27 เม.ย. 2023 เวลา 05:25 • หนังสือ

#20 HWG. — บทที่ 1️⃣2️⃣ (ส่วนที่ 2)

“จดหมายจากพระเจ้า” ถึงผู้ที่กำลังประสบกับความสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
▪️ผู้แปล : แอดมิน
🔸นี่เป็นงานแปลชิ้นที่ 2 ที่ผมตั้งใจแปลมากๆ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
𝑴𝒚 𝑫𝒆𝒂𝒓 𝑱𝒂𝒄𝒌𝒊𝒆,
แจ็คกี้ที่รัก
𝑷𝒍𝒆𝒂𝒔𝒆 𝒉𝒆𝒂𝒓 𝒎𝒆 𝒂𝒕 𝒕𝒉𝒆 𝒅𝒆𝒑𝒕𝒉 𝒐𝒇 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒔𝒐𝒖𝒍 𝒘𝒉𝒆𝒏 𝑰 𝒕𝒆𝒍𝒍 𝒚𝒐𝒖 𝒉𝒐𝒘 𝒔𝒐𝒓𝒓𝒚 𝑰 𝒂𝒎 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒉𝒂𝒔 𝒐𝒄𝒄𝒖𝒓𝒓𝒆𝒅 𝒊𝒏 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒍𝒊𝒇𝒆. 𝑰 𝒅𝒐 𝒏𝒐𝒕 𝒘𝒂𝒏𝒕 𝒕𝒐 𝒈𝒊𝒗𝒆 𝒚𝒐𝒖 '𝒆𝒂𝒔𝒚 𝒂𝒏𝒔𝒘𝒆𝒓𝒔' 𝒉𝒆𝒓𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒎𝒂𝒌𝒆 𝒊𝒕 𝒂𝒍𝒍 𝒔𝒐𝒖𝒏𝒅 𝒔𝒐 𝒔𝒊𝒎𝒑𝒍𝒆 𝒂𝒏𝒅 𝒎𝒂𝒌𝒆 𝒚𝒐𝒖 𝒘𝒐𝒏𝒅𝒆𝒓 𝒘𝒉𝒚 𝒂𝒏𝒚 𝒐𝒇 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒔𝒉𝒐𝒖𝒍𝒅 𝒃𝒆 𝒂 𝒑𝒓𝒐𝒃𝒍𝒆𝒎...
โปรดฟังผมจากส่วนลึกของจิตวิญญาณของคุณเมื่อผมบอกคุณว่าผมเสียใจแค่ไหนที่สิ่งนี้เกิดขึ้นในชีวิตคุณ ผมไม่ต้องการให้ “คำตอบง่ายๆ” กับคุณที่นี่ ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างฟังดูง่ายเกินไป และทำให้คุณเกิดสงสัยว่าทําไมสิ่งเหล่านี้ถึงเป็นปัญหา...
𝑱𝒂𝒄𝒌𝒊𝒆, 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝑰𝑺 𝒂 𝒑𝒓𝒐𝒃𝒍𝒆𝒎, 𝒂𝒏𝒅 𝒂 𝒉𝒖𝒈𝒆 𝒔𝒂𝒅𝒏𝒆𝒔𝒔, 𝒂𝒏𝒅 𝒚𝒐𝒖 𝒉𝒂𝒗𝒆 𝒆𝒗𝒆𝒓𝒚 𝒓𝒊𝒈𝒉𝒕 𝒕𝒐 𝒇𝒆𝒆𝒍 𝒕𝒉𝒆 𝒘𝒂𝒚 𝒚𝒐𝒖 𝒂𝒓𝒆 𝒇𝒆𝒆𝒍𝒊𝒏𝒈, 𝒘𝒉𝒊𝒄𝒉 𝒊𝒔 𝒂𝒏𝒈𝒓𝒚 𝒂𝒏𝒅 𝒔𝒂𝒅 𝒂𝒏𝒅 𝒄𝒐𝒏𝒇𝒖𝒔𝒆𝒅 𝒂𝒏𝒅 𝒇𝒓𝒖𝒔𝒕𝒓𝒂𝒕𝒆𝒅 𝒂𝒏𝒅 𝒔𝒆𝒂𝒓𝒄𝒉𝒊𝒏𝒈 𝒇𝒐𝒓 𝒂𝒏𝒔𝒘𝒆𝒓𝒔.
แจ็คกี้ นี่คือปัญหา และความเศร้าโศกครั้งใหญ่ คุณมีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะรู้สึกในแบบที่คุณรู้สึก คุณอาจจะทั้งโกรธ เศร้า สับสน หงุดหงิด ท้อแท้และสิ้นหวัง รวมถึงต้องการรู้คำตอบ
𝑻𝒉𝒆 𝒇𝒊𝒓𝒔𝒕 𝒕𝒉𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝑰 𝒘𝒂𝒏𝒕 𝒕𝒐 𝒂𝒅𝒗𝒊𝒔𝒆 𝒊𝒔 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒚𝒐𝒖 𝒂𝒍𝒍𝒐𝒘 𝒚𝒐𝒖𝒓𝒔𝒆𝒍𝒇 𝒕𝒐 𝒉𝒂𝒗𝒆 𝒂𝒍𝒍 𝒕𝒉𝒆 𝒇𝒆𝒆𝒍𝒊𝒏𝒈𝒔 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒚𝒐𝒖 𝒂𝒓𝒆 𝒉𝒂𝒗𝒊𝒏𝒈 𝒘𝒊𝒕𝒉𝒐𝒖𝒕 𝒕𝒓𝒚𝒊𝒏𝒈 𝒂𝒕 𝒂𝒏𝒚 𝒍𝒆𝒗𝒆𝒍 𝒕𝒐 𝒄𝒐𝒏𝒕𝒓𝒐𝒍 𝒐𝒓 𝒓𝒆𝒈𝒖𝒍𝒂𝒕𝒆 𝒐𝒓 𝒍𝒊𝒎𝒊𝒕 𝒐𝒓 𝒓𝒆𝒔𝒕𝒓𝒊𝒄𝒕 𝒕𝒉𝒆𝒎. 𝑱𝒖𝒔𝒕 𝒉𝒂𝒗𝒆 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒇𝒆𝒆𝒍𝒊𝒏𝒈𝒔 𝒂𝒏𝒅 𝒍𝒆𝒕 𝒕𝒉𝒆𝒎 𝒃𝒆 𝒘𝒉𝒂𝒕 𝒕𝒉𝒆𝒚 𝒂𝒓𝒆 𝒇𝒓𝒐𝒎 𝒎𝒐𝒎𝒆𝒏𝒕 𝒕𝒐 𝒎𝒐𝒎𝒆𝒏𝒕.
สิ่งแรกที่ผมต้องการจะแนะนำก็คือ คุณควรปล่อยให้ตัวเองมีความรู้สึกทั้งหมดโดยไม่ต้องพยายามหักห้าม ควบคุม บังคับหรือจำกัดมันในทุกระดับ แค่มีความรู้สึกของคุณและปล่อยให้มันเป็นอย่างที่เป็นอยู่สักระยะเวลาหนึ่ง
𝑰𝒕 𝒊𝒔 𝒓𝒆𝒎𝒂𝒓𝒌𝒂𝒃𝒍𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒚𝒐𝒖 𝒔𝒉𝒐𝒖𝒍𝒅 𝒑𝒓𝒆𝒔𝒆𝒏𝒕 𝒎𝒆 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒒𝒖𝒆𝒔𝒕𝒊𝒐𝒏 𝒕𝒐𝒅𝒂𝒚, 𝒃𝒆𝒄𝒂𝒖𝒔𝒆 𝑰 𝒂𝒎 𝒋𝒖𝒔𝒕 𝒏𝒐𝒘 𝒃𝒓𝒊𝒏𝒈𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒉𝒓𝒐𝒖𝒈𝒉 𝒎𝒚 𝒏𝒆𝒙𝒕 𝑪𝒘𝑮 𝒅𝒊𝒂𝒍𝒐𝒈𝒖𝒆 𝒃𝒐𝒐𝒌, 𝒄𝒂𝒍𝒍𝒆𝒅 𝑯𝒐𝒎𝒆 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝑮𝒐𝒅 𝒊𝒏 𝒂 𝑳𝒊𝒇𝒆 𝑻𝒉𝒂𝒕 𝑵𝒆𝒗𝒆𝒓 𝑬𝒏𝒅𝒔.
𝑨𝒏𝒅 𝒊𝒏 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒃𝒐𝒐𝒌 𝑰 𝒘𝒂𝒔 𝒋𝒖𝒔𝒕 𝒏𝒐𝒘 𝒆𝒙𝒑𝒍𝒐𝒓𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒊𝒅𝒆𝒂 𝒐𝒇 𝒕𝒉𝒆 𝒔𝒐𝒖𝒍 𝒄𝒉𝒐𝒐𝒔𝒊𝒏𝒈 𝒘𝒉𝒆𝒏 𝒊𝒕 𝒊𝒔 𝒈𝒐𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒐 𝒍𝒆𝒂𝒗𝒆 𝒕𝒉𝒆 𝒃𝒐𝒅𝒚 𝒂𝒏𝒅 𝒓𝒆𝒕𝒖𝒓𝒏 𝑯𝒐𝒎𝒆.
เป็นเรื่องน่าทึ่งที่คุณนำเสนอคำถามนี้ให้กับผมในวันนี้ เพราะผมกำลังเขียนหนังสือในชุดบทสนทนากับพระเจ้าเล่มใหม่ที่มีชื่อว่า “การหวนคืนสู่พระเจ้ากับชีวิตนิรันดร์ที่ไม่มีวันสูญสิ้น” อยู่ในขณะนี้ และในหนังสือเล่มนั้น ผมเพิ่งจะได้สำรวจถึงแนวคิดที่ว่าวิญญาณเป็นคนเลือกเองว่าจะออกจากร่างและกลับบ้านเมื่อใด
𝑨𝒏𝒅 𝒚𝒆𝒔, 𝒊𝒕 𝒊𝒔 𝒕𝒓𝒖𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒊𝒏 𝒕𝒉𝒆 𝒍𝒂𝒕𝒆𝒔𝒕 𝑪𝒘𝑮 𝒃𝒐𝒐𝒌 𝒂𝒔 𝒊𝒏 𝒂𝒍𝒍 𝒕𝒉𝒆 𝑶𝒕𝒉𝒆𝒓𝒔, 𝑮𝒐𝒅 𝒊𝒔 𝒕𝒆𝒍𝒍𝒊𝒏𝒈 𝒖𝒔 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒏𝒐𝒃𝒐𝒅𝒚 𝒅𝒊𝒆𝒔 𝒂𝒕 𝒂 𝒕𝒊𝒎𝒆 𝒐𝒓 𝒊𝒏 𝒂 𝒘𝒂𝒚 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒊𝒔 𝒏𝒐𝒕 𝒐𝒇 𝒉𝒊𝒔 𝒐𝒓 𝒉𝒆𝒓 𝒐𝒘𝒏 𝒄𝒉𝒐𝒐𝒔𝒊𝒏𝒈.
𝒀𝒆𝒕 𝑮𝒐𝒅 𝒂𝒍𝒔𝒐 𝒎𝒂𝒌𝒆𝒔 𝒊𝒕 𝒄𝒍𝒆𝒂𝒓 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒎𝒂𝒚 𝒏𝒐𝒕 𝒃𝒆 𝒂 𝒄𝒐𝒏𝒔𝒄𝒊𝒐𝒖𝒔 𝒄𝒉𝒐𝒊𝒄𝒆, 𝒃𝒖𝒕 𝒎𝒂𝒚 𝒉𝒂𝒗𝒆 𝒃𝒆𝒆𝒏 𝒄𝒉𝒐𝒔𝒆𝒏 𝒂𝒕 𝒂 𝒍𝒆𝒗𝒆𝒍 𝒐𝒇 𝒂𝒘𝒂𝒓𝒆𝒏𝒆𝒔𝒔 𝒕𝒐 𝒘𝒉𝒊𝒄𝒉 𝒐𝒏𝒍𝒚 𝒕𝒉𝒆 𝑺𝒐𝒖𝒍 𝒉𝒂𝒔 𝒂𝒄𝒄𝒆𝒔𝒔.
และใช่ มันเป็นความจริงที่ในหนังสือเล่มล่าสุดของบทสนทนากับพระเจ้า เช่นเดียวกับหนังสือเล่มอื่นๆทั้งหมด พระเจ้ากำลังบอกกับเราว่าไม่มีใครตายในเวลาหรือในลักษณะที่เขาไม่ได้เป็นคนเลือกเอง แต่ทว่าพระเจ้าก็ยังบอกเอาไว้อย่างชัดเจนด้วยว่านั่นอาจจะไม่ใช่การเลือกในระดับของจิตสำนึกตามปกติ แต่อาจเป็นการเลือกในระดับของจิตสำนึกที่ซึ่งมีเพียงวิญญาณเท่านั้นที่เข้าถึงได้
𝑰𝒇 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒊𝒔 𝒕𝒉𝒆 𝒄𝒂𝒔𝒆, 𝒊𝒕 𝒘𝒐𝒖𝒍𝒅 𝒎𝒆𝒂𝒏 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒇𝒊𝒂𝒏𝒄e` 𝒅𝒊𝒅 𝒏𝒐𝒕 𝒄𝒉𝒐𝒐𝒔𝒆 𝒂𝒕 𝒂 𝒄𝒐𝒏𝒔𝒄𝒊𝒐𝒖𝒔 𝒍𝒆𝒗𝒆𝒍 𝒕𝒐 𝒅𝒊𝒆 𝒘𝒉𝒆𝒏 𝒉𝒆 𝒅𝒊𝒅. 𝑨𝒕 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒍𝒆𝒗𝒆𝒍, 𝒉𝒊𝒔 𝒅𝒆𝒂𝒕𝒉 𝒎𝒂𝒚 𝒉𝒂𝒗𝒆 𝒃𝒆𝒆𝒏 𝒂𝒔 𝒎𝒖𝒄𝒉 𝒂 𝒔𝒖𝒓𝒑𝒓𝒊𝒔𝒆 𝒕𝒐 𝒉𝒊𝒎 𝒂𝒔 𝒊𝒕 𝒘𝒂𝒔 𝒕𝒐 𝒚𝒐𝒖. 𝑰 𝒔𝒖𝒔𝒑𝒆𝒄𝒕 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒊𝒕 𝒘𝒂𝒔. 𝑰 𝒅𝒐 𝒏𝒐𝒕 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒇𝒊𝒂𝒏𝒄e' 𝒄𝒐𝒏𝒔𝒄𝒊𝒐𝒖𝒔𝒍𝒚 𝒄𝒉𝒐𝒔𝒆 𝒕𝒐 𝒍𝒆𝒂𝒗𝒆 𝒚𝒐𝒖.
หากเป็นในกรณีนี้ นั่นก็หมายความว่าคู่หมั้นของคุณไม่ได้เลือกที่จะตายในระดับของจิตสำนึกตามปกติ ที่ระดับจิตสำนึกตามปกติ การตายของเขาอาจทำให้เขารู้สึกประหลาดใจพอๆกับที่คุณรู้สึกเช่นเดียวกัน ผมคาดว่ามันคงเป็นเช่นนั้น ผมไม่เชื่อว่าคู่หมั้นของคุณเลือกที่จะไปจากคุณโดยเจตนา
𝑰𝒕 𝒊𝒔 𝒕𝒓𝒖𝒆 𝒊𝒏 𝒎𝒚 𝒂𝒘𝒂𝒓𝒆𝒏𝒆𝒔𝒔 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒔𝒐𝒎𝒆𝒕𝒊𝒎𝒆𝒔 𝒕𝒉𝒆 𝑺𝒐𝒖𝒍 𝒄𝒉𝒐𝒐𝒔𝒆𝒔 𝒕𝒉𝒊𝒏𝒈𝒔 𝒂𝒕 𝒂 𝒔𝒖𝒃𝒄𝒐𝒏𝒔𝒄𝒊𝒐𝒖𝒔 𝒐𝒓 𝒂 𝒔𝒖𝒑𝒆𝒓-𝒄𝒐𝒏𝒔𝒄𝒊𝒐𝒖𝒔 𝒍𝒆𝒗𝒆𝒍 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒊𝒕 𝒘𝒐𝒖𝒍𝒅 𝒏𝒆𝒗𝒆𝒓 𝒄𝒉𝒐𝒐𝒔𝒆 𝒂𝒕 𝒂 𝒄𝒐𝒏𝒔𝒄𝒊𝒐𝒖𝒔 𝒍𝒆𝒗𝒆𝒍, 𝒂𝒏𝒅 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒊𝒕 𝒅𝒐𝒆𝒔 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒊𝒏 𝒐𝒓𝒅𝒆𝒓 𝒕𝒐 𝒇𝒖𝒍𝒇𝒊𝒍𝒍 𝒊𝒕𝒔 𝑳𝒂𝒓𝒈𝒆𝒓 𝑨𝒈𝒆𝒏𝒅𝒂. 𝑫𝒚𝒊𝒏𝒈 𝒏𝒆𝒂𝒓𝒍𝒚 𝒂𝒍𝒘𝒂𝒚𝒔 𝒇𝒂𝒍𝒍𝒔 𝒊𝒏𝒕𝒐 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒄𝒂𝒕𝒆𝒈𝒐𝒓𝒚.
มันเป็นความจริงในการตระหนักรู้ของผมที่ว่าบางครั้งวิญญาณก็เลือกสิ่งต่างๆในระดับของจิตใต้สำนึกหรือในระดับของจิตเหนือสำนึก ซึ่งไม่ได้เป็นการเลือกในระดับของจิตสำนึกตามปกติ วิญญาณเลือกทำสิ่งนี้ก็เพื่อให้บรรลุถึงวาระหรือแผนการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่า และการตายก็มักจะอยู่ในหมวดหมู่นี้เสมอ
𝑽𝒆𝒓𝒚 𝒇𝒆𝒘 𝒑𝒆𝒐𝒑𝒍𝒆 𝒄𝒉𝒐𝒐𝒔𝒆 𝒕𝒐 𝒅𝒊𝒆 𝒘𝒉𝒆𝒏 𝒂𝒏𝒅 𝒘𝒉𝒆𝒓𝒆 𝒂𝒏𝒅 𝒉𝒐𝒘 𝒕𝒉𝒆𝒚 𝒅𝒐, 𝒄𝒐𝒏𝒔𝒄𝒊𝒐𝒖𝒔𝒍𝒚. 𝑰 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝑪𝒉𝒓𝒊𝒔𝒕 𝒅𝒊𝒅. 𝑰 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒕𝒉𝒆 𝑩𝒖𝒅𝒅𝒉𝒂 𝒅𝒊𝒅. 𝑰 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒐𝒕𝒉𝒆𝒓 𝒔𝒐𝒖𝒍𝒔 𝒉𝒂𝒗𝒆 𝒅𝒐𝒏𝒆 𝒔𝒐, 𝒃𝒖𝒕 𝑰 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒄𝒊𝒓𝒄𝒖𝒎𝒔𝒕𝒂𝒏𝒄𝒆 𝒊𝒔 𝒗𝒆𝒓𝒚 𝒓𝒂𝒓𝒆.
เพราะน้อยคนนักที่จะเลือกได้อย่างมีสติรู้สึกตัวว่าตนเองจะตายเมื่อไหร่ ที่ไหน และอย่างไร ผมเชื่อว่าพระเยซูและพระพุทธเจ้าสามารถทำเช่นนั้นได้ และผมก็เชื่อว่าวิญญาณของใครบางคนก็อาจทำแบบนั้นได้เช่นกัน แต่ทว่าสถานการณ์เช่นนั้นก็เกิดขึ้นได้ยากมาก★
1
★พวกเราชาวพุทธคงเคยได้ยินกันมาบ้างว่า มีครูบาอาจารย์บางท่านที่รู้ล่วงหน้าถึงวันตายของตัวเอง นั่นแหละครับ เพราะท่านเป็นคนเลือกเองอย่างมีสติรู้สึกตัว ว่าวันนั้น เวลานั้น ด้วยวิธีการนั้น (สำหรับลูกศิษย์ที่ยังอยู่เพื่อจัดการเรื่องราวต่างๆในภายหลัง) เหมาะสมที่สุดแล้วในการจากไปของท่าน –ผู้แปล–
𝑻𝒓𝒚, 𝒕𝒉𝒆𝒓𝒆𝒇𝒐𝒓𝒆, 𝒏𝒐𝒕 𝒕𝒐 𝒃𝒆 𝒕𝒐𝒐 𝒂𝒏𝒈𝒓𝒚 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒇𝒊𝒂𝒏𝒄e`, 𝒃𝒖𝒕 𝒓𝒂𝒕𝒉𝒆𝒓, 𝒂𝒍𝒍𝒐𝒘 𝒚𝒐𝒖𝒓𝒔𝒆𝒍𝒇 𝒕𝒐 𝒅𝒊𝒓𝒆𝒄𝒕 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒂𝒏𝒈𝒆𝒓 𝒕𝒐𝒘𝒂𝒓𝒅 𝒕𝒉𝒆 𝒄𝒊𝒓𝒄𝒖𝒎𝒔𝒕𝒂𝒏𝒄𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒕𝒐𝒐𝒌 𝒉𝒊𝒎 𝒂𝒘𝒂𝒚 𝒇𝒓𝒐𝒎 𝒚𝒐𝒖 𝒋𝒖𝒔𝒕 𝒂𝒔 𝒚𝒐𝒖 𝒘𝒆𝒓𝒆 𝒓𝒆𝒂𝒍𝒍𝒚 𝒃𝒆𝒈𝒊𝒏𝒏𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒐 𝒆𝒏𝒋𝒐𝒚 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒍𝒊𝒇𝒆 𝒕𝒐𝒈𝒆𝒕𝒉𝒆𝒓.
𝑰 𝒅𝒆𝒆𝒑𝒍𝒚 𝒖𝒏𝒅𝒆𝒓𝒔𝒕𝒂𝒏𝒅 𝒂𝒏𝒅 𝒂𝒑𝒑𝒓𝒆𝒄𝒊𝒂𝒕𝒆 𝒉𝒐𝒘 𝒅𝒆𝒗𝒂𝒔𝒕𝒂𝒕𝒆𝒅 𝒚𝒐𝒖 𝒂𝒓𝒆, 𝒂𝒏𝒅 𝒂𝒔 𝑰 𝒔𝒂𝒊𝒅, 𝒚𝒐𝒖 𝒉𝒂𝒗𝒆 𝒂 𝒓𝒊𝒈𝒉𝒕 𝒕𝒐 𝒃𝒆.
ดังนั้น พยายามอย่าโกรธคู่หมั้นของคุณมากจนเกินไป แต่จงหันเหความโกรธของตัวเองไปที่สถานการณ์ที่พรากเขาไปจากคุณแทน เพราะคุณกำลังเริ่มที่จะมีความสุขกับชีวิตคู่แล้วจริงๆ แต่คุณกลับต้องสูญเสียสิ่งนั้นไป ซึ่งผมเข้าใจอย่างสุดซึ้งและเล็งเห็นได้ว่าคุณเศร้าโศกเสียใจมากเพียงใด และอย่างที่ผมได้พูดไป คุณมีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะรู้สึกเช่นนั้น
𝑰𝒏 𝒕𝒆𝒓𝒎𝒔 𝒐𝒇 𝒖𝒏𝒅𝒆𝒓𝒔𝒕𝒂𝒏𝒅𝒊𝒏𝒈 𝒂𝒍𝒍 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒉𝒂𝒔 𝒉𝒂𝒑𝒑𝒆𝒏𝒆𝒅, 𝒉𝒐𝒘𝒆𝒗𝒆𝒓, 𝑰 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒊𝒕 𝒊𝒔 𝒑𝒐𝒔𝒔𝒊𝒃𝒍𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒐𝒏𝒆 𝒐𝒇 𝒕𝒉𝒆 𝒈𝒐𝒂𝒍𝒔 𝒐𝒇 𝒕𝒉𝒆 𝒔𝒐𝒖𝒍 𝒐𝒇 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒇𝒊𝒂𝒏𝒄e' 𝒘𝒂𝒔 𝒕𝒐 𝒆𝒙𝒑𝒆𝒓𝒊𝒆𝒏𝒄𝒆 𝒊𝒕𝒔𝒆𝒍𝒇 𝒊𝒏 𝑷𝒆𝒓𝒇𝒆𝒄𝒕 𝑼𝒏𝒊𝒐𝒏 𝒂𝒏𝒅 𝑾𝒐𝒏𝒅𝒆𝒓𝒇𝒖𝒍 𝑹𝒆𝒍𝒂𝒕𝒊𝒐𝒏𝒔𝒉𝒊𝒑,
𝒂𝒇𝒕𝒆𝒓 𝒎𝒂𝒏𝒚 𝒂𝒕𝒕𝒆𝒎𝒑𝒕𝒔 𝒊𝒏 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒍𝒊𝒇𝒆𝒕𝒊𝒎𝒆, 𝒂𝒏𝒅 𝒎𝒂𝒏𝒚 𝒂𝒕𝒕𝒆𝒎𝒑𝒕𝒔 𝒊𝒏 𝒑𝒓𝒆𝒗𝒊𝒐𝒖𝒔 𝒍𝒊𝒇𝒆𝒕𝒊𝒎𝒆𝒔 𝒂𝒔 𝒘𝒆𝒍𝒍. 𝑰 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒇𝒊𝒂𝒏𝒄e 𝒘𝒂𝒔 𝒂 𝒈𝒊𝒇𝒕 𝒕𝒐 𝒚𝒐𝒖—𝒂𝒏𝒅 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒚𝒐𝒖 𝒘𝒆𝒓𝒆 𝒂𝒏 𝒆𝒗𝒆𝒏 𝒎𝒐𝒓𝒆 𝒆𝒙𝒕𝒓𝒂𝒐𝒓𝒅𝒊𝒏𝒂𝒓𝒚 𝒈𝒊𝒇𝒕 𝒕𝒐 𝒉𝒊𝒎. 𝒀𝒐𝒖 𝒘𝒆𝒓𝒆 𝒘𝒉𝒂𝒕 𝒉𝒆, 𝒕𝒐𝒐, 𝒉𝒂𝒅 𝒃𝒆𝒆𝒏 𝒔𝒆𝒂𝒓𝒄𝒉𝒊𝒏𝒈 𝒇𝒐𝒓.
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ผมเชื่อว่ามันเป็นไปได้ที่หนึ่งในเป้าหมายของวิญญาณของคู่หมั้นคุณคือการให้ตัวเขาได้มีประสบการณ์ถึงการมีคู่ครองที่สมบูรณ์แบบและการมีความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยม หลังจากที่เขาพยายามมีประสบการณ์เช่นนั้นมาแล้วหลายครั้งในชาตินี้ และอีกหลายครั้งในชาติก่อนๆด้วย ผมเชื่อว่าคู่หมั้นของคุณคือของขวัญสำหรับคุณ —และคุณคือของขวัญที่พิเศษยิ่งกว่าสำหรับเขา ซึ่งคุณก็คือคนที่ตัวเขาเองก็ตามหาอยู่เช่นกัน (คือคนที่เขาหวังว่าสักวันจะได้พบและได้ใช้ชีวิตร่วมกัน)
𝑰 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆 𝒚𝒐𝒖 𝒆𝒏𝒕𝒆𝒓𝒆𝒅 𝒉𝒊𝒔 𝒍𝒊𝒇𝒆 𝒂𝒔 𝒑𝒂𝒓𝒕 𝒐𝒇 𝒂 '𝒄𝒐𝒏𝒕𝒓𝒂𝒄𝒕' 𝒐𝒓 '𝒂𝒈𝒓𝒆𝒆𝒎𝒆𝒏𝒕,' 𝒂𝒍𝒍𝒐𝒘𝒊𝒏𝒈 𝒉𝒊𝒎 𝒕𝒐 𝒆𝒙𝒑𝒆𝒓𝒊𝒆𝒏𝒄𝒆 𝒉𝒊𝒎𝒔𝒆𝒍𝒇, 𝒂𝒕 𝒍𝒂𝒔𝒕, 𝒂𝒔 𝒎𝒖𝒄𝒉, 𝒎𝒖𝒄𝒉 𝒎𝒐𝒓𝒆 𝒐𝒇 𝑾𝒉𝒐 𝒉𝒆 𝑹𝒆𝒂𝒍𝒍𝒚 𝑰𝒔.
𝑰 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒉𝒆 𝒇𝒆𝒍𝒕 𝒎𝒐𝒓𝒆 '𝒉𝒊𝒎𝒔𝒆𝒍𝒇' 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒚𝒐𝒖 𝒕𝒉𝒂𝒏 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒂𝒏𝒚𝒐𝒏𝒆 𝒆𝒍𝒔𝒆 𝒉𝒆 𝒘𝒂𝒔 𝒆𝒗𝒆𝒓 𝒘𝒊𝒕𝒉. 𝑵𝒐𝒕 𝒐𝒏𝒍𝒚 𝒊𝒏 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒍𝒊𝒇𝒆𝒕𝒊𝒎𝒆, 𝒃𝒖𝒕, 𝒑𝒆𝒓𝒉𝒂𝒑𝒔, 𝒊𝒏 𝒎𝒂𝒏𝒚, 𝒎𝒂𝒏𝒚 𝒍𝒊𝒇𝒆𝒕𝒊𝒎𝒆𝒔.
ผมเชื่อว่าคุณเข้ามาในชีวิตของเขาในฐานะส่วนหนึ่งของ 'พันธะสัญญา' หรือ 'ข้อตกลง' (ที่คุณทั้งคู่มีร่วมกัน) ซึ่งจะทำให้ตัวเขาได้รับประสบการณ์ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาได้มากขึ้น และมากขึ้นได้ในท้ายที่สุด ผมเชื่อว่าเขารู้สึก “เป็นตัวของตัวเอง” กับคุณมากกว่าคนอื่นๆที่เขาเคยอยู่ด้วย ไม่ใช่แค่ในชีวิตนี้เท่านั้น แต่บางที อาจจะในหลายๆชาติภพด้วย
𝑻𝒉𝒊𝒔 𝒎𝒂𝒚 𝒂𝒍𝒍 𝒃𝒆 𝒂 𝒍𝒊𝒕𝒕𝒍𝒆 𝒉𝒂𝒓𝒅 𝒕𝒐 𝒕𝒂𝒌𝒆, 𝑱𝒂𝒄𝒌𝒊𝒆, 𝒐𝒏 𝒂 𝒉𝒖𝒎𝒂𝒏 𝒍𝒆𝒗𝒆𝒍—𝒔𝒐 𝑰 𝒂𝒎 𝒈𝒐𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒐 𝒂𝒔𝒌 𝒚𝒐𝒖 𝒕𝒐 𝒔𝒆𝒆 𝒊𝒇 𝒚𝒐𝒖 𝒄𝒂𝒏 '𝒋𝒖𝒎𝒑' 𝒕𝒐 𝒂 𝒗𝒆𝒓𝒚 𝒉𝒊𝒈𝒉 𝒔𝒑𝒊𝒓𝒊𝒕𝒖𝒂𝒍 𝒍𝒆𝒗𝒆𝒍 𝒕𝒐 𝒖𝒏𝒅𝒆𝒓𝒔𝒕𝒂𝒏𝒅 𝒘𝒉𝒂𝒕 𝑰 𝒂𝒎 𝒈𝒐𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒐 𝒔𝒂𝒚 𝒏𝒆𝒙𝒕 𝑰 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆 𝒊𝒕 𝒊𝒔 𝒑𝒐𝒔𝒔𝒊𝒃𝒍𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒇𝒊𝒂𝒏𝒄e 𝒅𝒊𝒆𝒅 𝒐𝒇 𝒉𝒂𝒑𝒑𝒊𝒏𝒆𝒔𝒔.
แจ็คกี้ ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นเรื่องยากไปสักหน่อยในระดับความรู้ความเข้าใจของมนุษย์ — ดังนั้น ผมจึงจะขอให้คุณลอง “กระโดด” ไปสู่ระดับที่สูงมากของมุมมองทางจิตวิญญาณ หากคุณสามารถ เพื่อคุณจะได้เข้าใจถึงสิ่งที่ผมกำลังจะพูดต่อไปนี้ได้หรือไม่ เพราะผมเชื่อว่ามันเป็นไปได้ที่คู่หมั้นของคุณเสียชีวิตลงอย่างมีความสุข
𝒀𝒐𝒖 𝒂𝒓𝒆 𝒓𝒊𝒈𝒉𝒕, 𝑱𝒂𝒄𝒌𝒊𝒆, 𝒉𝒆 𝒏𝒆𝒗𝒆𝒓 𝒅𝒊𝒅 𝒉𝒂𝒗𝒆 𝒂 𝒔𝒆𝒓𝒊𝒐𝒖𝒔𝒍𝒚 𝒊𝒍𝒍 𝒅𝒂𝒚 𝒊𝒏 𝒉𝒊𝒔 𝒍𝒊𝒇𝒆. 𝑯𝒆 𝒘𝒂𝒔 𝒊𝒏 𝒈𝒐𝒐𝒅 𝒄𝒐𝒏𝒅𝒊𝒕𝒊𝒐𝒏, 𝒉𝒆 𝒅𝒊𝒅 𝒉𝒂𝒗𝒆 𝒉𝒊𝒔 𝒄𝒉𝒆𝒄𝒌𝒖𝒑𝒔 𝒓𝒆𝒈𝒖𝒍𝒂𝒓𝒍𝒚, 𝒆𝒕𝒄, 𝒂𝒏𝒅 𝒕𝒉𝒆𝒓𝒆 𝒘𝒂𝒔 𝒏𝒐 𝒆𝒂𝒓𝒕𝒉𝒍𝒚 𝒓𝒆𝒂𝒔𝒐𝒏 𝒇𝒐𝒓 𝒉𝒊𝒎 𝒕𝒐 𝒅𝒊𝒆 𝒔𝒐 𝒔𝒖𝒅𝒅𝒆𝒏𝒍𝒚. 𝑻𝒉𝒆𝒓𝒆 𝒎𝒂𝒚, 𝒉𝒐𝒘𝒆𝒗𝒆𝒓, 𝒉𝒂𝒗𝒆 𝒃𝒆𝒆𝒏 𝒂 𝒔𝒑𝒊𝒓𝒊𝒕𝒖𝒂𝒍 𝒓𝒆𝒂𝒔𝒐𝒏.
คุณพูดถูก แจ็คกี้ เขาไม่เคยป่วยหนักเลยสักครั้งในชีวิต เขามีสุขภาพที่ดี เขาไปตรวจร่างกายอยู่เป็นประจำ และ ฯลฯ และไม่มีเหตุผลทางโลกใดๆที่จะทำให้เขาเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน อย่างไรก็ตาม มันอาจมีเหตุผลทางจิตวิญญาณอยู่
𝑯𝒆 𝒎𝒂𝒚, 𝒒𝒖𝒊𝒕𝒆 𝒔𝒊𝒎𝒑𝒍𝒚, 𝒉𝒂𝒗𝒆 𝒇𝒊𝒏𝒂𝒍𝒍𝒚 𝒇𝒊𝒏𝒊𝒔𝒉𝒆𝒅 𝒉𝒊𝒔 𝒆𝒂𝒓𝒕𝒉𝒍𝒚 𝒂𝒈𝒆𝒏𝒅𝒂—𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒉𝒆𝒍𝒑; 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒕𝒉𝒆 𝒂𝒔𝒔𝒊𝒔𝒕𝒂𝒏𝒄𝒆 𝒐𝒇 𝒚𝒐𝒖𝒓, 𝒕𝒉𝒆 𝒇𝒓𝒊𝒆𝒏𝒅𝒍𝒚 𝒔𝒐𝒖𝒍 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒕𝒉𝒆 𝒔𝒑𝒆𝒄𝒊𝒇𝒊𝒄 𝒊𝒏𝒕𝒆𝒏𝒕𝒊𝒐𝒏 𝒐𝒇 𝒑𝒓𝒐𝒗𝒊𝒅𝒊𝒏𝒈 𝒉𝒊𝒎 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒍𝒂𝒔𝒕 𝒂𝒔𝒔𝒊𝒔𝒕𝒂𝒏𝒄𝒆 𝒔𝒐 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒉𝒆 𝒄𝒐𝒖𝒍𝒅 𝒓𝒆𝒕𝒖𝒓𝒏 𝑯𝒐𝒎𝒆, 𝒂𝒏𝒅 𝒕𝒉𝒆𝒏 𝒎𝒐𝒗𝒆 𝒇𝒐𝒓𝒘𝒂𝒓𝒅 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒉𝒊𝒔 𝒆𝒗𝒐𝒍𝒖𝒕𝒊𝒐𝒏.
พูดง่ายๆก็คือ เขาอาจเสร็จสิ้นภารกิจทางโลกแล้ว—ด้วยความช่วยเหลือจากคุณ; ด้วยความช่วยเหลือจากคุณ ดวงวิญญาณผู้เป็นมิตรที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาที่มีจุดประสงค์อันเฉพาะเจาะจงในการให้ความช่วยเหลือครั้งสุดท้ายแก่เขา เพื่อที่เขาจะได้กลับบ้าน และจากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าในกระบวนการวิวัฒนาการของเขา
𝒀𝒐𝒖 𝒔𝒉𝒐𝒘𝒆𝒅 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒘𝒐𝒏𝒅𝒆𝒓𝒇𝒖𝒍 𝒎𝒂𝒏, 𝑱𝒂𝒄𝒌𝒊𝒆, 𝒋𝒖𝒔𝒕 𝒉𝒐𝒘 𝒘𝒐𝒏𝒅𝒆𝒓𝒇𝒖𝒍 𝒓𝒆𝒍𝒂𝒕𝒊𝒐𝒏𝒔𝒉𝒊𝒑 𝒄𝒐𝒖𝒍𝒅 𝒃𝒆, 𝒂𝒏𝒅 𝒋𝒖𝒔𝒕 𝒉𝒐𝒘 𝒘𝒐𝒏𝒅𝒆𝒓𝒇𝒖𝒍 𝑯𝑬 𝒄𝒐𝒖𝒍𝒅 𝒃𝒆 𝒊𝒏𝒔𝒊𝒅𝒆 𝒂 𝒓𝒆𝒍𝒂𝒕𝒊𝒐𝒏𝒔𝒉𝒊𝒑.
𝑨𝒔 𝑰 𝒔𝒂𝒊𝒅, 𝑱𝒂𝒄𝒌𝒊𝒆, 𝑰 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒓𝒆𝒍𝒂𝒕𝒊𝒐𝒏𝒔𝒉𝒊𝒑 𝒄𝒓𝒆𝒂𝒕𝒆𝒅 𝒂 𝒄𝒐𝒏𝒕𝒆𝒙𝒕 𝒘𝒊𝒕𝒉𝒊𝒏 𝒘𝒉𝒊𝒄𝒉 𝒉𝒆 𝒄𝒐𝒖𝒍𝒅 𝒉𝒂𝒗𝒆 𝒂𝒏 𝒆𝒙𝒑𝒆𝒓𝒊𝒆𝒏𝒄𝒆 𝒐𝒇 𝒉𝒊𝒎𝒔𝒆𝒍𝒇 𝒖𝒏𝒍𝒊𝒌𝒆 𝒂𝒏𝒚 𝒉𝒆 𝒉𝒂𝒅 𝒆𝒗𝒆𝒓 𝒉𝒂𝒅 𝒃𝒆𝒇𝒐𝒓𝒆.
แจ็คกี้ คุณได้แสดงให้ชายที่ยอดเยี่ยมคนนี้เห็นว่าความสัมพันธ์นั้นวิเศษเพียงใด และ “ตัวเขา” สามารถเป็นคนที่วิเศษได้มากเพียงใดภายในความสัมพันธ์นั้น (ในการได้ใช้ชีวิตคู่กับคุณ) อย่างที่ผมได้พูดไป แจ็คกี้ ผมเชื่อว่าความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่ได้สร้างบริบทภายใน (สภาพแวดล้อมอันเอื้ออำนวย) ที่ซึ่งทำให้เขาสามารถมีประสบการณ์ถึงตัวเองในแบบที่เขาไม่เคยมีมาก่อน
𝑰 𝒘𝒊𝒍𝒍 𝒈𝒐 𝒇𝒖𝒓𝒕𝒉𝒆𝒓. 𝑰 𝒂𝒎 𝒘𝒊𝒍𝒍𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒐 𝒃𝒆𝒕 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒉𝒆 𝒂𝒄𝒕𝒖𝒂𝒍𝒍𝒚 𝒕𝒐𝒍𝒅 𝒚𝒐𝒖 𝒕𝒉𝒊𝒔. 𝑰 𝒂𝒎 𝒔𝒊𝒕𝒕𝒊𝒏𝒈 𝒉𝒆𝒓𝒆 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒉𝒆 𝒂𝒄𝒕𝒖𝒂𝒍𝒍𝒚 𝒔𝒂𝒊𝒅 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒕𝒐 𝒚𝒐𝒖 𝒊𝒏 𝒔𝒐 𝒎𝒂𝒏𝒚 𝒘𝒐𝒓𝒅𝒔--𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒉𝒆 𝒏𝒆𝒗𝒆𝒓 𝒆𝒙𝒑𝒆𝒓𝒊𝒆𝒏𝒄𝒆𝒅 𝒉𝒊𝒎𝒔𝒆𝒍𝒇 𝒃𝒆𝒇𝒐𝒓𝒆 𝒕𝒉𝒆 𝒘𝒂𝒚 𝒉𝒆 𝒆𝒙𝒑𝒆𝒓𝒊𝒆𝒏𝒄𝒆𝒅 𝒉𝒊𝒎𝒔𝒆𝒍𝒇 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒚𝒐𝒖.
ผมจะไปไกลกว่านั้นอีก เพราะผมเดิมพันได้เลยว่าเขาต้องเคยพูดกับคุณแบบนั้นแน่ๆ ผมกำลังนั่งอยู่ที่นี่โดยเชื่อว่าเขาเคยพูดแบบนั้นกับคุณโดยการใช้คำพูดมากมายเพื่ออธิบายถึงความรู้สึกของเขา—ความรู้สึกที่ว่าเขาไม่เคยมีประสบการณ์ถึงตัวเองแบบนี้มาก่อนที่เขาจะได้มาพบกับคุณ
𝑨𝒏𝒅 𝒔𝒐, 𝑱𝒂𝒄𝒌𝒊𝒆, 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒇𝒊𝒂𝒏𝒄e 𝒍𝒆𝒇𝒕 𝒉𝒊𝒔 𝒃𝒐𝒅𝒚 𝒔𝒖𝒅𝒅𝒆𝒏𝒍𝒚, 𝒈𝒍𝒐𝒓𝒊𝒐𝒖𝒔𝒍𝒚 𝒄𝒆𝒍𝒆𝒃𝒓𝒂𝒕𝒊𝒏𝒈 𝒘𝒉𝒂𝒕 𝒉𝒆 𝒉𝒂𝒅 𝒇𝒐𝒖𝒏𝒅 𝒂𝒏𝒅 𝒘𝒉𝒂𝒕 𝒉𝒆 𝒉𝒂𝒅 𝒇𝒊𝒏𝒂𝒍𝒍𝒚 𝒆𝒙𝒑𝒆𝒓𝒊𝒆𝒏𝒄𝒆𝒅 𝒐𝒇 𝒉𝒊𝒎𝒔𝒆𝒍𝒇 𝒕𝒉𝒆 𝒇𝒖𝒍𝒍𝒏𝒆𝒔𝒔 𝒐𝒇 𝑾𝒉𝒐 𝒉𝒆 𝒊𝒔.
แม้ว่า แจ็คกี้ คู่หมั้นของคุณได้ออกจากร่างของเขาอย่างกระทันหัน แต่เขาก็เฉลิมฉลองอย่างรุ่งโรจน์ให้กับสิ่งที่เขาค้นพบ (ซึ่งก็คือคุณ) และชื่นชมยินดีกับสิ่งที่เขาได้ประสบกับตัวเอง นั่นคือความสมบูรณ์แบบของตัวตนที่เขาเป็น
𝑻𝒉𝒆 𝒈𝒓𝒆𝒂𝒕 𝒔𝒂𝒅𝒏𝒆𝒔𝒔 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒚𝒐𝒖 𝒂𝒓𝒆 𝒃𝒆𝒊𝒏𝒈 𝒂𝒔𝒌𝒆𝒅 𝒕𝒐 𝒃𝒆𝒂𝒓 𝒊𝒔 𝒂𝒍𝒍 𝒑𝒂𝒓𝒕 𝒐𝒇 𝒕𝒉𝒆 𝒆𝒏𝒐𝒓𝒎𝒐𝒖𝒔, 𝒖𝒏𝒔𝒑𝒆𝒂𝒌𝒂𝒃𝒍𝒚 𝒘𝒐𝒏𝒅𝒆𝒓𝒇𝒖𝒍 𝒂𝒏𝒅 𝒔𝒑𝒊𝒓𝒊𝒕𝒖𝒂𝒍𝒍𝒚 𝒈𝒆𝒏𝒆𝒓𝒐𝒖𝒔 𝒈𝒊𝒇𝒕 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒚𝒐𝒖 𝒉𝒂𝒗𝒆 𝒃𝒆𝒆𝒏 𝒊𝒏𝒗𝒊𝒕𝒆𝒅 𝒃𝒚 𝒍𝒊𝒇𝒆 𝒕𝒐 𝒈𝒊𝒗𝒆 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒗𝒆𝒓𝒚 𝒔𝒑𝒆𝒄𝒊𝒂𝒍 '𝒐𝒕𝒉𝒆𝒓'
(𝒘𝒉𝒊𝒄𝒉 𝒊𝒔 𝒓𝒆𝒂𝒍𝒍𝒚 𝒋𝒖𝒔𝒕 𝒂𝒏𝒐𝒕𝒉𝒆𝒓 𝒑𝒂𝒓𝒕 𝒐𝒇 𝒚𝒐𝒖) 𝒔𝒐 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒚𝒐𝒖, 𝒂𝒍𝒔𝒐, 𝒎𝒂𝒚 𝒌𝒏𝒐𝒘 𝑾𝒉𝒐 𝒀𝒐𝒖 𝑹𝒆𝒂𝒍𝒍𝒚 𝑨𝒓𝒆.
ความโศกเศร้าอันยิ่งใหญ่ที่คุณถูกร้องขอให้แบกรับนั้นเป็นส่วนหนึ่งของของขวัญอันล้ำค่าทางจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่และวิเศษที่สุดที่ไม่อาจพรรณนาได้ เป็นของขวัญที่คุณได้รับจากชีวิตของ 'ใครอีกคนที่พิเศษสุดนี้' (ที่ซึ่งจริงๆแล้วเขาก็เป็นอีกภาคส่วนหนึ่งของตัวคุณ) เพื่อที่คุณจะสามารถรับรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของคุณคือใครได้เช่นกัน
𝑭𝒐𝒓 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒇𝒊𝒂𝒏𝒄e 𝒈𝒂𝒗𝒆 𝒚𝒐𝒖 𝒂 𝒕𝒓𝒆𝒂𝒔𝒖𝒓𝒆 𝒂𝒔 𝒘𝒆𝒍𝒍 (𝑪𝒘𝑮 𝒔𝒂𝒚𝒔 '𝑨𝒍𝒍 𝒕𝒓𝒖𝒆 𝒃𝒆𝒏𝒆𝒇𝒊𝒕𝒔 𝒂𝒓𝒆 𝒎𝒖𝒕𝒖𝒂𝒍'), 𝒘𝒉𝒊𝒄𝒉 𝒊𝒔 𝒕𝒉𝒆 𝒌𝒏𝒐𝒘𝒍𝒆𝒅𝒈𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒚𝒐𝒖 𝒂𝒓𝒆 𝒄𝒂𝒑𝒂𝒃𝒍𝒆 𝒐𝒇 𝒈𝒊𝒗𝒊𝒏𝒈, 𝒓𝒆𝒄𝒆𝒊𝒗𝒊𝒏𝒈, 𝒂𝒏𝒅 𝒆𝒙𝒑𝒆𝒓𝒊𝒆𝒏𝒄𝒊𝒏𝒈 𝒂 𝒘𝒐𝒏𝒅𝒓𝒐𝒖𝒔 𝒍𝒐𝒗𝒆 𝒊𝒏 𝒉𝒖𝒎𝒂𝒏 𝒇𝒐𝒓𝒎
—𝒔𝒐𝒎𝒆𝒕𝒉𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒚𝒐𝒖 𝒉𝒂𝒗𝒆 𝒔𝒆𝒓𝒊𝒐𝒖𝒔𝒍𝒚 𝒃𝒆𝒈𝒖𝒏 𝒕𝒐 𝒅𝒐𝒖𝒃𝒕 𝒃𝒆𝒇𝒐𝒓𝒆 𝒉𝒆 𝒄𝒂𝒎𝒆 𝒂𝒍𝒐𝒏𝒈. 𝑯𝒊𝒔 𝒊𝒏𝒕𝒆𝒏𝒕𝒊𝒐𝒏, 𝒕𝒉𝒆𝒏, 𝒘𝒂𝒔 𝒕𝒐 𝒈𝒊𝒗𝒆 𝒚𝒐𝒖 𝒃𝒂𝒄𝒌 𝒕𝒐 𝒚𝒐𝒖𝒓𝒔𝒆𝒍𝒇. 𝑨𝒏𝒅 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒉𝒆 𝒅𝒊𝒅.
สำหรับคู่หมั้นของคุณ เขาก็ได้มอบสมบัติล้ำค่าอย่างอื่นให้กับคุณอีกเช่นกัน (หนังสือสนทนากับพระเจ้ากล่าวว่า “ผลประโยชน์ที่แท้จริงทั้งหมดนั้นคือการที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้รับประโยชน์ร่วมกัน”) นั่นคือความรู้ที่ทำให้คุณสามารถ 'ให้' 'รับ' และ 'มี ประสบการณ์ถึงความรักอันมหัศจรรย์ในร่างมนุษย์ได้'
– ซึ่งเป็นความรักที่คุณเริ่มเกิดความสงสัยอย่างจริงจังว่าความรักแบบนั้นจะมีอยู่จริงๆหรือก่อนที่เขาจะเข้ามา ความตั้งใจของเขาคือการคืนคุณกลับสู่ตัวคุณเอง คือการให้คุณได้กลับไปอยู่กับตัวเองอีกครั้ง และนั่นคือสิ่งที่เขาทำ★
★หลังจากที่เขาทำให้เธอได้มีประสบการณ์ถึงความสัมพันธ์อันยอดเยี่ยมหรือความรักอันน่ามหัศจรรย์เรียบร้อยแล้ว เขาจึงจากเธอไป ให้เธอได้กลับไปอยู่กับตัวเองอีกครั้ง แต่คราวนี้มันต่างไปแล้วจากการอยู่กับตัวเองก่อนหน้านี้ เพราะประสบการณ์ที่เธอได้รับจากการได้ใช้ชีวิตคู่กับเขา –ผู้แปล–
𝑨𝒏𝒅 𝒔𝒐, 𝒕𝒉𝒆 𝑫𝒊𝒗𝒊𝒏𝒆 𝑷𝒖𝒓𝒑𝒐𝒔𝒆 𝒇𝒐𝒓 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒓𝒆𝒍𝒂𝒕𝒊𝒐𝒏𝒔𝒉𝒊𝒑 𝒉𝒂𝒔 𝒃𝒆𝒆𝒏 𝒔𝒆𝒓𝒗𝒆𝒅 𝒂𝒏𝒅 𝒘𝒂𝒔 𝒄𝒐𝒎𝒑𝒍𝒆𝒕𝒆𝒅 𝒊𝒏 𝑫𝒊𝒗𝒊𝒏𝒆 𝑭𝒐𝒓𝒎 𝒂𝒏𝒅 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝑫𝒊𝒗𝒊𝒏𝒆 𝑻𝒊𝒎𝒊𝒏𝒈.
𝑻𝒉𝒆 𝒃𝒆𝒈𝒊𝒏𝒏𝒊𝒏𝒈 𝒐𝒇 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒓𝒆𝒍𝒂𝒕𝒊𝒐𝒏𝒔𝒉𝒊𝒑 𝒊𝒏 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒇𝒐𝒓𝒎 𝒘𝒂𝒔 𝒃𝒚 𝑫𝒊𝒗𝒊𝒏𝒆 𝑻𝒊𝒎𝒊𝒏𝒈 (𝒂𝒔 𝑰 𝒂𝒎 𝒔𝒖𝒓𝒆 𝒚𝒐𝒖 𝒌𝒏𝒐𝒘, 𝒃𝒆𝒄𝒂𝒖𝒔𝒆 𝑰 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆 𝒚𝒐𝒖 𝒃𝒐𝒕𝒉 𝒕𝒂𝒍𝒌𝒆𝒅 𝒂𝒃𝒐𝒖𝒕 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒐𝒇𝒕𝒆𝒏),
𝒂𝒏𝒅 𝒕𝒉𝒆 𝒆𝒏𝒅𝒊𝒏𝒈 𝒐𝒇 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒓𝒆𝒍𝒂𝒕𝒊𝒐𝒏𝒔𝒉𝒊𝒑 𝒊𝒏 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒇𝒓𝒐𝒎 𝒘𝒂𝒔 𝒆𝒒𝒖𝒂𝒍𝒍𝒚 𝒃𝒚 𝑫𝒊𝒗𝒊𝒏𝒆 𝑻𝒊𝒎𝒊𝒏𝒈, 𝒂𝒍𝒕𝒉𝒐𝒖𝒈𝒉 𝑰 𝒌𝒏𝒐𝒘 𝒊𝒕 𝒊𝒔 𝒗𝒆𝒓𝒚 𝒅𝒊𝒇𝒇𝒊𝒄𝒖𝒍𝒕 𝒕𝒐 𝒔𝒆𝒆 𝒐𝒓 𝒆𝒙𝒑𝒆𝒓𝒊𝒆𝒏𝒄𝒆 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒓𝒊𝒈𝒉𝒕 𝒏𝒐𝒘.
ด้วยเหตุนั้น จุดประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์ของความสัมพันธ์ของคุณได้รับใช้คุณและเสร็จสมบูรณ์แล้วในรูปแบบอันศักดิ์สิทธิ์และในจังหวะเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ของคุณในรูปแบบนี้เกิดขึ้นในจังหวะเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ (อย่างที่ผมแน่ใจได้ว่าตัวคุณเองก็รู้ดี เพราะผมเชื่อว่าคุณทั้งคู่พูดถึงเรื่องนี้กันอยู่บ่อยๆ) และการสิ้นสุดของความสัมพันธ์ของคุณในรูปแบบนี้ก็เกิดขึ้นในจังหวะเวลาอันศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน แม้ผมจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะเห็นหรือมีประสบการณ์แบบนั้นได้ในขณะนี้ก็ตาม
𝑰 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒚𝒐𝒖 𝒎𝒂𝒚 𝒃𝒆 𝒑𝒓𝒆𝒑𝒂𝒓𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒐 𝒔𝒆𝒓𝒗𝒆 𝒂𝒏 𝒆𝒗𝒆𝒏 𝒍𝒂𝒓𝒈𝒆𝒓 𝒂𝒈𝒆𝒏𝒅𝒂 𝒊𝒏 𝒕𝒉𝒆 𝒚𝒆𝒂𝒓𝒔 𝒂𝒉𝒆𝒂𝒅, 𝒖𝒔𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒆𝒙𝒑𝒆𝒓𝒊𝒆𝒏𝒄𝒆 𝒕𝒐 𝒃𝒓𝒊𝒏𝒈 𝒉𝒆𝒍𝒑 𝒂𝒏𝒅 𝒉𝒆𝒂𝒍𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒐 𝒐𝒕𝒉𝒆𝒓𝒔 𝒘𝒉𝒐 𝒇𝒊𝒏𝒅 𝒕𝒉𝒆𝒎𝒔𝒆𝒍𝒗𝒆𝒔 𝒊𝒏 𝒎𝒂𝒏𝒚 𝒅𝒊𝒇𝒇𝒆𝒓𝒆𝒏𝒕 𝒍𝒊𝒇𝒆 𝒔𝒊𝒕𝒖𝒂𝒕𝒊𝒐𝒏𝒔, 𝒆𝒂𝒄𝒉 𝒐𝒇 𝒘𝒉𝒊𝒄𝒉 𝒘𝒊𝒍𝒍 𝒃𝒆 𝒄𝒉𝒂𝒍𝒍𝒆𝒏𝒈𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒐 𝒕𝒉𝒆𝒎 𝒂𝒕 𝒂 𝒔𝒑𝒊𝒓𝒊𝒕𝒖𝒂𝒍 𝒍𝒆𝒗𝒆𝒍.
𝑰 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒚𝒐𝒖 𝒎𝒂𝒚 𝒃𝒆 𝒑𝒓𝒆𝒑𝒂𝒓𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒐 𝒎𝒐𝒗𝒆 𝒇𝒐𝒓𝒘𝒂𝒓𝒅 𝒊𝒏 𝒕𝒉𝒆 𝒋𝒐𝒚 𝒐𝒇 𝒈𝒊𝒗𝒊𝒏𝒈 𝒑𝒆𝒐𝒑𝒍𝒆 𝒃𝒂𝒄𝒌 𝒕𝒐 𝒕𝒉𝒆𝒎𝒔𝒆𝒍𝒗𝒆𝒔.
ผมเชื่อว่าเหตุการณ์นี้อาจกำลังเตรียมคุณให้พร้อมกับวาระหรือแผนการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าของชีวิตในปีถัดๆไปที่กำลังมาถึง โดยการใช้ประสบการณ์นี้ในการให้ความช่วยเหลือและรักษาเยียวยาจิตใจของผู้อื่น ที่พบว่าตนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ชีวิตที่คล้ายคลึงกันกับคุณ ที่แต่ละสถานการณ์ดังกล่าวเหล่านั้นจะท้าทายพวกเขาเป็นอย่างมากในระดับของจิตวิญญาณ ผมเชื่อว่าเหตุการณ์นี้อาจกำลังเตรียมคุณให้พร้อมที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยความยินดีในการให้ความช่วยเหลือผู้คนให้กลับไปอยู่กับตัวเองได้เช่นกัน (ด้วยความเข้าใจ)
𝑺𝒐𝒎𝒆 𝒐𝒇 𝒕𝒉𝒆𝒔𝒆 𝒐𝒕𝒉𝒆𝒓𝒔 𝒘𝒉𝒐𝒎 𝒚𝒐𝒖 𝒘𝒊𝒍𝒍 𝒆𝒏𝒄𝒐𝒖𝒏𝒕𝒆𝒓 𝒎𝒂𝒚 𝒃𝒆 𝒑𝒆𝒐𝒑𝒍𝒆 𝒘𝒉𝒐 𝒉𝒂𝒗𝒆 𝒍𝒐𝒔𝒕 𝒕𝒉𝒆𝒊𝒓 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒇 𝒊𝒏 𝒍𝒐𝒗𝒆, 𝒘𝒉𝒐 𝒕𝒉𝒊𝒏𝒌 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒕𝒉𝒆 𝒓𝒊𝒈𝒉𝒕 𝒂𝒏𝒅 𝒑𝒆𝒓𝒇𝒆𝒄𝒕 𝒓𝒆𝒍𝒂𝒕𝒊𝒐𝒏𝒔𝒉𝒊𝒑 𝒊𝒔 𝒔𝒊𝒎𝒑𝒍𝒚 𝒏𝒐𝒕 𝒑𝒐𝒔𝒔𝒊𝒃𝒍𝒆 𝒐𝒓 𝒐𝒑𝒆𝒏 𝒕𝒐 𝒕𝒉𝒆𝒎,
𝒂𝒏𝒅 𝒘𝒉𝒐 𝒕𝒉𝒊𝒏𝒌 𝒕𝒉𝒆𝒚 𝒘𝒐𝒖𝒍𝒅 𝒃𝒆 𝒃𝒆𝒕𝒕𝒆𝒓 𝒕𝒐 𝒋𝒖𝒔𝒕 𝒇𝒐𝒓𝒈𝒆𝒕 𝒕𝒉𝒆 𝒘𝒉𝒐𝒍𝒆 𝒊𝒅𝒆𝒂 𝒂𝒔 𝒂 𝒈𝒓𝒆𝒂𝒕 𝒉𝒐𝒂𝒙 𝒐𝒇 𝒕𝒉𝒆 𝒖𝒏𝒊𝒗𝒆𝒓𝒔𝒆. 𝒀𝒐𝒖 𝒘𝒊𝒍𝒍 𝒃𝒆 𝒂𝒃𝒍𝒆 𝒕𝒐 𝒕𝒆𝒍𝒍 𝒕𝒉𝒆𝒎 𝒅𝒊𝒇𝒇𝒆𝒓𝒆𝒏𝒕𝒍𝒚, 𝒂𝒏𝒅 𝒆𝒏𝒄𝒐𝒖𝒓𝒂𝒈𝒆 𝒕𝒉𝒆𝒎 𝒕𝒐 𝒓𝒆𝒎𝒂𝒊𝒏 𝒐𝒑𝒆𝒏, 𝒂𝒍𝒘𝒂𝒚𝒔, 𝒕𝒐 𝒕𝒉𝒆 𝒑𝒐𝒔𝒔𝒊𝒃𝒊𝒍𝒊𝒕𝒚.
ใครบางคนที่คุณจะได้พบในอนาคตอาจเป็นคนที่สูญเสียความเชื่อในความรักไปแล้ว ผู้ที่คิดว่าความสัมพันธ์ที่ใช่และสมบูรณ์แบบนั้นเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขา และผู้ที่คิดว่าพวกเขาควรลืมความคิดทั้งหมดที่เกี่ยวกับความรักแบบนั้นไปเสียจะดีกว่า เพราะความรักดังกล่าวก็เป็นแค่การหลอกลวงที่ยิ่งใหญ่ของจักรวาลเท่านั้น คุณจะสามารถบอกกับพวกเขาในแบบที่แตกต่างออกไปได้ ว่าความรักเช่นนั้นมีอยู่จริง (เพราะคุณได้ประสบกับตัวเองมาแล้ว) และกระตุ้นพวกเขาให้เปิดใจรับกับความเป็นไปได้อยู่เสมอ
𝑺𝒐𝒎𝒆 𝒐𝒇 𝒕𝒉𝒆𝒔𝒆 𝒐𝒕𝒉𝒆𝒓𝒔 𝒎𝒂𝒚 𝒃𝒆 𝒑𝒆𝒐𝒑𝒍𝒆 𝒘𝒉𝒐 𝒇𝒊𝒏𝒅 𝒕𝒉𝒆𝒎𝒔𝒆𝒍𝒗𝒆𝒔 𝒊𝒏 𝒔𝒖𝒅𝒅𝒆𝒏 𝒃𝒆𝒓𝒆𝒂𝒗𝒆𝒎𝒆𝒏𝒕 𝒘𝒉𝒐 𝒅𝒐 𝒏𝒐𝒕 𝒖𝒏𝒅𝒆𝒓𝒔𝒕𝒂𝒏𝒅 𝒂𝒏𝒅 𝒄𝒂𝒏𝒏𝒐𝒕 '𝒔𝒆𝒆 𝒕𝒉𝒆 𝒑𝒆𝒓𝒇𝒆𝒄𝒕𝒊𝒐𝒏' 𝒊𝒏 𝒕𝒉𝒆 𝒎𝒐𝒎𝒆𝒏𝒕 𝒂𝒕 𝒉𝒂𝒏𝒅, 𝒃𝒖𝒕 𝒐𝒏𝒍𝒚 𝒆𝒙𝒑𝒆𝒓𝒊𝒆𝒏𝒄𝒆 𝒕𝒉𝒆 𝒍𝒐𝒔𝒔 𝒂𝒏𝒅 𝒕𝒉𝒆 𝒑𝒂𝒊𝒏, 𝒂𝒏𝒅 𝒘𝒉𝒐 𝒎𝒂𝒚 𝒆𝒗𝒆𝒏 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒕𝒉𝒆𝒚 𝒔𝒊𝒎𝒑𝒍𝒚 𝒄𝒂𝒏𝒏𝒐𝒕 𝒈𝒐 𝒐𝒏.
คนเหล่านั้นบางคนอาจเป็นคนที่ได้ประสบกับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปอย่างกะทันหัน ซึ่งไม่เข้าใจ ไม่อาจทำใจให้ยอมรับ และไม่สามารถ 'มองเห็นถึงความสมบูรณ์แบบ' ของช่วงเวลานั้นได้ พวกเขาสัมผัสได้แต่เพียงความสูญเสียและความเจ็บปวดเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างดูมืดมนไปหมด พวกเขาอาจเกิดกระทั่งความเชื่อที่ว่าตนไม่สามารถที่จะไปต่อได้อีกแล้ว★
★ไม่สามารถข้ามผ่านเรื่องนี้ไปได้ จมอยู่กับความทุกข์ในเรื่องนี้ หรือ ไม่กล้ามีความรักอีก เพราะ “กลัว” ที่จะสูญเสียมันไปอีกครั้ง –ผู้แปล–
𝒀𝒐𝒖 𝒘𝒊𝒍𝒍 𝒃𝒆 𝒂𝒃𝒍𝒆 𝒕𝒐 𝒕𝒆𝒍𝒍 𝒕𝒉𝒆𝒎 𝒅𝒊𝒇𝒇𝒆𝒓𝒆𝒏𝒕𝒍𝒚, 𝒂𝒏𝒅 𝒆𝒏𝒄𝒐𝒖𝒓𝒂𝒈𝒆 𝒕𝒉𝒆𝒎 𝒕𝒐 𝒓𝒆𝒎𝒂𝒊𝒏 𝒐𝒑𝒆𝒏, 𝒂𝒍𝒘𝒂𝒚𝒔, 𝒕𝒐 𝒕𝒉𝒆 𝒏𝒆𝒙𝒕 𝒈𝒓𝒂𝒏𝒅 𝒈𝒊𝒇𝒕 𝒐𝒇 𝒍𝒊𝒇𝒆, 𝒂𝒏𝒅 𝒕𝒐 𝒕𝒉𝒆 𝒏𝒆𝒙𝒕 𝒆𝒙𝒕𝒓𝒂𝒐𝒓𝒅𝒊𝒏𝒂𝒓𝒚 𝒎𝒐𝒎𝒆𝒏𝒕 𝒐𝒇 𝒌𝒏𝒐𝒘𝒊𝒏𝒈 𝒂𝒏𝒅 𝒕𝒐 𝒆𝒙𝒑𝒓𝒆𝒔𝒔𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒉𝒆𝒊𝒓 𝒉𝒊𝒈𝒉𝒆𝒔𝒕 𝒏𝒐𝒕𝒊𝒐𝒏 𝒐𝒇 𝒕𝒉𝒆𝒎𝒔𝒆𝒍𝒗𝒆𝒔, 𝒐𝒇 𝑮𝒐𝒅, 𝒐𝒇 𝒍𝒐𝒗𝒆, 𝒂𝒏𝒅 𝒐𝒇 𝑾𝒉𝒐 𝑻𝒉𝒆𝒚 𝑹𝒆𝒂𝒍𝒍𝒚 𝑨𝒓𝒆.
คุณจะสามารถบอกพวกเขาในสิ่งที่ต่างออกไปได้ และกระตุ้นให้พวกเขายังคงเปิดใจให้กว้างอยู่เสมอเพื่อรอรับของขวัญแห่งชีวิตอันยิ่งใหญ่ครั้งต่อไป และรอรับช่วงเวลาอันสุดแสนพิเศษครั้งต่อไปในการได้รู้จักและได้แสดงออกถึงแนวคิดสูงสุดที่พวกเขามีเกี่ยวกับตัวเอง เกี่ยวกับพระเจ้า เกี่ยวกับความรัก และตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา
𝑶𝒇 𝒄𝒐𝒖𝒓𝒔𝒆, 𝒂𝒍𝒍 𝒐𝒇 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒊𝒔 𝒄𝒐𝒏𝒋𝒆𝒄𝒕𝒖𝒓𝒆 𝒐𝒏 𝒎𝒚 𝒑𝒂𝒓𝒕. 𝑰 𝒄𝒐𝒖𝒍𝒅 𝒃𝒆 '𝒎𝒂𝒌𝒊𝒏𝒈 𝒊𝒕 𝒂𝒍𝒍 𝒖𝒑,' 𝑱𝒂𝒄𝒌𝒊𝒆, 𝒂𝒏𝒅 𝑰 𝒂𝒅𝒎𝒊𝒕 𝒕𝒉𝒂𝒕. 𝑩𝒖𝒕 𝑰 𝒂𝒍𝒘𝒂𝒚𝒔 𝒔𝒆𝒆 𝒂 𝒍𝒂𝒓𝒈𝒆𝒓 𝒑𝒖𝒓𝒑𝒐𝒔𝒆 𝒂𝒏𝒅 𝒂 𝒍𝒂𝒓𝒈𝒆𝒓 𝒂𝒈𝒆𝒏𝒅𝒂 𝒂𝒕 𝒑𝒍𝒂𝒚 𝒊𝒏 𝒍𝒊𝒇𝒆'𝒔 𝒆𝒗𝒆𝒏𝒕𝒔-𝒊𝒏𝒄𝒍𝒖𝒅𝒊𝒏𝒈 𝒍𝒊𝒇𝒆'𝒔 𝒎𝒐𝒔𝒕 𝒕𝒓𝒂𝒈𝒊𝒄 𝒆𝒗𝒆𝒏𝒕𝒔, 𝒂𝒏𝒅 𝒍𝒊𝒇𝒆'𝒔 𝒔𝒂𝒅𝒅𝒆𝒔𝒕.
𝑰 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒂𝒕 𝒕𝒉𝒆 𝒆𝒏𝒅 𝒐𝒇 𝒐𝒖𝒓 𝒍𝒊𝒗𝒆𝒔 𝒊𝒏 𝒐𝒖𝒓 𝒑𝒓𝒆𝒔𝒆𝒏𝒕 𝒑𝒉𝒚𝒔𝒊𝒄𝒂𝒍 𝒇𝒐𝒓𝒎, 𝒂𝒍𝒍 𝒐𝒇 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒘𝒊𝒍𝒍 𝒃𝒆𝒄𝒐𝒎𝒆 𝒊𝒏𝒔𝒕𝒂𝒏𝒕𝒍𝒚 𝒂𝒏𝒅 𝒋𝒐𝒚𝒐𝒖𝒔𝒍𝒚 𝒄𝒍𝒆𝒂𝒓 𝒕𝒐 𝒖𝒔, 𝒂𝒏𝒅 𝒘𝒆 𝒘𝒊𝒍𝒍 𝒓𝒆𝒋𝒐𝒊𝒄𝒆 𝒂𝒏𝒅 𝒃𝒆 𝒈𝒍𝒂𝒅 𝒊𝒏 𝒕𝒉𝒆 𝒑𝒆𝒓𝒇𝒆𝒄𝒕 𝒔𝒚𝒎𝒎𝒆𝒕𝒓𝒚 𝒐𝒇 𝒊𝒕 𝒂𝒍𝒍.
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นการคาดคะเนจากผม และผมอาจเป็นคน “คิดทั้งหมดนี้ขึ้นมาเองก็ได้” แจ็คกี้ ซึ่งผมก็ยอมรับในสิ่งนั้น แต่ผมมักจะเห็นจุดประสงค์ที่ยิ่งใหญ่กว่าและวาระที่ยิ่งใหญ่กว่าซ่อนอยู่เบื้องหลังทุกเหตุการณ์สำคัญๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเราได้เสมอ ซึ่งนั่นรวมถึงเหตุการณ์ที่น่าสลดใจที่สุดและน่าเศร้าที่สุดในชีวิตด้วย ผมเชื่อว่าเมื่อชีวิตทางกายภาพในปัจจุบันของเราสิ้นสุดลง ทั้งหมดนี้จะชัดเจนกับเราในทันทีและกลายเป็นความปิติเบิกบาน จากนั้นเราก็จะรู้สึกชื่นชมยินดีและขอบคุณในความสมบูรณ์แบบของมัน
𝑰 𝒂𝒍𝒔𝒐 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆, 𝑱𝒂𝒄𝒌𝒊𝒆, 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒓𝒆𝒍𝒂𝒕𝒊𝒐𝒏𝒔𝒉𝒊𝒑 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒇𝒊𝒂𝒏𝒄e 𝒄𝒂𝒏 𝒏𝒆𝒗𝒆𝒓 𝒆𝒏𝒅, 𝒂𝒏𝒅 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒉𝒆 𝒊𝒔 𝒂𝒃𝒍𝒆 𝒕𝒐 𝒃𝒆 𝒕𝒉𝒆𝒓𝒆 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒚𝒐𝒖 𝒂𝒕 𝒂𝒏𝒚 𝒕𝒊𝒎𝒆 𝒚𝒐𝒖 𝒘𝒊𝒔𝒉 𝒕𝒐 𝒄𝒂𝒍𝒍 𝒐𝒏 𝒉𝒊𝒔 𝒍𝒐𝒗𝒆 𝒂𝒏𝒅 𝒉𝒊𝒔 𝒔𝒑𝒊𝒓𝒊𝒕𝒖𝒂𝒍 𝒆𝒏𝒆𝒓𝒈𝒚 𝒕𝒐 𝒉𝒆𝒍𝒑 𝒚𝒐𝒖 𝒂𝒔 𝒚𝒐𝒖 𝒄𝒐𝒏𝒕𝒊𝒏𝒖𝒆 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒋𝒐𝒖𝒓𝒏𝒆𝒚, 𝒆𝒗𝒆𝒏 𝒂𝒔 𝒉𝒆 𝒄𝒐𝒏𝒕𝒊𝒏𝒖𝒆𝒔 𝒉𝒊𝒔.
แจ็คกี้ ผมยังเชื่ออีกว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคู่หมั้นของคุณไม่มีวันจบสิ้นลง และเขาสามารถมาอยู่กับคุณได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการเมื่อคุณเรียกหาความรักและพลังงานจากจิตวิญญาณของเขาให้มาช่วยเหลือคุณในขณะที่คุณยังคงมุ่งหน้าต่อไปบนเส้นทางของคุณ แม้ในขณะที่เขาก็กำลังมุ่งหน้าต่อไปบนเส้นทางของเขาเองอยู่ก็ตาม
𝑰 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒋𝒐𝒖𝒓𝒏𝒆𝒚𝒔 𝒘𝒊𝒍𝒍 𝒂𝒍𝒘𝒂𝒚𝒔 𝒃𝒆 𝒕𝒐𝒈𝒆𝒕𝒉𝒆𝒓, 𝒆𝒗𝒆𝒏 𝒂𝒔 𝒕𝒉𝒆𝒚 𝒉𝒂𝒗𝒆 𝒃𝒆𝒆𝒏 𝒕𝒐𝒈𝒆𝒕𝒉𝒆𝒓 𝒇𝒐𝒓 𝒆𝒐𝒏𝒔 𝒑𝒂𝒔𝒕. 𝑻𝒉𝒊𝒔 𝒊𝒔 𝒏𝒐𝒕 𝒕𝒉𝒆 𝒇𝒊𝒓𝒔𝒕 𝒕𝒊𝒎𝒆 𝒕𝒉𝒆 𝒕𝒘𝒐 𝒐𝒇 𝒚𝒐𝒖 𝒉𝒂𝒗𝒆 𝒃𝒆𝒆𝒏 𝒕𝒐𝒈𝒆𝒕𝒉𝒆𝒓 𝒊𝒏 𝒑𝒉𝒚𝒔𝒊𝒄𝒂𝒍 𝒇𝒐𝒓𝒎
𝒂𝒏𝒅 𝒕𝒉𝒊𝒔, 𝒕𝒐𝒐, 𝒊𝒔 𝒔𝒐𝒎𝒆𝒕𝒉𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝑰 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆 𝒚𝒐𝒖 𝒃𝒐𝒕𝒉 𝒓𝒆𝒄𝒐𝒈𝒏𝒊𝒛𝒆𝒅 𝒂𝒏𝒅 𝒖𝒏𝒅𝒆𝒓𝒔𝒕𝒐𝒐𝒅. 𝑵𝒐𝒓, 𝒎𝒚 𝒅𝒆𝒂𝒓, 𝑱𝒂𝒄𝒌𝒊𝒆, 𝒘𝒊𝒍𝒍 𝒊𝒕 𝒃𝒆 𝒕𝒉𝒆 𝒍𝒂𝒔𝒕. 𝑰𝒏𝒅𝒆𝒆𝒅, 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒓𝒆𝒍𝒂𝒕𝒊𝒐𝒏𝒔𝒉𝒊𝒑 𝒏𝒆𝒗𝒆𝒓 𝒆𝒏𝒅𝒔, 𝒆𝒗𝒆𝒓.
ผมเชื่อว่าคุณทั้งคู่จะร่วมเดินทางไปด้วยกันเสมอ แม้ว่าคุณทั้งสองจะร่วมเดินทางด้วยกันมาชั่วกัปชั่วกัลป์แล้วก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณสองคนได้อยู่ด้วยกันในรูปแบบทางกายภาพ เรื่องนี้ก็ด้วย ที่ผมเชื่อว่าคุณทั้งคู่ต่างก็ยอมรับและรู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของพวกคุณทั้งคู่ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่พวกคุณจะได้อยู่ด้วยกันเช่นกัน แจ็คกี้ที่รัก อันที่จริงแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกคุณทั้งคู่ไม่มีวันสิ้นสุดลง ไม่มีทางเลย
𝑰𝒕 𝒊𝒔 𝒐𝒏𝒈𝒐𝒊𝒏𝒈 𝒆𝒗𝒆𝒏 𝒏𝒐𝒘, 𝒆𝒗𝒆𝒏 𝒊𝒏 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒗𝒆𝒓𝒚 𝒎𝒐𝒎𝒆𝒏𝒕—𝒇𝒐𝒓 𝒘𝒉𝒐 𝒅𝒐 𝒚𝒐𝒖 𝒕𝒉𝒊𝒏𝒌 𝒊𝒕 𝒊𝒔 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒃𝒓𝒊𝒏𝒈𝒔 𝒚𝒐𝒖 𝒕𝒉𝒆𝒔𝒆 𝒘𝒐𝒓𝒅𝒔? 𝑫𝒐 𝒚𝒐𝒖 𝒊𝒎𝒂𝒈𝒊𝒏𝒆 𝒊𝒕 𝒊𝒔 𝒎𝒆? 𝑶𝒓 𝒄𝒐𝒖𝒍𝒅 𝒊𝒕 𝒃𝒆 𝒔𝒐𝒎𝒆 𝒐𝒕𝒉𝒆𝒓, 𝒔𝒑𝒆𝒂𝒌𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒉𝒓𝒐𝒖𝒈𝒉 𝒎𝒆, 𝒃𝒓𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒎𝒆𝒔𝒔𝒂𝒈𝒆 𝒕𝒐 𝒚𝒐𝒖?
ความสัมพันธ์ของพวกคุณยังคงดำเนินอยู่ต่อไปแม้ในขณะนี้ —คุณคิดว่าใครเป็นคนนำคำพูดเหล่านี้มาให้คุณกันเล่า❓ คุณคิดว่าเป็นผมงั้นหรือ❓ หรือว่าเป็นสิ่งอื่นที่กำลังพูดผ่านผมเพื่อนำข้อความเหล่านี้มาให้กับคุณ❓
𝑫𝒐 𝒚𝒐𝒖 𝒃𝒆𝒍𝒊𝒆𝒗𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒔𝒖𝒄𝒉 𝒂 𝒕𝒉𝒊𝒏𝒈 𝒊𝒔 𝒑𝒐𝒔𝒔𝒊𝒃𝒍𝒆, 𝑱𝒂𝒄𝒌𝒊𝒆? 𝑩𝒆𝒄𝒂𝒖𝒔𝒆, 𝒚𝒐𝒖 𝒔𝒆𝒆, 𝑰 𝒅𝒐.
แจ็คกี้ คุณเชื่อไหมล่ะว่าเรื่องแบบนั้นเป็นไปได้❓ เพราะคุณก็เห็นในสิ่งที่ผมกำลังทําอยู่ (กำลังตอบคำถามของคุณอยู่)
𝑫𝒐 𝒏𝒐𝒕 𝒔𝒆𝒆𝒌 𝒕𝒐 '𝒏𝒐𝒕 𝒃𝒆 𝒔𝒂𝒅,' 𝑱𝒂𝒄𝒌𝒊𝒆, 𝒅𝒖𝒓𝒊𝒏𝒈 𝒕𝒉𝒊𝒔 𝒕𝒊𝒎𝒆 𝒐𝒇 𝒍𝒐𝒔𝒔. 𝑺𝒂𝒅𝒏𝒆𝒔𝒔 𝒊𝒔 𝒐𝒏𝒆 𝒐𝒇 𝒕𝒉𝒆 𝒉𝒆𝒂𝒓𝒕'𝒔 𝒘𝒂𝒚𝒔 𝒐𝒇 𝒉𝒐𝒏𝒐𝒓𝒊𝒏𝒈 𝒂𝒏𝒐𝒕𝒉𝒆𝒓. 𝑺𝒐, 𝒕𝒐𝒐, 𝒊𝒔 𝒉𝒂𝒑𝒑𝒊𝒏𝒆𝒔𝒔.
𝒀𝒐𝒖 𝒉𝒐𝒏𝒐𝒓 𝒕𝒉𝒆 𝒔𝒐𝒖𝒍 𝒐𝒇 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒃𝒆𝒍𝒐𝒗𝒆𝒅, 𝑱𝒂𝒄𝒌𝒊𝒆, 𝒃𝒚 𝒇𝒆𝒆𝒍𝒊𝒏𝒈 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒔𝒂𝒅𝒏𝒆𝒔𝒔 𝒇𝒖𝒍𝒍𝒚 𝒏𝒐𝒘. 𝑨𝒏𝒅 𝒚𝒐𝒖 𝒘𝒊𝒍𝒍 𝒉𝒐𝒏𝒐𝒓 𝒕𝒉𝒆 𝒔𝒐𝒖𝒍 𝒐𝒇 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒃𝒆𝒍𝒐𝒗𝒆𝒅, 𝑱𝒂𝒄𝒌𝒊𝒆, 𝒃𝒚 𝒇𝒆𝒆𝒍𝒊𝒏𝒈 𝒚𝒐𝒖𝒓 𝒉𝒂𝒑𝒑𝒊𝒏𝒆𝒔𝒔 𝒇𝒖𝒍𝒍𝒚, 𝒕𝒐𝒐, 𝒘𝒉𝒆𝒏 𝒕𝒉𝒆 𝒅𝒂𝒚 𝒂𝒏𝒅 𝒕𝒊𝒎𝒆 𝒇𝒐𝒓 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒄𝒐𝒎𝒆𝒔—𝒂𝒔 𝒔𝒖𝒓𝒆𝒍𝒚 𝒊𝒕 𝒘𝒊𝒍𝒍.
แจ็คกี้ จงอย่าพยายามที่จะ “ไม่เสียใจ” ในช่วงเวลาแห่งการสูญเสียนี้ ความโศกเศร้าเป็นวิธีหนึ่งในการให้เกียรติผู้อื่นก็จริง แต่ความสุขก็เช่นกัน คุณจงให้เกียรติจิตวิญญาณของบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของคุณ แจ็คกี้ ด้วยการรู้สึกถึงความเศร้าเสียใจในขณะนี้ให้เต็มที่ และคุณจะให้เกียรติจิตวิญญาณของบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของคุณ แจ็คกี้ ด้วยการรู้สึกถึงความสุขอย่างเต็มที่ได้เช่นกัน เมื่อวันและเวลาเช่นนั้นมาถึงคุณ —ซึ่งมันจะมาถึงอย่างแน่นอน
𝑨𝒔 𝒘𝒆 𝒂𝒘𝒂𝒊𝒕 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒅𝒂𝒚, 𝒎𝒚 𝒘𝒊𝒔𝒉 𝒇𝒐𝒓 𝒚𝒐𝒖 𝒊𝒔 𝒕𝒐 𝒇𝒊𝒏𝒅 𝒑𝒆𝒂𝒄𝒆 𝒇𝒐𝒓 𝒚𝒐𝒖𝒓 s𝒐𝒖𝒍, 𝑱𝒂𝒄𝒌𝒊𝒆. 𝑴𝒂𝒚 𝒕𝒉𝒆 𝒑𝒆𝒂𝒄𝒆 𝒕𝒉𝒂𝒕 𝒑𝒂𝒔𝒔𝒆𝒕𝒉 𝒂𝒍𝒍 𝒖𝒏𝒅𝒆𝒓𝒔𝒕𝒂𝒏𝒅𝒊𝒏𝒈 𝒃𝒆 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒚𝒐𝒖, 𝒂𝒏𝒅 𝒂𝒃𝒊𝒅𝒆 𝒘𝒊𝒕𝒉 𝒚𝒐𝒖, 𝒃𝒐𝒕𝒉 𝒏𝒐𝒘, 𝒂𝒏𝒅 𝒆𝒗𝒆𝒏 𝒇𝒐𝒓𝒆𝒗𝒆𝒓𝒎𝒐𝒓𝒆.
ในขณะที่เรากำลังรอคอยให้ถึงวันนั้น ผมขอให้คุณได้พบกับความสงบสุขในจิตวิญญาณของคุณ แจ็คกี้ ขอให้สันติสุขที่เกินจะเข้าใจได้ทั้งปวงจงสถิตอยู่กับคุณทั้งในปัจจุบันขณะนี้และตลอดไป
𝑰 𝒇𝒍𝒐𝒘 𝒎𝒚 𝒍𝒐𝒗𝒆 𝒕𝒐 𝒚𝒐𝒖 𝒐𝒏 𝒘𝒊𝒏𝒈𝒔 𝒐𝒇 𝒑𝒓𝒂𝒚𝒆𝒓𝒔.
ผมได้ส่งความรักไปให้คุณด้วยปีกแห่งคำอธิษฐาน
𝑵𝒆𝒂𝒍𝒆
นีล.

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา