The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring (2001)– ปฐมบทมหากาพย์มัชฌิมโลก
การถ่ายทอดเรื่องราวผจญภัยแสนยิ่งใหญ่ บางครั้งก็ถูกลืมเลือนโดยง่าย หากแต่การปรุงแต่งวัตถุดิบที่ดีจะทำให้มหากาพย์การผจญภัยแฟนตาซีบางเรื่อง กลายเป็นตำนานที่ถูกกล่าวขาน เฉกเช่น หนังผจญภัยแฟนตาซีอีพิค ที่หยิบยกเอาวรรณกรรมชุดของ เจ. อาร์. อาร์. โทลเคียน มาดัดแปลงเป็นหนังผจญภัยไตรภาค “อภินิหารแหวนครองพิภพ” และเป็นปรากฎการณ์สำคัญของวงการภาพยนตร์แฟนตาซียุคใหม่ ทั้งในด้านรายได้และคำวิจารณ์อันดีเยี่ยม
และมันก็เริ่ม ด้วยปฐมบทมหากาพย์มัชฌิมโลกอย่าง The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring
The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring บอกเล่าเรื่องราวในยุคที่สามของแดนมัชฌิมโลก หลังแหวนเอกธำมรงค์ หนึ่งในแหวนแห่งอำนาจทั้ง 20 วง ที่จอมโฉดเซารอน แห่งดินแดนมอร์ดอร์ ได้ครอบครอง และหมายมุ่งจะยึดครองมัชฌิมโลกทั้งผอง ถูกตกมาอยู่ในมือของ โฟรโด แบ็กกินส์ ฮอบบิทจากหมู่บ้านไชร์ โดยบังเอิญ
ด้วยคำแนะนำของพ่อมดเทา แกนดาล์ฟ เขาจึงมอบภารกิจให้ โฟรโด และเหล่าพันธมิตรแห่งแหวน อย่าง แซม ไวส์ แกมจี, นักรบพเนจร อารากอร์น, เอล์ฟนักธนู เลโกลัส, คนแคระ กิมลี และ โบโรเมียร์ แห่ง กอนดอร์ เดินทางดาหน้าสู่แดนมอร์ดอร์ ด้วยเป้าหมายเพื่อทำลายแหวน ในที่ ๆ แหวนนี้ถูกหลอมมา ด้วยไฟของภูมรณะ
หนังทั้งสามภาค เข้าฉายในช่วงวัยที่ความสนใจส่วนตัว ยังไม่ได้หลงใหลในภาพยนตร์อะไรระดับนั้น ความทรงจำที่มีในช่วงวัยนั้น ก็มีแต่เพียงความฉงนต่อความยาวระดับมหากาฬของหนัง ในแล้วแต่ฉบับที่ตัวเองได้เปิดเจอผ่านทางจอโทรทัศน์ และในหลายปีให้หลังจะได้ชมทั้งสามเรื่องจนจบแล้วก็ตาม ก็เป็นโอกาสเหมาะสมที่ตัวหนังทั้งสามภาค ได้กลับมาเข้าฉายในโรงภาพยนตร์อีกครั้ง ในวาระครบรอบ 100 ปีของ Warner Bros.
แม้จะดูมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ช่วงเปิดของเรื่อง ตัวหนังก็ทำหน้าที่ปูพื้นฐานและเซ็ตติ้งมัชฌิมโลก รวมถึงแก่นหลักเรื่องราวอย่าง “แหวนเอกธำมรงค์” ได้อย่างหนักแน่น ก่อนที่ตัวหนังจะเบนเข็มมาเล่าในฝ่ายของ บิลโบ้ แบ็กกินส์ ผู้ถือแหวนคนล่าสุด ก่อนที่จะตกไปสู่มือของโฟรโด ด้วยภาวะจำยอม และเป็นเรื่องราวการผจญภัยที่หลายตัวละครต้องออกเดินทาง ฝ่าทัศนียภาพอันกว้างขวางและหลากหลาย รวมถึงมาพร้อมเหล่าชุดตัวละครมากมาย เนรมิตด้วยงานเทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟฟิค ที่ยังคงดูเนียนตา แม้จะผ่านมาเนิ่นนานเกือบสองทศวรรษก็ตาม
ต้องยอมรับว่า การเปิดประเดิมในช่วงต้นของหนัง ทำให้เรา ถูกดูดเข้าสู่ปฐมบทการทำลายแหวนแห่งแดนมัชฌิมโลกได้อย่างง่ายดาย พลางขณะที่ตัวหนังค่อย ๆ ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านมุมมองสายตาตัวละคร จากหมู่บ้านฮอบบิทเล็ก ๆ อย่าง ไชร์ ซึ่งก็ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางที่แสนจ้อยร้อยและยิ่งใหญ่ มันก็ค่อย ๆ เผยข้อมูลเนื้อหาด้านอื่นอย่างแยบยล โดยเฉพาะหลักใหญ่ใจความ คือการครอบครองแหวน ที่เป็นตัวแทนของอำนาจอันชั่วร้าย
น่าประทับใจ ที่แม้ตัวหนังจะมีอายุอานามร่วม 20 ปี แต่กลวิธีการถ่ายทอดเรื่องของผู้กำกับฯ อย่าง ปีเตอร์ แจ็คสัน ที่ ณ เวลานั้น เครดิตของเขามีเพียงแค่หนังสยองขวัญก็ตาม แต่ แจ็คสัน ก็นำเอาพื้นหลังประสบการณ์งานด้านภาพจากผลงานเหล่านั้น มาดัดแปลงในหนังแฟนตาซี เพื่อถ่ายทอดความชั่วร้ายได้อย่างซื่อตรงและมีประสิทธิภาพมาก ๆ ทั้งการออกแบบฝั่งตัวร้าย อย่าง ออร์ค หรือกระทั่ง ฑูตแหวน ให้ออกมาดูดำทะมึน และมีท่าทีป่าเถื่อนรุนแรง
แถมด้วยกลวิธีที่ถ่ายทอดผ่านงานทัศนียภาพ ซึ่งส่วนมากคือภูมิประเทศนิวซีแลนด์ ส่งผลให้คนดูรับรู้ได้ถึงความกว้างใหญ่ไพศาลของดินแดนมัชฌิมโลก และภารกิจอันหนักหนาสาหัสที่รออยู่เบื้องหน้าของพันธมิตรแห่งแหวน
ไม่เพียงแต่นั้น ตัวหนังยังแบ่งรับแบ่งสู้จังหวะเล่าเรื่องได้อย่างแยบยล แม้จะเป็นปฐมบทแรกของการเดินทางอันยาวไกล และมาพร้อมความยาวหนังเต็มเหยียดร่วมสามชั่วโมง แต่ตัวหนังก็ทำหน้าที่เกริ่นและแนะนำ ส่วนที่สำคัญอย่างเช่น ตัวละครแต่ละตัว ที่ล้วนมีบทบาท รวมถึงความขัดแย้งและมิติตัวละครแต่ละเผ่าพึ่งมี อีกทั้งยังรู้จังหวะผ่อน ในการแทรกมุกตลก หรือช่วงเวลาขวัญผวาและการผจญภัยได้อย่างเอกอุ และถึงแม้หนังจะทำให้รู้สึกว่า การเดินทางครั้งนี้ยาวนาน แต่ก็เป็นการผจญภัยที่รวดเร็วไม่ยืดยาดเลยแม้แต่น้อย
การออกผจญภัยเดินทางสู่มอร์ดอร์ ทำให้เราได้รู้จัก หลายตัวละครจากแต่ละเผ่า ที่ล้วนมีความแตกต่าง และฝักใฝ่ในสิ่งที่ต่างกันไป ทั้งสติปัญญาทรงภูมิของเผ่าเอล์ฟ ความมั่งคั่งร่ำรวยของเผ่าคนแคระ และอำนาจของเผ่ามนุษย์ ซึ่งว่าไปแล้ว มันก็พูดถึงการแสวงหาและความไม่รู้จักพอ ผ่านแหวนเอกธำมรงค์ ซึ่งเป็นสื่อกลางที่สะท้อนการลุ่มหลงและครอบครองไว้ซึ่งอำนาจอันชั่วร้าย
จึงไม่แปลก ที่ความเปราะบางของจิตใจ จะถูกแหวนประมุขวงนั้น หลอกล่อ มัวเมา และยั่วยวน ให้ใครก็ตามที่อยากครอบครองได้สวมใส่มัน เพื่อได้ดำดิ่ง สู่ขุมที่มืดสุดของอำนาจอันเลวร้ายที่ยากเกินจะหยั่ง
สรุปแล้ว The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring คือ ปฐมบทการเดินทางเพื่อทำลายแหวนเอกธำมรงค์ หมุดหมายสำคัญของแนวหนังแฟนตาซียุคใหม่ นำด้วยการกำกับของ ปีเตอร์ แจ็คสัน ที่ถ่ายทอดความชั่วร้ายด้วยภาษาภาพที่ซื่อตรงและชัดเจน งานสร้างและทัศนียภาพที่ช่วยทำให้ตระหนักถึงความกว้างใหญ่ของแดนมัชฌิมโลก ด้วยจังหวะการเล่าเรื่องอันแยบยล ทำให้นี่ เป็นบทลำนำของการผจญภัยที่แสนยิ่งใหญ่ตระการตา และเป็นเวลาร่วมสามชั่วโมงที่แม้จะทำให้การเดินทางดูยาวไกล แต่ก็ยังรวดเร็วและสนุกมาก
4.5 / 5
The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring (2001)
Directed by Peter Jackson
Screenplay by Fran Walsh, Philippa Boyens and Peter Jackson
Based on "The Fellowship of the Ring" by J. R. R. Tolkien
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
