Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
คีตาแห่งสยาม
•
ติดตาม
1 เม.ย. 2023 เวลา 04:02 • หนังสือ
✴️ บทที่ 4️⃣ ศาสตร์สูงสุดแห่งการรู้พระเจ้า ✴️ (ตอนที่ 36)
🍀ยัญ,พิธีบูชาไฟวิญญาณเพื่อเผากรรมให้สิ้น🍀
⚜️ โศลกที่ 3️⃣0️⃣ ⚜️ หน้า 544 – 549
โศลกที่ 3️⃣0️⃣
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
ส่วนบางเหล่า บริโภคอาหารอย่างเหมาะสม ถวายปราณและการทําหน้าที่ของปราณ บูชาไฟเอกปราณ ผู้ภักดีเช่นนี้ (เชี่ยวชาญในยัญที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด) เป็นผู้พิธีบูชาไฟปัญญาแท้ ที่เผาบาปกรรมทั้งหลายได้สิ้น
〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️〰️
บางครั้ง ส่วนแรกของโศลกนี้มาควบคู่กับโศลกที่ 29 ซึ่งเหมาะมาก เพราะถ้าเข้าใจอย่างลึกซึ้งก็จะเห็นว่า มีความสัมพันธ์กับ กริยาโยคะ ปราณายามะ การควบคุม “การบริโภค” ของโยคี เป็นสิ่งสำคัญในการบำรุงพลังชีวิตบริสุทธิ์ที่กลั่นจากลมหายใจแล้วได้รับพลังจักรวาลเสริม
เมื่อหยุดการทำงานของปราณ (การเจริญ) และอปาน (การเสื่อม) ในร่างกาย โยคีที่ควบคุมพลังชีวิตแล้วเช่นนี้ เป็นที่กล่าวถึงว่าเป็น ผู้ “กินสิ้น” ทั้งสองกระแสของการหายใจเข้าหายใจออก (ปราณ และ อปาน)★ เป็นผู้บำรุงวิญญาณด้วยการรวมสองกระแสเข้าไปในแสงเดียวแห่งบรมวิญญาณที่สะท้อนอยู่ในสมอง ปราณายามะ กริยาโยคะจึงเป็น “พิธีไฟวิญญาณ” ที่แท้ ด้วยการ ถวายลมหายใจเข้า-ออกเข้าไปในไฟภายในและการรู้แจ้งแห่งบรมวิญญาณ
★อ่านการ “บริโภคอาหารสี่แบบ” บทที่ 15:14 หน้า 1005
—————————💠—————————
เทคนิคโยคะเพื่อการบริโภคอาหารอย่างถูกต้อง
—————————💠—————————
คีตาโศลกนี้อาจตีความตามตัวอักษรได้ดังนี้
โยคีบางเหล่าใช้วิธีอดอาหารและควบคุมการบริโภคอาหารอย่างเคร่งครัด เพื่อควบคุมและทำให้ปราณทั้งห้า (พลังชีวิตทั้งห้าหรือลมแห่งชีวิต) ทําหน้าที่ประสานกันทั่วร่างกาย สุขภาพร่างกายจึงดีมีพลังชีวิต
โยคีใช้วิธีนี้ฝึกร่างกายให้พึ่งพาอาหารหยาบ และแหล่งพลังชีวิตที่ต้องอาศัยวัตถุน้อยลงเรื่อยๆ พร้อมๆกันนั้นปราณทั้งห้าและการทำหน้าที่ของมันยิ่งต้องอาศัยพลังจักรวาลมากขึ้นเพื่อการดำรงอยู่ (ปราณทั้งห้าและหน้าที่ของมันถูกถวายเข้าไปในไฟเอกปราณแห่งพลังจักรวาล) กระบวนการอันยุ่งยากยาวนานที่พลังจักรวาลกลายมาเป็นพลังเดียวที่ส่งเสริมชีวิต —เมื่อหยุดกระแสปราณและอปานในไขสันหลัง รวมทั้งผลของมันในปราณทั้งห้า— การเจริญการเสื่อมในร่างกายจึงชะงักไปด้วย โยคีได้ตบะและหยั่งรู้ว่าร่างกายเป็นเพียงประจุพลังชีวิตเท่านั้น
โยคียุคโบราณมีวิธีบริโภคอาหารในขั้นก้าวหน้าอยู่หลายวิธี หนึ่งในวิธีเหล่านั้นก็คือ ท่านสอนศิษย์ให้กินอาหารแค่วันละหนึ่งมื้อ กินข้าวหรือธัญพืชไม่ขัดขาวที่หุงตามวิธีธรรมชาติ และโดยทั่วๆไปก็ให้หลีกเลี่ยงอาหารมันๆ คำแนะนำอีกอย่างหนึ่งก็คือ การดื่มนมผสมน้ำ แต่โยคียุคใหม่อาจไม่จำเป็นต้องบริโภคน้อยเช่นนั้น แต่ถ้าจะว่าไป ผู้ที่ทำสมาธิเช้า-ค่ำในขั้นตอนท้ายๆของ กริยาโยคะ นั้นต้องการอาหารน้อยมาก
อย่างที่ท่านศรียกเตศวรมักพูดให้ฟังบ่อย ๆ ว่า จำเป็นมากที่ทุกคนต้อง ควบคุมอาหาร เพราะไม่อย่างนั้น นิสัยการกินที่ผิด ๆ จะทำให้เกิดโรค และรวมจิตได้ช้าในช่วงการทำสมาธิ
โยคีบางท่านสอนนักเรียนให้พิจารณากระเพาะอาหารว่ามีสี่ส่วน รับข้าวกับอาหารแข็งอื่น ๆ ไว้สองส่วน อีกหนึ่งส่วนรับอาหารเหลว เช่น ซุปถั่ว หรือ นม อีกหนึ่งส่วนที่เหลือนั้นควรปล่อยให้ว่างไว้ เพื่อให้น้ำย่อยหลั่งได้อย่างสะดวก และทำให้เดินลมปราณได้สะดวกเมื่อโยคีปฏิบัติปราณายามะทันทีที่ฉันอาหารเสร็จ
พูดอีกอย่างได้ว่า เมื่อลุกจากโต๊ะอาหารนั้นต้องอย่าให้อิ่มนัก น้ำมันทุกชนิดที่ใช้ต้องบริสุทธิ์ สะอาดและหอมหวาน อาหารที่ทำให้เกิดแก๊สควรต้องหลีกเลี่ยง ควรกินอาหารเป็นเวลาและด้วยจิตที่ยินดี ตำราบางเล่มกล่าวว่า “กินน้อย ๆ บ่อย ๆ อย่าสวาปามเข้าไปทีเดียว” การบริโภคอาหารตามวิธีการต่าง ๆ ที่อาจารย์แนะนํานี้ย่อมมีประโยชน์
การกินอาหารอย่างถูกต้องและอดอาหารเป็นครั้งคราว★ ช่วยขจัดความกําหนัดทางเพศที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ทั้งยังทำให้ร่างกายมีสุขภาพดีด้วย ผู้คนส่วนใหญ่ ไม่แค่ไม่พบบรมสุขแห่งพรหมันซึ่งมีอยู่แล้วในตนเท่านั้น เขายังไม่สามารถแม้แต่จะมีความสุขอยู่กับร่างกายที่ไร้โรค
★ท่านปรมหังสา โยคานันทะ ได้อธิบายทฤษฎีและการปฏิบัติเกี่ยวกับการอดอาหารไว้อย่างละเอียดในบทเรียนเซลฟ์ รีอะไลเซชั่น เฟลโลว์ชิพ และในหนังสือ Man's Eternal Quest (อ่านหน้า 1200) ผู้มีสุขภาพดีสามารถอดอาหารสามวันได้ไม่ยาก แต่ถ้าจะอดให้นานกว่านั้น ต้องอยู่ในความดูแลของผู้มีประสบการณ์ ส่วนผู้ที่เจ็บป่วยเรื้อรังหรือมีปัญหาสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะปฏิบัติตามคำแนะนํานี้
{หมายเหตุผู้จัดพิมพ์}
ผู้ศึกษาโยคะสามารถเรียนรู้ได้อย่างมากมายจากการค้นพบของวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ การรับประทานอาหารอย่างไม่เพียงพอ หรือไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดโรคแก่เกินวัย และตายเร็ว จึงจำเป็นต้องรับประทานมังสวิรัติอย่างสมดุล – มีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่ อย่างเพียงพอ แต่ไขมันนั้นรับประทานในปริมาณจำกัด
เนื้อวัวและเนื้อหมู แม้อุดมด้วยโปรตีนก็จริง แต่สารพิษที่มันปล่อยออกมาจะตกค้างอยู่ในเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ นานา★ ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถทำลายสารพิษที่ตกค้างอยู่ในเนื้อเยื่อได้ทั้งหมด
แหล่งโปรตีนและสารอาหารที่จำเป็นที่ได้จากอาหารอื่น ๆ จึงน่าจะดีกว่าที่ได้จากเนื้อสัตว์ เช่น เต้าหู้ นม ค็อตเทจชีส น้ำแครอท อัลมอนด์ พีคาน และถั่วพิกโนเลีย ธัญพืชไม่ขัดขาว ถั่วและถั่วแขกเมล็ดแดงและเหลือง (ที่ปรุงสุก❗) ผลไม้และผักสดเป็นแหล่งใหญ่ให้วิตามินและแร่ธาตุที่จําเป็นต่อร่างกาย คาร์โบไฮเดรตมีในถั่วชนิดต่างๆ ในน้ำหวานธรรมชาติ เช่น น้ำผึ้ง ผลอินทผลัม ธัญพืชไม่ขัดขาว ไขมันดีที่สุดได้จากโปรตีนจากผัก รวมทั้งเนยถั่ว เช่น เนยอัลมอนด์ หรือ เนยถั่วลิสง เป็นต้น
★ดร. อลัน บูบิส แห่งราชแพทย์วิทยาลัยนครลอนดอน ได้นำเสนอหลักฐานที่แสดงถึงความ เชื่อมโยงกันระหว่างการกินเนื้อแดงกับการเกิดโรคมะเร็งในมนุษย์ ในที่ประชุมสมาคมชีวเคมีแห่งอังกฤษ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 1995 ว่าเนื้อแดงมีส่วนประกอบที่อาจเป็นพิษต่อมนุษย์
บูบิสกล่าวว่า “การศึกษาระบาดวิทยาทําให้เรารู้ว่าการบริโภคเนื้อแดงที่ปรุงสุกสัมพันธ์กับการขยายตัวของมะเร็งลำไส้ เราไม่รู้ว่าทำไมมันจึงเป็นเช่นนั้น แต่พบว่าในกระบวนการปรุงอาหารนั้น เมื่อสารประกอบในเนื้อสัตว์ได้รับความร้อน จะทำให้เกิดสารประกอบที่เรียกว่า HAs (heterocyclic amines) ที่อาจทำให้เซลล์เกิดความผิดปกติ”
งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าสารประกอบ HAs เป็นอันตรายต่อดีเอ็นเอ —หน่วยสร้างโมเลกุลชีวิต— ดร.บูบิสยังบอกด้วยว่า งานวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า สารประกอบนี้เป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งในสัตว์ วารสาร British Medical Journal (มิถุนายน 1994) รายงานผลการศึกษา 12 ปี เปรียบเทียบกันระหว่าง ผู้บริโภคมังสวิรัติ 6,000 คน กับ ผู้รับประทานเนื้อสัตว์ 5,000 คน
พบว่าผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ มีความเสี่ยงจากการตายด้วยโรคมะเร็งน้อยกว่าร้อยละสี่สิบ ผลวิจัยนี้ไม่อาจอธิบายได้ด้วยนิสัยการสูบบุหรี่ น้ำหนักร่างกาย หรือ ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่มีความแตกต่างกันไป
ในปี 1992 สถาบันมะเร็งแห่งชาติ (สหรัฐอเมริกา) ได้ตีพิมพ์แนะนำงานวิจัย 156 ชิ้นที่ศึกษาเกี่ยวกับอิทธิพลของอาหารที่ส่งผลต่อการเกิดโรค ในบรรดางานวิจัยเหล่านี้ 82 ชิ้นชี้ให้เห็นว่า “มีหลักฐานชัดเจนว่าการบริโภค ผักและผลไม้ป้องกันโรคมะเร็งได้อย่างมากและอย่างต่อเนื่อง”
{หมายเหตุผู้จัดพิมพ์}
.
◾ปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพกาย◾
ถั่วการ์บันโซเป็นแหล่งโปรตีนจากผักที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ควรรับประทานสด ๆ (หลังจากแช่น้ำทิ้งไว้ทั้งคืนแล้วปอกเปลือกออก) เคี้ยวให้ ละเอียด เริ่มจากรับประทานหนึ่งช้อนชาก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มเป็นครึ่งถ้วยในแต่ละมื้อ (ถ้าสามารถย่อยได้) คนที่ออกแรงทํางานหนัก อาจรับประทานมื้อละหนึ่งถ้วย ถั่วชนิดนี้ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ถั่วการ์บันโชดิบ ย่อยได้ง่ายกว่าถั่วเหลืองหรือถั่วชนิดอื่น ๆ แต่ถ้านําไปปรุงสุก การ์บันโซจะหนักเกินไป และทำให้เกิดแก๊ส
ข้าวกล้องดีกว่าข้าวสาลีกล้อง ผู้ที่มีปัญหาความดันเลือดสูง โรคหัวใจ โรคหอบหืด หรือโรคภูมิแพ้ทั้งหลายควรกินข้าวกล้องดีกว่ากินข้าวสาลี
แต่ละคนควรรับประทานอาหารให้เหมาะแก่ความต้องการของร่างกาย #โยคีควรกลั่นปราณชีวิตให้บริสุทธิ์ #ไม่ใช่กลั่นความเจ็บป่วยจากอาหาร
โยคีควรรับพลังจากปราณจักรวาลที่มีอยู่ในแสงแดดและในอากาศบริสุทธิ์ ด้วยการอยู่กลางแดดเป็นช่วงสั้น ๆ และฝึกหายใจเข้า-ออกลึก ๆ ในที่ที่อากาศสดชื่นเพื่อรับปราณบริสุทธิ์ อันอุดมด้วยออกซิเจน ที่จะมาสลายคาร์บอนและสารพิษต่าง ๆ
การฝึกหายใจตามวิธีต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ดีเยี่ยม : หันหน้ารับกระแสลมนอกบ้าน หรือยืนตรงหน้าต่างที่เปิดกว้าง ปล่อยลมหายใจออกทางปากสองครั้งอย่างรวดเร็ว พร้อมกับออกเสียงพ่นหรือเสียงตัว ฮ ฮัวว์ – ฮัวว์ แล้วสูดหายใจเข้าทางจมูกอย่างรวดเร็วติดกันสองครั้ง ตั้งสติทําอย่างนี้ซ้ำๆกันหลายครั้ง เริ่มและลงท้ายด้วยการหายใจออก
การออกกำลังกายให้ได้สุขภาพกับการมีเจตคติที่ถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็นต่อพลังหล่อเลี้ยงพลังชีวิต
.
◾ปัจจัยสุขภาพที่สำคัญคือการที่ปราณทั้งห้าทําหน้าที่ถูกต้อง◾
ด้วยการบริโภคอาหารอย่างถูกต้อง และด้วยมาตรการสุขภาพอื่น ๆ โยคีทำให้ปราณชีวิตทั้งห้าเกิดพลัง และทําหน้าที่ทั้งห้าอันจําเป็นแก่ร่างกายได้อย่างถูกต้อง
🔅ถ้าปราณที่ทําให้เกิดการแข็งตัวหรือตกผลึกทํางานผิดปกติก็จะเกิดโรคภัย และความเสื่อม เพราะถ้ากระแสปราณนี้มีน้อย อาหารก็ไม่อาจเปลี่ยนเป็นเนื้อเยื่อใหม่
🔅ถ้ากระแสการไหลเวียน (วยานะ) ทำงานผิดปกติ ภาวะที่ขาดการประสานกันอาจเกิดภาวะโลหิตจาง หรือ ความดันเลือดสูงหรือต่ำเกินไป
🔅ถ้าขาดกระแสการดูดซึม (สมานะ) จะทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับระบบการย่อยอาหาร
🔅ถ้าขาดกระแสการสันดาป (อุทานะ) การเติบโตของเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายก็หยุดชะงัก ไม่ว่ากระดูก กล้ามเนื้อ หรือเนื้อเยื่ออื่น ๆ ที่สร้างจากโปรโตพลาสม์อย่างเดียวกัน
🔅ถ้ากระแสการขับถ่าย (อปาน) บกพร่อง จะทำให้เกิดพิษ แก๊ส ก้อนเนื้อ มะเร็ง และโรคทั้งหลายที่เกิดจากการที่ร่างกายไม่อาจขับสารพิษ
โยคีเปลี่ยนพลังชีวิตทั้งห้าให้เป็นพลังเดียวกัน ด้วยการรวมกับจักรวาลชีพ นี่คือไฟบูชายัญที่พลังแห่งวัตถุกระตุ้นพลังชีวิต แล้วถวายทุกสิ่งเหล่านั้นเป็นเครื่องบูชาไฟจักรวาล
ภายใต้การแนะนำอย่างรอบคอบของคุรุ ศิษย์สามารถควบคุมลมหายใจและกระแสปราณด้วยวิธีโยคะบางอย่าง ซึ่งรวมถึงการควบคุมการบริโภคอาหาร สลับกับการอดอาหารเป็นบางช่วง การกินอาหารน้อยลงเรื่อย ๆ ในปริมาณที่จํากัด ทว่าอุดมด้วยคุณค่า (ซึ่งคุรุรู้ดี) จะทำให้พลังชีวิตและลมหายใจสงบ วิญญาณเป็นอิสระจากจิตสำนึก “มนุษย์ไม่ได้มีชีวิตอยู่ด้วยขนมปังเท่านั้น” แต่อยู่ได้ด้วยอาหารที่วิเศษกว่านั้น เช่น ออกซิเจน แสงแดด และพลังชีวิตหลายล้านโวลท์ในสมอง อันได้รับการเสริมพลังอย่างสม่ำเสมอจากพลังจักรวาลที่เข้าสู่ร่างกายทางท้ายสมอง
การทำให้ตนเองวิวัฒน์เร็วขึ้น ด้วยการบริโภคอาหารอย่างโยคีนี้ เป็นวิธีที่ยากและวกวน มีโยคีจำนวนน้อยเท่านั้นที่สามารถหลุดพ้นจากการพึ่งอาหารหยาบ และมีชีวิตอยู่ได้ด้วย #อาหารประณีต เช่น ลมหายใจ ออกซิเจน แสงแดด และพลังชีวิตภายใน เมื่อโยคีเช่นนี้มีชีวิตอยู่ได้ด้วยพลังจักรวาลอันบริสุทธิ์ไร้ที่สิ้นสุด ที่เข้าไปหล่อเลี้ยงทุกอะตอมชีวิตของท่านโดยตรง ท่านย่อมสัมผัสกับจิตแห่งพระเจ้าอันระรัวไหวทั่วไปในจักรวาล
ผู้สนใจสุขภาพตามกระแสนิยม ไม่สามารถที่จะพูดคุยประเด็นใด ๆ ได้ด้วยปัญญา นอกจากเรื่องร่างกายกับอาหาร แต่ผู้มีญาณปัญญาค้นพบการบริโภคอาหารอย่างง่าย ๆ ที่เหมาะกับสภาพร่างกายตน และปฏิบัติตามนั้นอย่างเคร่งครัด อย่างไม่ติดยืด❗ การหมกมุ่นอยู่กับเรื่องอาหารจะทําให้พวกคลั่งสุขภาพระวังกังวลแต่กับร่างกาย โยคีผู้ก้าวหน้าเรียนรู้ที่จะทำให้กายมีชีวิตอย่างพ้นจากโรคภัย และพ้นจากพันธะการกลับมาเกิดใหม่ ด้วยวิธีเดียวเท่านั้น นั่นคือการพัฒนาจิตแห่งพระเจ้า
ผู้ภักดีทุกคนที่เชี่ยวชาญในการบูชายัญ (ดังที่คีตาโศลกที่ 25-30 กล่าวถึง) คือผู้รู้พิธีบูชาไฟที่แท้ เขาได้ถวายกรรมพันธะทั้งหลาย ให้ไฟปัญญาภายใน (การหยั่งรู้ตน) เผาไปจนหมดสิ้น
(((มีต่อ)))
หนังสือ
จิตวิญญาณ
1 บันทึก
1
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เล่ม 1 บทที่ 4
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย