7 มิ.ย. 2023 เวลา 09:00

จิต มโน วิญญาณ สิ่งที่ต้องรู้ ในการเข้าถึงธรรม

เบื้องต้นในเรื่องนี้ จะพูดถึงเรื่องสภาวะที่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่ต้องไปตามกรรม
กัมมัสสะโกมหิ กัมมะทายาโท กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ กัมมะปะฏิสะระโณ
เรามีกรรมเป็นของของตน มีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นผู้ติดตาม มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
มีคำสรุปตอนท้ายว่า
ยัง กัมมัง กริสสันติ กัลยาณัง วา ปาปกัง วา ตัสส ทายาทา ภวิสสันติ
จะทำกรรมอันใดไว้ เป็นบุญหรือเป็นบาป จะต้องเป็นผู้ได้รับผลของกรรมนั้นๆสืบไป ดังนี้
กรรมที่กระทำแล้วย่อมส่งผลแน่นอน ส่วนที่ไม่รู้ว่ากรรมของตน ติดตามตนไปได้อย่างไรนั้น เพราะตนยังไม่ตรัสรู้ในเรื่องของวิญญาณ หรือยังไม่รู้จริง รู้แจ้งในเรื่องของวิญญาณ
เพราะฉะนั้นจึงเพียรนำสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วนี้ มาแสดงให้ได้ฟังเป็นเบื้องต้นก่อน จะได้เห็นว่า วิญญาณคืออะไรไปโดยลำดับ ทุกคนต้องรู้ก่อน
คำที่พระพุทธประกาศเอาไว้ว่า กัมมัง สัตเต วิภัชชติ ยทิทัง หีนัปปนีตตายติ
กรรมย่อมจำแนกสัตว์ ให้เป็นไปตามความหยาบความประณีต
หยาบอย่างนี้ไปนรก หยาบอย่างนี้ไปเดรัจฉาน หยาบอย่างนี้ไปเปรต
หยาบอย่างนี้มามนุษย์ หยาบเพียงเท่านี้มาเทวดา
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้น ยังเวียนเกิดเวียนตายอยู่ไม่สิ้นสุด
ตรงนี้ทุกคนต้องรู้ว่า สิ่งที่มีอำนาจ มีกำลัง
ที่เวียนเกิดเวียนตายอยู่ในวัฏสงสารนี้ คือจิต คือมโน คือวิญญาณ
เคยนำเอา ติตถสูตร มาแสดงให้ได้รับฟังว่า
มยา ธัมโม เทสิโต
อนิคคหิโต อสังกิลิฏฺโฐ อนุปวัชโช อัปปฏิกกุฏฺโฐ
สมเณหิ พราหมเณหิ วิญญูหิติ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมที่เราแสดงไว้ว่า ธาตุหก คนอื่นข่มขี่ไม่ได้ ไม่มัวหมอง ไม่ถูกติ ไม่ถูกคัดค้านโดยสมณพราหมณ์ผู้รู้
ธาตุ 6 มี ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาศ และ วิญญาณ ได้แสดงคราวก่อนๆโน้น ไม่ได้พูดถึงธาตุที่1- 5 แต่พูดถึงธาตุที่ 6 คือ วิญญาณเลย
ตัวนี้เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ และนำมาแสดงเอาไว้ ซึ่งในมหาจักรวาลนี้ มีเพียงศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ที่แสดงเรื่องนี้ แสดงว่า ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์เป็นอย่างไร ความดับทุกข์ได้อย่างไร เป็นเรื่องของวิญญาณโดยตรง
เพราะฉะนั้นที่เอามาพูดตรงนี้ เพื่อวันหลังเมื่อเหตุปัจจัยประชุมพร้อมกันแล้ว ทุกคนจะต้องได้รู้เรื่องนี้ จะต้องเห็นจริงในเรื่องนี้ จะต้องช่วยเหลือตัวเองด้วย อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนในเรื่องของจิตวิญญาณของตนเองนี้
เพราะถ้าใครไม่รู้เรื่องจิต เรื่องวิญญาณของตนเองแล้ว คนนั้นยังไม่พ้นทุกข์
นาหัง ภิกขเว อัญญัง เอกธัมมังปิ สมนุปัสสามิ
ยัง เอวัง อภาวิตัง อพหุลีกตัง ทุกขาธิวาหัง โหติ
ยถยิทัง ภิกขเว จิตตัง จิตตัง ภิกขเว อภาวิตัง อพหุลีกตัง
ทุกขาธิวาหัง โหตีติ
เราไม่เห็นธรรม อื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่จะนำความทุกข์มาให้
เหมือนจิตที่ไม่ได้อบรมให้มาก ไม่ได้กระทำให้มากนี้เลย
ดูกราภิกษุทั้งหลาย จิตที่ไม่ได้อบรมให้มาก ไม่ได้กระทำให้มาก
ย่อมนำความทุกข์มาให้
องค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ในเรื่องจิต เรื่องมโน เรื่องวิญญาณ เรื่องนี้ใครยังไม่ชัดเจนในเรื่องนี้ บุคคลคนนั้นยังไม่เข้าถึงธรรมของพระพุทธเจ้า ยังไม่ได้ชื่อว่าบุคคลผู้เป็นผู้ที่มาถึงธรรมและเป็นผู้ที่ตรัสรู้แล้ว ผู้ที่ตรัสรู้แล้วนี่ จะต้องเป็นบุคคลผู้ที่เห็นในเรื่องนี้ อย่างชัดเจนด้วยปัญญาอันยิ่ง
ได้พูดเป็นธรรมโดยหลักเอาไว้ว่า หลังพุทธกาลมานี้หมู่มวลชาวพุทธของพวกเรา
ได้เล่าเรียนพระสูตรอันเรียนกันมาผิดลำดับ ด้วยบทและพยัญชนะที่ตั้งไว้ผิด
เพราะฉะนั้นอรรถะคือความหมายของบทและพยัญชนะนั้นๆ ก็ย่อมผิดไปด้วย
แม้จะรอเวลาอีกนานเท่าใดก็ตาม เราจะเห็นเลยว่า ผู้คนทั่วไปนั้น ไม่สามารถประกาศความเป็นโสดาบันได้ เมื่อโสดาบันไม่ได้ ยังไม่ต้องไปพูดถึงอนาคามีหรืออรหันต์เลย
เพราะทุกคนเบื้องต้น จะต้องเข้าถึงฐานะแห่งธรรมของพระพุทธเจ้านี้ก่อนเป็นสำคัญ
นาหัง ภิกขเว อัญญัง เอกธัมมังปิ สมนุปัสสามิ ยัง เอวัง ภาวิตัง พหุลีกตัง สุขาธิวาหัง โหติ ยถยิทัง ภิกขเว จิตตัง จิตตัง ภิกขเว ภาวิตัง พหุลีกตัง สุขาธิวาหัง โหตีติ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่อบรมแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมนำสุขมาให้ เหมือนจิต ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตที่อบรมแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมนำสุขมาให้ ฯ
อ้างอิง
ติตถสูตร ข้อ 501 พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่ 20
บาลีเอกธรรม ข้อ 30 -31 พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่ 20
โฆษณา