้งหลายในสิ่งสร้าง คือเอกภาวะที่ปกป้องเอกบรมวิญญาณจากการแยกเป็นความหลากหลายที่ไม่อาจกู้คืน มันครอบคลุมทั่วทุกอะตอมและทั่วทุกที่ในจักรวาล เป็นตัวเชื่อมสสารกับบรมวิญญาณอย่างประณีตโดยตรงมาแต่ดั้งเดิม — มีภาวะจิตวิญญาณน้อยกว่ามหาบรมวิญญาณ แต่มีจิตวิญญาณมากยิ่งกว่าอะตอมของวัตถุ ปราณจักรวาลนี้ เป็นที่ก่อเกิด (บิดา) ของสิ่งทั้งหลายที่เรียกว่าพลัง ซึ่งบรมวิญญาณ (ในรูปแท้) ใช้ในการสร้างและดำรงจักรวาลไว้
เมื่ออะตอมที่แตกต่างรวมกันเป็นอินทรีย์ ต้นไม้ สัตว์ มนุษย์ — ปราณจักรวาลซึ่งมีอยู่แล้วในทุกอะตอมเหล่านั้น จะร่วมมือกันตามวิธีของตน เราเรียกสิ่งนี้ว่า ปราณพิเศษ พลังชีวิต หรือ ชีวิต แม้ว่าแต่ละเซลล์ซึ่งจริง ๆ แล้วคือแต่ละอะตอม ของกายมนุษย์มีปราณอยู่ แต่ปราณของทุกอะตอมและทุกเซลล์นั้นถูกควบคุมโดยปราณประสานงาน ซึ่งเรียกว่า ปราณพิเศษ หรือพลังชีวิต
.
◾ปราณพิเศษ : หลักชีวิตในร่างกาย◾
ปราณพิเศษเข้าสู่กายพร้อมกับวิญญาณ (ในร่างทิพย์ของวิญญาณ) เมื่อเริ่มการปฏิสนธิ เมื่อวิญญาณบัญชา ปราณพิเศษนี้จะค่อย ๆ สร้างร่างกายของทารกจากเซลล์ต้นกำเนิดเพียงเซลล์เดียว —ตามแบบแผนกรรมทิพย์ของคนคนนั้น— แล้วหล่อเลี้ยงรูปนั้นไปชั่วชีวิตของมัน
ปราณกายนี้จะได้รับพลังไม่แต่จากแหล่งพลังหยาบ ๆ เช่นอาหารและออกซิเจน แต่ส่วนใหญ่แล้วจะได้จากปราณจักรวาลหรือพลังจักรวาล ซึ่งเข้าสู่ร่างกายทางท้ายสมอง (“พรหมมุข”) แล้วเก็บไว้ที่เรือนชีวิตในสมองใหญ่ และ ในจักระต่าง ๆ ในไขสันหลัง และจากจุดนั้น ๆ มันจะถูกกระจายไปโดยการกระทำของปราณพิเศษ
ปราณพิเศษครอบคลุมอยู่ทั่วกาย ทำหน้าที่แตกต่างกันไปในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งอาจแบ่งตามหน้าที่ได้เป็นปราณห้าประเภท :
1️⃣ ปราณ (ตามความสําคัญสูงสุด) หรืออำนาจรวมที่ทำให้หน้าที่อื่น ๆ ทั้งหลายได้กระทำการ
2️⃣ อปาน หรืออำนาจการขับถ่าย หรือพลังกายที่ใช้ในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย
3️⃣ วยานะ หรืออำนาจการหมุนเวียน
4️⃣ สมานะ หรือการดูดซึม การย่อย เป็น กระบวนการย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อสร้างเซลล์ใหม่ ๆ
5️⃣ อุทานะ หรืออำนาจที่ทำให้เซลล์ทำหน้าที่แตกต่างกัน (บางเซลล์สร้างเส้นผม หรือสร้างผิวหนัง หรือกล้ามเนื้อเป็นต้น) ด้วยการทำงานร่วมกันหรือกระจายงานในระหว่างกัน
ปราณทั้งห้านี้แม้จะแยกหน้าที่กัน แต่ก็สัมพันธ์และทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน ต่างอิงอาศัยกันและกัน และจริง ๆ แล้วปราณทั้งห้านี้ ก็คือปราณ เดียวที่ทําหน้าที่แตกต่างกันไปห้าอย่าง แต่ทั้งหมดนั้นก็สัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก (อ่านปราณทั้งห้านี้เพิ่มเติมในโศลกถัดไป)
ฐานของปราณกายคือระบบประสาทและเซลล์ในแกนสมองร่วมไขสันหลัง และระบบประสาทอัตโนมัติ แต่มันจะส่งผลเฉพาะในรูปของเซลล์ เนื้อเยื่อ ประสาท ปมประสาทในส่วนปลายสุดของร่างกาย โดยหลักแล้วปราณจึงทํางานในระบบประสาทอัตโนมัติหรือที่นอกเหนือการสั่งการของสมอง แต่แม้กระนั้นกิจกรรมตามการสั่งการก็เป็นไปได้ เพราะปราณซึ่งมีพลังทั้งห้านั้นครอบคลุมและทำงานอยู่ทั่วกาย
(((มีต่อ)))

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา