20 เม.ย. 2023 เวลา 05:03 • ประวัติศาสตร์

รวมข้อพิพาทของนักประวัติศาสตร์ มาร์โค โปโล มีตัวตนจริงหรือไม่? (2/2)

ความเดิมตอนที่แล้ว พูดถึงหนังสือ Il Milione รวมเรื่องโม้หนึ่งล้านครั้งของ มาร์โค โปโล ซึ่งถือเป็นหนังสือที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์โลกเป็นอย่างยิ่ง แต่กลับเป็นหนังสือที่นักประวัติศาสตร์หลายสำนักต่างตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ว่ามีความเป็นจริงมากแค่ไหน?
ย้อนไปสู่ที่มาของหนังสือเล่มนี้ ซึ่งมีการเขียนขึ้นในต้นศตวรรษที่ 14
ซึ่งเป็นยุคยุคก่อนที่โยฮันเนส กูเทนเบิร์กจะประดิษฐ์แท่นพิมพ์ ในปี 1440 หรือ 150 ปีก่อนหน้านั้น
เพราะฉะนั้น หนังสือ Il Milione ที่มีด้วยกัน 150 ฉบับจึงเป็นหนังสือที่ถูกคัดลอกมือ
โดยหนังสือเล่มนี้เขียนด้วยภาษาออริจินัล เพราะยุคนั้นยังไม่มีภาษาอิตาเลียน
รุสติเชลโล ดา ปิซา‎ เป็นคนปิซา เลยเขียนภาษาฝรั่งเศสเวเนเชียน
หลังจากนั้นมีการนำไปแปลไปในภาษาอื่นๆ เช่นภาษาเวนิส ซึ่งเป็นฉบับนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยม ต่อมาถูกแปลเป็นภาษาฝรั่งเศสและภาษาลาติน ซึ่งเป็นฉบับที่สำคัญที่สุด และมีการอ้างอิงเยอะที่สุด โดยแปลหลังจากเวอร์ชันออริจินัล 3 ปี
โดยในแต่ละเวอร์ชั่นอาจจะมีข้อมูลบางอย่างที่แตกต่างกันไปบ้าง​
วิธีที่นักประวัติศาสตร์ใช้พิสูจน์มีหลายวิธีด้วยกัน โดย 2 หัวข้อหลักๆ คือ
1.มาร์โค โปโลเดินทางไปยังประเทศจีนจริงหรือไม่?
2.มาร์โค โปโลมีตัวตนจริงในฐานะพลเมืองของสาธารณเวนิชจริงหรือไม่?
แนวทางของนักประวัติศาสตร์คือกลับไปดูบันทึกของสำนักวาติกันว่า สิ่งต่างๆ ที่มาร์โค โปโลอ้างถึงวาติกัน มีบันทึกไว้หรือไม่ เพราะศาสนจักรเวลานั้น มีการบันทึกที่ละเอียดและต่อเนื่อง
เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรที่เกี่ยวกับบัญชาของพระสันตประปา เช่น การส่งนักบวช 2 รูปไปยังต้าหยวน ถ้ามีจริงก็ต้องถูกบันทึก
นอกจากนี้ การตรวจหาชื่อของนักบวขแห่งราชสำนักหยวนที่เป็นชาวเวนิชก็น่าจะมีการจดบันทึกในพงศาวดารจีนอยู่บ้าง
แต่ปรากฏว่า แหล่งจีนไม่ได้บันทึกเอาไว้เลยว่ามีคนชื่อ มาร์โค โปโล หรือฝรั่งที่มีลักษณะเหมือนเขาเอาไว้ในบันทึกของจีนฉบับใดๆเลย
สำหรับบันทึกของสาธารณรัฐเวนิส ที่มีระบบสำมโนประชากรชัดเจนตั้งแต่ยุคนั้น ก็ไม่มีบันทึกคนที่ชื่อมาร์โค โปโล
ขณะที่สำนักวาติกันก็ไม่มีบันทึกเกี่ยวกับการส่งนักบวชไปมองโกล
นอกจากนี้ยังมีการพิสูจน์สิ่งที่มาร์โค โปโล พูดถึงแผ่นดินจีน
จุดที่น่าสนใจคือ หนังสือทั้ง 4 เล่มของมาร์โค โปโล ไม่ได้พูดถึงกำแพงเมืองจีน ตะเกียบ การรัดข้อเท้าของหญิงสูงศักดิ์ชาวจีน ทั้งที่ใครไปที่จีนช่วงนั้น น่าจะมีการจดบันทึก 3 สิ่งนี้เอาไว้
เพราะกำแพงเมืองจีนยักษ์ใหญ่ จนไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์จะสร้างได้
ชาวยุโรปกินอาหารด้วยช้อนและส้อม แต่คนจีนกินด้วยตะเกียบ
การรัดข้อเท้าของหญิงสูงศักดิ์ชาวจีน เป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ยุโรป
ดังนั้น คนที่ไม่เชื่อว่า มาร์โค โปโลไปเมืองจีน หรือ มีตัวตนจริง
คิดว่า เขาน่าจะประมวลผลจากพ่อค้าชาวอาหรับ จากเอเชียกลางที่เดินทางไปค้าขายที่เวนิซ แล้วนำมาประมวลเพื่อเล่าให้รุสติเชลโล ดา ปิซา‎ ฟัง
แต่ถึงอย่างนั้น หากจะฟันธง และสรุปเช่นนั้น ก็อาจจะไม่สมเหตุสมผล
เพราะ ยังมีรายละเอียดอีกหลายจุด และข้อโต้แย้งบางอย่างที่ทำให้น่าเชื่อว่า มาร์โค โปโลไปเมืองจีน หรือ มีตัวตนจริง
ประเด็นแรก คือ การที่มาร์โค โปโล พูดถึงการใช้ตั๋วแลกเงินหรือธนบัตรในจีน
ต้องบอกว่า เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นในยุโรปในช่วงเวลาของเขามาก่อน เพราะยุโรปยังใช้โลหะหลอมเป็นเงิน
ดังนั้น ที่มาร์โค โปโล เล่าได้ อาจเพราะเคยไปจีนหรือประเทศที่ใช้ธนบัตรหรือตั๋วแลกเงิน ไม่เช่นนั้น จะนำจินตนาการมาจากไหน
นอกจากนี้การที่พูดถึงคลองใหญ่ขนาดยักษ์ ที่ใช้เดินทางจากตอนเหนือไปตอนใต้
ก็เป็นคลองที่มีอยู่จริงในจีน ซึ่งไม่เคยถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ยุโรป
อีกเรื่อง คือ การพูดถึงสถาปัตยการในการสร้างสะพานเพื่อชะลอน้ำของหยางโจว
เขาได้บรรยายรูปลักษณ์ และตรงกับความเป็นจริงที่มีที่หยางโจว
ส่วนประเด็นที่มาร์โค โปโล ซึ่งเดินทางไปถึงจีนตอนอายุ 21 ปี เล่าว่าได้รับการแต่งตั้งเป็นข้าหลวง เดินทางไปตรวจราชการทางตอนใต้ที่เจียงหนาน ที่หลายคนมองว่าไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง
แต่ถ้าไปดูบันทึกและวิธีการบริหารราชการของราชวงศ์หยวนหรือมองโกลในเวลานั้น จะพบว่า สอดคล้องกับสิ่งที่มาร์โค โปโลเล่า
เพราะชาติมองโกลรู้ดีว่าตัวเองเกิดมาเป็นชาตินักรบ ไม่ได้เกิดมาเพื่อปกครอง จึงใช้คนต่างชาติทุกชาติที่พบเจอ ยกเว้นชาวฮั่นในการปกครองแผ่นดินจีน
ดังนั้น ข้าหลวงในราชสำนักของมองโกล ก็จะมีชาวชิตัน ชาวต้าเหลียวมาเป็นข้าราชบริพารไม่ใช่เรื่องแปลก การนำเอาชาวหนี่เจินบางส่วนที่แพ้สงครามมาปกครองชาวฮั่นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น
พอไปทำสงครามที่เอเชียกลาง ก็ได้นักปราชญ์ชาวอารบิก มุสลิม เข้ามาช่วยบริหารแผ่นดิน
ที่สำคัญ มองโกลเป็นพวกยอมรับความต่างทางศาสนาและความเชื่อทุกรูปแบบ เปิดโอกาสให้คนที่นับถือศาสนาแตกต่างกันอยู่ร่วมกันในจักรวรรดิ
ไม่ว่าจะเป็น อิสลาม พุทธ คริสต์ เลยไม่แน่แปลก ถ้าขอให้นักบวชวาติกันเข้าไปช่วยบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อไม่ได้นักบวชเลยให้ มาร์โค โปโลเป็นผู้ตรวจราชการแผ่นดิน
อีกจุดที่ไม่ได้พูดถึงกำแพงเมืองจีน มีนักประวัติศาสตร์บอกว่า เบื้องต้นกำแพงเมืองจีนมีไว้เพื่อป้องกันการรุกรานอาณารยชนทางเหนือเข้าสู่แผ่นดินฮั่น
ในเมื่อยุคมองโกล กำแพงเมืองจีนไม่ได้ทำหน้าที่นี้ ราชสำนักมองโกลไม่ได้มองว่ากำแพงเมืองจีนเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่แต่มองว่าเป็นความล้มเหลวมากกว่า เลยยากที่จะตัดสินใจว่า มาร์โค โปโล ไม่ได้ไปจีน
เช่นเดียวกับการที่ชื่อของ มาร์โค โปโล ไม่ได้ถูกบันทึก ก็เป็นไปได้ว่า เขาเป็น 1 ในชาวต่างชาตินับพันนับหมื่น ที่รับใช้ราชสำนักหยวน จึงไม่ได้โดดเด่นพอที่จะต้องบันทึก
อย่างไรก็ตาม แม้เรื่องราวของมาร์โค โปโล จะเป็นโจทย์ในการยืนยันข้อเท็จจริง
และไม่ง่ายที่จะพิสูจน์ แต่เรื่องราวของเขาก็เป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ให้กับ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ในการค้นพบทวีปอเมริกา
ที่สำคัญ คือ อีก 150 ปีต่อมา พอมีแท่นพิมพ์ หนังสือ Il Milione กลายเป็นถูกพิมพ์มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกในเวลานั้น รองจากพระคัมภีร์ไบเบิล
ที่มา : 8 Minute History EP.149
โฆษณา