30 เม.ย. 2023 เวลา 04:12 • อาหาร

แค่ 3 เดือนกับร้านกาแฟ น้อยแต่มาก

นักศึกษาจบใหม่ ขณะที่รอใบปริญญาบัตร
พลังงานกายใจเหลือเฟือ
หิวประสบการณ์ กระหายการทำงาน
ฉันได้งานในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง บนถนนสายเศรษฐกิจของยุคนั้น ตำแหน่ง Barista
พนักงานใหม่ที่เข้ามาพร้อมกันรอบนี้ มีประมาณ 7-8 คน ทางบริษัทให้เข้าอบรม 3 วัน สอนเกี่ยวกับกาแฟ ตั้งแต่ประวัติกาแฟ ประวัติบริษัท ตลอดจนการชงเครื่องดื่มทุกเมนู และเมนูอาหารว่างอื่นๆ ที่มีในร้าน ที่นี่สอนอย่างเป็นระบบเป็นขั้นเป็นตอน บอกทุกเทคนิค มิใช่แค่ทำเป็น แต่ทำให้ถูกต้อง อีกทั้งการดูแลถนอมอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ด้วย
กฎเหล็ก คือ พนักงานทุกคนต้องชิมกาแฟของร้านทุกวัน คนละ 1 แก้ว และควรชิมหลากหลายเมนูวนไป เพื่อทำความรู้จักและอธิบายลูกค้าได้
วันแรกที่ลงมาทำงานหน้าร้าน ทุกคนก็จะแย่งกันเป็นบาริสต้า กลัวจะไม่ได้ชง หรือร้อนวิชานะ พอๆ กัน ฉันก็ด้วย อิอิ แต่จริงแล้วก็ต้องทำงานทุกตำแหน่งหมุนเวียนกันไป เช่น ล้างจานล้างแก้ว ทำอาหารว่าง ทำขนม ทำความสะอาด เสิร์ฟ ฯ
ไม่กี่สัปดาห์ผ่านมา ฉันต้องทำตำแหน่ง CSR (Customer service representative) ซึ่งทำตำแหน่งนี้ประจำจนเกือบไม่ได้ชงกาแฟเลย
ตอนแรกก็สงสัยทำไมฉันต้องมาดูแลลูกค้า มาสังเกตเองเห็นว่า กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติและออฟฟิศที่แวะมาจิบกาแฟหลังอาหารเที่ยง ประทับใจในการทำงานของฉัน ตอนนั้นฉันมีความจำที่ดีมาก ลูกค้าคนไหนชอบดื่มเมนูอะไร ใส่หรือไม่ใส่อะไร ฉันจำได้หมด จนลูกค้าประจำกลุ่มนี้ ไม่ต่อแถวสั่งกาแฟอีกแล้ว แต่ไปนั่งรอที่โต๊ะเลย
ต่อมาบริษัทใหญ่ประจำถนนสายนั้น จะมีงานใหญ่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีลูกค้าคนหนึ่งที่ทำงานในบริษัทนั้น มาติดต่อให้ร้านกาแฟนี้ไปจัดเบรคเสิร์ฟในงานนี้ด้วย และกำชับกับผู้จัดการร้านว่า "ต้องมีน้องคนนี้ไปที่งานด้วยนะ" ซึ่งก็คือฉัน ด้วยความเด็กก็หน้าบานกันสิคะ ทำไมลูกค้าถึงระบุเขาจาะจงแบบนี้
ต่อมาทางร้านนี้ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่และเป็นครัวใหญ่ ถึงเวลาต้องปรุงอาหารฝรั่งเมนูหนึ่งซึ่งขายดีและเป็นที่สนใจของคนยุคนั้น เนื่องจากไม่มีอินเตอร์เน็ตหรือยูทูปสอนทำ หรือรีวิวแบบยุคนี้ ทุกคนในร้านต่างก็สนใจ อยากจะเรียนรู้การปรุงเมนูนี้ตามแบบฉบับฝรั่ง
ในบ่ายวันหนึ่งฉันถูกเรียกขึ้นไปชั้นสอง พี่ผู้จัดการร้านบอกว่า "เข้ามาแล้วล๊อกประตูด้วยนะ" ใช่....พวกเรากำลังจะปรุงอาหารสองเมนู เพื่อส่งไปยังสาขาอื่น
ฉันได้เรียนรู้การปรุงอาหารที่มีขั้นตอน มิใช่แค่ใส่ๆ หรือกะๆ เอาแบบคนทั่วไป ปรุงเสร็จก็จัดแบ่งทีละหนึ่งเสิร์ฟ จัดเป็นชุด แล้วแช่แข็งทันที อย่าว่าแต่ปิดประตูทำเลย ยังต้องปิดหน้าต่างด้วย อะไรจะลึกลับล้ำค่าขนาดนั้น แต่ก็เลอค่าของยุคนั้นจริงๆ นะ
ต่อมาทางร้านได้ทดลองเครื่องดื่มเมนูใหม่ สำหรับเสิร์ฟในฤดูร้อน ก็จะมีผู้บริหารระดับผู้ใหญ่กับผู้จัดการร้านที่ช่วยกันปรุง สักพักก็เรียกฉันไปช่วยชิม ซึ่งเป็นพนักงานคนเดียวที่ได้ร่วมปรุงไปด้วยเลย จนได้เมนูใหม่อีก 4 เมนู และมียอดขายที่น่าสนใจ เป็นทางเลือกใหม่ๆ ให้ลูกค้าที่ไม่อยากดื่มกาแฟ
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใน 3 เดือนที่ฉันทำงานที่นี่ แล้วก็ต้องลาออกไปอย่างน่าเสียดาย เนื่องจากการทำงานที่ต้องเปลี่ยนกะเช้าเปิดร้าน 6:00 ปิดร้าน 21:30
ในสมัยนั้นแม้เริ่มมีรถไฟฟ้าแล้ว แต่ก็ยังไม่ใกล้บ้านฉัน อีกทั้งรถเมล์ก็มีน้อยและจำกัดเวลาเดินทาง จึงเป็นเหตุให้จำใจบอกลางานที่รักไปอย่างสะเทือนใจ
ทั้งหมดเป็นความประทับใจที่ฉันได้เรียนรู้และค้นหาตัวเองเจอทีละเล็กทีละน้อย การได้ทำงานหลากหลายหน้าที่ ยิ่งทำให้รู้ว่าชอบไม่ชอบอะไร เช่น ล้างจาน ไม่ชอบเลย อยู่บ้านยังไม่ล้างเลยอะ 😂 แต่การได้ทักทายพูดคุยกับลูกค้า กลับทำได้ดีกว่าจนจะเป็นพรสวรรค์เลยไหม
การได้ร่วมงานกับบริษัทที่เป็นมืออาชีพ เราจะได้เรียนรู้งานอย่างเป็นระบบ ได้โอกาสในการลองทำอะไรใหม่ๆ เช่น การไปรับขนมเค้ก จากร้านเค้กหนึ่งในย่านใกล้เคียง ฉันก็งงอีก นึกว่าร้านทำเองทุกอย่าง อ๋อ...ธุรกิจต้องมีคู่ค้าแบบนี้เอง แต่เค้กร้านนี้ลูกค้าชื่นชอบจริง เค้กสไตล์ฝรั่ง หาทานยากในยุคนั้น
ก่อนจบขอเม้ามอยเพื่อนร่วมงานนิดนะ
วันนึงฉันได้หน้าที่ทำอาหารว่าง เพื่อนที่ทำประจำแบบครองหน้าที่นี้ ก็บอกให้ฉันทำเกินสูตรที่กำหนด ฉันก็งงล่ะสิ เพื่ออะไร? อ๋อเพื่อจะได้หยิบใส่ปากตัวเองบ้างไง เห็นกับตา นี่ชิมหรือกะเอาอิ่ม มิน่าไม่เปลี่ยนหน้าที่เลย ต่อมาผู้จัดการจับได้ เพราะวัตถุดิบหายไปอย่างน่าสงสัย เพื่อนก็ถูกย้ายไปสาขาอื่นราวกับบีบให้ลาออกทางอ้อม
หลังจากลาออกมา ฉันติดคาเฟอีนไปแล้ว โดยไม่มีความรู้ใดเลย และกาแฟสดก็ไม่มีขายทั่วไปด้วย ฉันมีอาการปวดศีรษะทุกวัน ปวดหน่วงๆ หนักๆ หัวจะระเบิด ใช้เวลาหลายเดือน กว่าจะกลับมาเป็นปกติ หลังจากนั้นก็เลี่ยงการดื่มกาแฟสดไปอีกนานเลย กลัวติดใจ 🤣 แล้วจ่ายไม่ไหวอีก
โฆษณา