3 ส.ค. 2023 เวลา 12:49 • ธุรกิจ

ROBOT TAX: ภาษีหุ่นยนต์

ภายในปี ค.ศ. 2030 เทคโนโลยีช่วยให้ GDP โลกสูงขึ้น 7% เป็นเงิน 15 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ต้องแลกกับคนตกงาน 3 ร้อยล้านตำแหน่ง จึงถึงเวลาเรียกเก็บ "ภาษีหุ่นยนต์"
[#RobotTax] มีการคาดการณ์ว่าหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ และปัญญาประดิษฐ์จะถูกนำมาใช้ทำงานร่วมกับมนุษย์ (Cobot) โดยมีมูลค่าตลาดสูงกว่า 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี ค.ศ. 2023 และเติบโตจนมีมูลค่าสูงถึง 2.05 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี ค.ศ. 2033 ที่อัตราการเติบโตแบบทบต้นปีละ 25.1%
1
สิ่งนี้ทำให้เกิดข้อกังวลถึงการปรับตัวของมนุษย์ให้ตามทันเทคโนโลยี และถึงแม้ว่าปัญญาประดิษฐ์อาจเข้ามายกระดับผลิตภัณฑ์มวลรวมทั่วโลกได้ถึง 7% หรือ 15 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี ค.ศ. 2030 แต่อาจทำให้แรงงานมนุษย์ถึง 3 ร้อยล้านตำแหน่งต้องตกงานและสูญเสียรายได้จากการถูกแทนที่โดยระบบอัตโนมัติ
ปัจจุบัน มีการเสนอให้หยุดพัฒนาเทคโนโลยีชั่วคราวแล้วหันมาให้ความสำคัญกับการกำหนดขอบเขต ข้อบังคับ และจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ ในเวลาเดียวกัน ก็มีอีกแนวคิดที่มองว่ามนุษย์ไม่สามารถและไม่ควรหยุดยั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ควรทำความเข้าใจและกำหนดมาตรการเชิงนโยบายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ส่งเสริมนวัตกรรม และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนจากเทคโนโลยีที่กำลังก้าวหน้าไปมากกว่า จึงเป็นที่มาของแนวคิด “ภาษีหุ่นยนต์”
เมื่อในอนาคตระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์จะกลายมาเป็นแรงงานที่องค์กรและนายจ้างไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทน ก็ควรมีการกำหนดมาตรการการเก็บภาษีจากองค์กรเหล่านั้นเพื่อมาทดแทนภาษีเงินได้ที่แต่เดิมแรงงานมนุษย์ซึ่งมีงานทำจะต้องจ่ายให้กับรัฐ
ยกตัวอย่างเช่น รัฐบาลสหรัฐอเมริกาซึ่งปัจจุบันมีรายได้จากภาษีเงินได้บุคคลคิดเป็นสัดส่วนถึง 81% ควบคู่ไปกับการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากการจับจ่ายใช้สอยและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งนับเป็นอีกแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาล แต่อาจขาดหายไปเพราะคนไม่มีกำลังซื้อ และหุ่นยนต์ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
ดังนั้น หากปล่อยให้แรงงานมนุษย์ถูกแย่งงานต่อไปโดยไม่ทำอะไรเลย จะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้ ประชาชนถูกทอดทิ้งให้ตกงานโดยขาดความช่วยเหลือ เป็นการขยายความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ในสังคม จำกัดศักยภาพการเติบโตของสตาร์ทอัพ ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง และส่งเสริมการเติบโตแบบผูกขาดขององค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งไม่เป็นผลดีทั้งต่อตลาด เศรษฐกิจ และห่วงโซ่อุปทาน
นอกจากนี้ การเก็บภาษีหุ่นยนต์ยังเป็นโอกาสให้รัฐบาลแต่ละประเทศนำเงินภาษีดังกล่าวไปใช้บริหารจัดการกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจากผลกระทบของการที่มนุษย์ถูกแทนที่งานโดยหุ่นยนต์ เช่น การจัดหาทรัพยากรเพื่อยกระดับทักษะให้ประชาชนสามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยี โครงการริเริ่มด้านสวัสดิการสังคมเพื่อลดช่องว่างรายได้และกระจายความมั่งคั่ง
เช่น รายได้ขั้นพื้นฐานถ้วนหน้า (Universal basic income) การดูแลสุขภาพ การศึกษา ราคาพลังงานหมุนเวียนราคาถูก รวมไปถึงการให้ทุนสนับสนุนงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมการทำงานและปฏิสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์ เป็นต้น
ทั้งนี้ รัฐบาลแต่ละประเทศควรออกแบบมาตรการภาษีหุ่นยนต์ในแต่ละระยะให้เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น ปี ค.ศ. 2017 ประเทศเกาหลีใต้เป็นประเทศแรกในโลกที่มีการผ่านกฎหมายภาษีหุ่นยนต์ โดยในช่วงต้นเป็นการลดหย่อนภาษีให้กับองค์กรที่มีการลงทุนเกี่ยวกับหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติถึง 3 - 7% เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาและใช้งานเทคโนโลยีมากขึ้น ก่อนจะปรับเหลือเพียง 2% ในปี ค.ศ. 2019
ปัจจุบัน เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีสัดส่วนจำนวนหุ่นยนต์หนาแน่น (Robot density) ที่สุดในโลก คือ หุ่นยนต์ 1 พันตัวต่อแรงงานมนุษย์ 1 หมื่นคน ซึ่งถือว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยโลกถึง 8 เท่า ทำให้ในอนาคต รัฐบาลเกาหลีใต้อาจพิจารณาเพิ่มการเก็บภาษีจากองค์กรที่ใช้หุ่นยนต์แทนแรงงานมนุษย์
นัยยะสำคัญที่มีต่ออนาคต:
- การทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ และปัญญาประดิษฐ์ ทำให้เกิดความต้องการอาชีพที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาดแรงงาน แรงงานจำเป็นต้องเข้าใจอุตสาหกรรมอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้ตนสามารถระบุช่องว่างและโอกาสในตลาดงานที่เหมาะกับตนเอง และสามารถเตรียมพัฒนาทักษะที่จำเป็นต้องใช้ให้เหมาะสมกับตำแหน่งงานในอนาคต
- ถึงแม้ในอนาคตจะมีความต้องการแรงงานมนุษย์ในตำแหน่งงานเกิดใหม่ แต่จะไม่ใช่ตำแหน่งงานที่แรงงานไร้ทักษะสามารถทำได้ ส่งผลให้เกิดการตกงานครั้งยิ่งใหญ่ การยกระดับศักยภาพแรงงานให้ทันต่อความต้องการของตลาดงานในอนาคตจึงเป็นประเด็นสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันผลักดันอย่างเร่งด่วน
- อุตสาหกรรมที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์และความเป็นมนุษย์ (High-Touch) ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่เกี่ยวกับการออกแบบประสบการณ์ผู้รับบริการให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตที่คุ้นชินกับเทคโนโลยีชั้นสูง (High-Tech) ในโลกอนาคต
อ่านเพิ่มเติม: Tech-enabled job replacement and advancement https://www.facebook.com/FutureTalesLABbyMQDC/posts/1440359033435633?ref=embed_post
Sources: MSCI, INSIDER, Goldman Sachs
อ้างอิงจาก
- The rise of the machines? AI, robots and industrial transformation https://www.msci.com/documents/1296102/34913408/Robots+Automation+%26+AI+-+Thematic+Insight.pdf
- Global Economics Analyst The Potentially Large Effects of Artificial Intelligence on Economic Growth (Briggs/Kodnani) https://www.key4biz.it/wp-content/uploads/2023/03/Global-Economics-Analyst_-The-Potentially-Large-Effects-of-Artificial-Intelligence-on-Economic-Growth-Briggs_Kodnani.pdf
- Bernie Sanders says he agrees with Bill Gates that the government should 'tax the robots' replacing workers https://www.businessinsider.com/bernie-sanders-government-should-tax-the-robots-that-replace-workers-2023-2
- The idea of a 'robot tax' is gaining steam as a way of dealing with automation that's killing jobshttps://www.businessinsider.com/robot-tax-san-francisco-2017-9
- San Francisco is considering a once unthinkable measure to offset the threat of job-killing robots https://www.businessinsider.com/san-francisco-considers-robot-tax-jane-kim-2017-4
- South Korea first in world to adopt ‘robot tax’ https://techwireasia.com/2017/08/south-korea-robot-tax-automation/
#FutureTalesLAB #FuturePossible #FutureofWork #WellBeing #MQDC
โฆษณา