13 ส.ค. 2023 เวลา 23:15 • ธุรกิจ

CTO ในยุคดิจิตอลควรเป็นอย่างไร?

CTO (Chief Technology Officer) ในยุคดิจิทัลควรเป็นผู้นำที่มีความเข้าใจและความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในโลกดิจิทัล ต้องมีความรู้และความเข้าใจในแนวโน้มการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสร้างกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและสนับสนุนในการตัดสินใจที่มีมูลค่า นอกจากนี้ควรมีลักษณะคุณสมบัติ ดังนี้
1. ความเปิดใจต่อการเปลี่ยนแปลง: ต้องเป็นผู้นำที่เข้าใจและพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในโลกดิจิทัลที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
2. ความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยี: มีความรู้และความเข้าใจทางเทคนิคในด้านเทคโนโลยีและพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชัน
3. การวางแผนและการนำระบบที่มีมิตินานา: มีความรู้ในการวางแผนและการนำระบบที่มีมิตินานาเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. การนำเสนอและสื่อสาร: มีทักษะในการนำเสนอและสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจและความรู้สึกที่ดีกับทีมและผู้บริหาร
5. ความสามารถในการนำทีม: สามารถนำทีมด้านเทคนิคให้ทำงานร่วมกันในอย่างมีประสิทธิภาพและควบคู่กันกับเป้าหมายขององค์กร
6. การเรียนรู้และความก้าวหน้า: มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้และติดตามความก้าวหน้าในเทคโนโลยีและสิ่งที่เกิดขึ้นในสายงานที่เกี่ยวข้อง
7. ความรับผิดชอบและความสำเร็จในผลงาน: มีความรับผิดชอบในผลงานและความสำเร็จในการดำเนินงานด้านเทคโนโลยีให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี
8. การตัดสินใจที่มีมูลค่า: มีความเข้าใจและความเป็นไปได้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อให้เป็นประโยชน์ให้กับองค์กร
CTO ในยุคดิจิทัลควรมีความพร้อมในการนำเสนอแนวโน้มใหม่ๆ ในด้านเทคโนโลยีและสร้างกลยุทธ์ที่เป็นประสิทธิผลในการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีในองค์กร โดยต้องสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ และควรมีความเป็นไปได้ในการสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจเพื่อนำเอาองค์กรไปสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล
ในยุคดิจิทัลปัจจุบันนั้นมีเทคโนโลยีดิจิทัลหลายอย่างที่ CTO ควรรู้เพื่อสนับสนุนและนำเอาองค์กรไปสู่ความสำเร็จในโลกดิจิทัล บางส่วนของเทคโนโลยีที่ควรต้องให้ความสำคัญ ได้แก่
1. คลาวด์คอมพิวติ้งและการควบคุมสมรรถนะ: ใช้บริการคลาวด์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลและเพิ่มความยืดหยุ่นในการขยายองค์กร
2. ศักยภาพในการปรับใช้ระบบปฏิบัติการของบล็อกเชน: เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในกระบวนการธุรกรรมและการส่งสิ่งของในเครือข่าย
3. ระบบที่เปิดกว้างและการรวมระบบ (APIs and Integration): ใช้ในการเชื่อมต่อและรวมระบบต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
4. การประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์: เพื่อวิเคราะห์และตัดสินใจที่มีมูลค่าในเวลาจริง
5. ปัญญาประดิษฐ์และเรียนรู้เชิงลึก: ใช้ในการพัฒนาและนำเสนอโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและความสามารถในการเรียนรู้อย่างเป็นอัตโนมัติ
6. อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT): ใช้ในการเชื่อมต่อและควบคุมอุปกรณ์ที่ติดตั้งเซ็นเซอร์เพื่อให้สามารถรวมข้อมูลและเก็บข้อมูลได้
7. 5G และเครือข่ายไร้สาย: ใช้ในการเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อเครือข่าย
8. ปัญญาประดิษฐ์ทางความปลอดภัย (AI in Cybersecurity): ใช้ในการตรวจสอบและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและระบบ
ความรู้และความเข้าใจในเทคโนโลยีดิจิทัลเหล่านี้จะช่วยให้ CTO สามารถตัดสินใจในการนำเสนอและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อแผนงานและองค์กรในปัจจุบันและอนาคต

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา