18 พ.ค. 2023 เวลา 16:07 • การเมือง

นักการเมืองเลิกโหวตตามใจตัวเอง

ในสหรัฐอเมริกา ระบบการเมืองเป็นระบบสองพรรคใหญ่ คือ พรรค Democrat และพรรค Republican แต่แทนที่ สส. ของพรรคจะโหวตตามพรรคของตัวเองเสมอ เมื่อ 60-70 ปีก่อน นักการเมืองกลับมีอิสระที่จะโหวตตามความคิดของตัวเอง
1
ทำให้ สส. ได้มีโอกาสทำตามเสียงเรียกร้องของประชาชนในประเทศที่ตัวเองเป็นตัวแทนอยู่ แต่ในที่สุด สภาพทางการเมืองก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป การโหวตตามมติพรรค (Partisanship) ค่อย ๆ มีอิทธิพลมากขึ้น และกลายเป็นวัฒนธรรมทางการเมืองไป
2
การทำแบบนี้ ถึงแม้จะทำให้การเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่กลับทำให้นักการเมืองแทบไม่ได้เป็นตัวแทนของประชาชนสมกับความเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร เอาเสียเลย ถ้าจะทำกันแบบนี้ เลิกสภาผู้แทนราษฎรเลยก็ได้ แล้วเอา 1 คน 1 พรรค แต่มีเสียงเท่ากับจำนวน สส. ก็พอให้มาประชุม แล้วใครอยากจะมาอภิปรายก็มา จะได้ไม่เปลืองเงินเดือน สส.
2
ในความเป็นจริง เรากลับทำอย่างนั้นไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น สส. ยังชอบที่จะขาดประชุม จนบางครั้งองค์ประชุมกลับไม่พอ ทำให้การประชุมล่ม งานการที่ควรทำก็ยิ่งล่าช้าลงไปอีก แถมยังคอยประท้วงจนเรื่องที่ควรจะอภิปรายก็ไม่ได้อภิปราย
4
ความเป็น Partisanship ยังส่อมาถึงระดับครอบครัวที่ คนที่แต่งงานกันในสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่มักจะมีอุดมการณ์ในการเลือกพรรคใกล้เคียงกัน ถ้าเห็นต่างกัน บางครั้งก็ทะเลาะกันจนบ้านแตกก็มี
ในภาพสามนี้ เป็นภาพของความสัมพันธ์ระหว่างผู้ใช้ Twitter ด้วยกัน ซึ่งค่อนข้างเห็นกันได้ชัดว่า ผู้สนับสนุนอุดมการณ์พรรคไหนก็มักจะสนใจเนื้อหาของพรรคนั้นมากกว่า
ภาพนี้จึงแสดงให้เห็นชัดว่า สื่อโซเชียลมีบทบาททำให้คนเห็นต่างขั้วกันมากขึ้น แต่คนจะคิดว่าคนอื่นส่วนใหญ่เห็นด้วยกับตน เพราะถูก Algorithm ของโลกโซเชียลในการดึงข้อมูลที่ตัวเองเห็นด้วยมาแสดง และลดการแสดงข้อมูลที่ขัดแย้งกับตน
13
แล้วคุณล่ะครับ มีคู่ที่เห็นด้วยกับคุณไหมครับ?
1
อ้างอิง :
โฆษณา