19 เม.ย. 2023 เวลา 12:50 • หนังสือ

EP.1 Part.2 : “ เลิกขี้เกียจซะที! ”

สิ่งดีๆที่ได้จากหนังสือ “ เลิกขี้เกียจซะที! ”
 
หลังจากตอนแรกผมได้เล่าสรุปจากในบทแรก “ปัญหาคืออารมณ์” เราได้ทราบถึง ปัญหาต่างและวิธีการแก้ไขปัญหา เพื่อลดความขี้เกียจของเราแล้ว บทที่สอง ของหนังสือ“ เลิกขี้เกียจซะที! ” ชื่อบทว่า “การกำจัดสิ่งกีดขวางที่สกัดกั้นกำลังใจ”
อีกส่วนคือ ต้องพยายามปรับลดนิสัยใจร้อนหรือวู่วามลง เพราะการเป็นคนใจร้อนต้องการได้ผลลัพธ์เร็ว ถ้าทำไม่ได้ตามที่ตั้งใจไว้ จะทำให้เกิดความผิดหวัง ทำให้รู้สึกว่าไม่ประสบความสำเร็จ ยิ่งจะทำให้เกิดการอาการขึ้เกียจไม่อยากทำต่อ ดังนั้นจึงต้องปลูกฝังนิสัยรู้จักรับผิดชอบให้กับตนเองให้มากขึ้น เพื่อที่จะช่วยให้เราพยายามที่จะทำงานให้เสร็จ หรือทำให้ได้ผลลัพธ์อย่างที่ตั้งใจ ไม่ว่าจะมีปัจจัยภายนอกมารบกวนอย่างไร
ในบางครั้งอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เราไม่สามารถทำงาน หรือหน้าที่อื่นใดได้ลุล่วง ก็เป็นผลมาจากการไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญของงานได้ คือไม่รู้ว่าจะทำงานอะไรก่อน อะไรหลังนั้นเอง ในหนังสือเล่มนี้ก็มีวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้เช่นกันครับ ซึ่งก็มีวิธีที่น่าสนใจหลายวิธี ตัวอย่างเช่น วิธีโยนหัวก้อย หรือโยนลูกเต๋า ลองอ่านดูกันนะครับ สำหรับผมบางครั้งวิธีนี้ช่วยให้ประหยัดเวลาได้ดีเลยทีเดียวครับ
หลังจากที่ผ่านงานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการสอบหรือการทำงานอื่นใดก็แล้วแต่ สำหรับบางครั้งบางคนก็อาจรู้สึกสูญเสียพลังกายพลังใจไปมากจนทำให้ไม่อยากทำอะไรต่อก็เป็นได้เช่นกัน ก็ควรหาทางเรียกพลังในการเรียนหรือการทำงานกลับมาเช่นกัน ไม่เช่นนั้นก็จะให้ให้รู้สึกว่าขี้เกียจและไม่อยากทำอะไรต่อ
ต่อไปเป็นการที่ผมคัดลอกคำแนะนำที่ผมใช้และพยายามจะทำให้ดีขึ้นตามเนื้อหาในหนังสือให้เพื่อนๆ ผู้อ่านลองนำไปใช้กันครับ
  • กำหนดไว้ล่วงหน้าว่าควรจะแบ่งเวลาอย่างไร และให้สิ้นสุดเมื่อไร (หน้า73)
  • เมื่อต้องสนทนากับคนที่พูดมาก ควรหาทางหนีจากต้องนั้นเสีย เพราะถือว่าอันตรายมาก (หน้า123)
  • ทุกครั้งที่อยากยอมแพ้ ให้นึกถึงคนที่ทำให้เราตั้งเป้าหมายนี้ เมื่อทำอะไรเพื่อคนอื่นมากกว่าตัวเอง เราก็จะมีพลังมากขึ้นครับ (หน้า86)
  • หากความขัดแย้งอยู่นานเกินไป ให้ลองสร้างกฎง่ายๆ ที่จะหยุดสิ่งนี้ดูครับ ไม่ว่าจะเป็นการทำบันไดงู หรือทอยลูกเต๋าก็ได้ครับ (หน้า101)
สำหรับผมแล้วสิ่งที่ช่วยให้ผมลดความขี้เกียจลงได้ ต้องมีความพอดีในการตั้งเป้าหมายให้ไม่ยากจนเกินไป ซึ่งก็จะทำให้เรากดดันจนเครียดเกินไปได้ หรือต้องไม่ง่ายจนเกินไปก็จะทำให้ผ่อนคลายเกินไป หรือบางครั้งอาจเกินเลยไปจนเป็นความขี้เกียจได้ เพราะฉะนั้นก็ควรเดินทางสายกลาง
ถ้าขยายความไปมากกว่านี้อีกนิดเดียวก็จะเข้าทางธรรมแล้วครับ ฮาๆๆ จริงก็คล้ายๆ แต่ผมว่าถ้าเป้าหมายที่เป็นได้ และเพิ่มความยากอีกสัก 10 - 15% ก็คงน่าจะเหมาะสม ทั้งนี้ก็แล้วแต่ท่านผู้อ่านเช่นกันครับ ซึ่งถ้าทำได้แล้วจะเพิ่มความยากก็ได้ ส่วนท่านใดเป็นคนชอบความท้าทายก็อาจตั้งให้สูงกว่านี้ได้ครับ
สำหรับตอนหน้าก็จะเป็นตอนสุดท้ายของการพูดคุยของหนังสือ “ เลิกขี้เกียจซะที! ” ครับ มาติดตามกันว่ามีอะไรที่น่าสนใจในตอนสุดท้ายครับ
ขอบคุณท่านผู้อ่านที่ติดตามอ่านครับ เจอกันใหม่ตอนหน้าครับ
KeY_MaN
โฆษณา