5 ก.ย. 2023 เวลา 01:00 • ปรัชญา

ดอกไม้ที่ผลิบาน ผิดฤดูกาล

ในช่วงฤดูร้อนปลายเดือนกุมภาพันธ์ ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์จะเบ่งบานสีสันชมพูหวานสร้างบรรยากาศสุดโรแมนติก พอใบสีเขียวร่วงหมดก็จะเหลือแต่ดอกสีชมพูฟูฟ่องทั้งต้นทำให้ความสวยงามยิ่งเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว พอดอกร่วงโรยลงพื้นดินก็จะกลายเป็นสีชมพูหรือถ้าร่วงลงสระน้ำที่อยู่ใกล้เคียงก็จะกลายเป็นสระสีชมพู คล้ายกับดอกซากุระที่ร่วงลงคลองในญี่ปุ่นเลยเชียว ผมตั้งชื่อเล่นๆว่า "ดอกซากุระไทย"
ให้เครดิต http://topicstock.pantip.com/camera/topicstock/2012/01/O11634384/O11634384.html
กลางเดือนมีนาคมของทุกปี ดอกเหลืองปรีดียาธร ผลิบานเป็นช่อกระจุกสีเหลืองอร่ามยามที่ดอกเหลืองปรีดียาธรบานสะพรั่งพร้อมกัน บรรยากาศก็จะสวยงามทั้งบนต้นไม้และพื้นดินก็จะมีแต่สีเหลืองสดใส สร้างสีสันให้กับฤดูร้อนได้อย่างดี
ให้เครดิตภาพ https://www.nee4garden.com
เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝน ดอกคุณนายตื่นสายก็จะเบ่งบานจากการหลับไหลให้เราได้ชมความหลากสี ดอกจะบานเมื่อได้รับแสงแดดจัดในช่วงสาย
ให้เครดิตภาพ https://www.royalparkrajapruek.org/news/news_detail?newsid=678
หลังจากฝนโปรยปรายมาหลายวันติดกัน ดอกบัวดินกลีบบางรูปทรงกรวย ก็แข่งกันบานอวดสีสันชูช่อออกดอกเต็มท้องทุ่ง ภาพลานบัวดินหรือบัวสวรรค์ความงามของดอกบนภูสูงท่ามกลางป่าสน
ให้เครดิตภาพ https://www.hrdi.or.th/Articles/Detail/116
สิงหาคมมาบรรจบสีขาวของดอกแก้วที่กำลังผลิดอกออกผล ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนให้ผึ้งมาตอมเกษร ราวกับว่ากำลังจัดเตรียมอาหารอันโอชะให้บรรดาเหล่าแมลงได้ลิ้มลองรสชาติ
ให้เครดิตภาพ http://shopee.co.th
ดอกเทียนฝรั่ง ที่มาพร้อมกับฤดูหนาวจนเข้าไส้ ก็พร้อมใจกันเบ่งบานหลากสีแข่งกัน ต้นแข็งแรง แตกกิ่งก้านดี ทรงพุ่มและการออกดอกพร้อมเพียงกันสีขาว แดง ชมพู ม่วง สลับกันดูแล้วให้ความสดใสเหมือนกับจินตนาการที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ให้เครดิตภาพhttps://www.nanagarden.com/product/263
เดซี่ ดอกไม้ปลูกหน้าหนาวที่สามารถเรียกรอยยิ้มของคนที่พบเห็นได้มากเลยทีเดียว นั่นอาจเป็นเพราะดอกไม้ชนิดนี้เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนแห่งความรักอันบริสุทธิ์ก็เป็นได้
ให้เครดิตภาพ https://www.readawrite.com/a/8657814dbaf7c3a0a8d50ca34f73af4c
ท่านผู้อ่านอาจจะแปลกใจว่าทำไมผมถึงได้หยิบยกเรื่องราวของดอกไม้มาพูดได้ หรือว่าผมจะเปลี่ยนมาให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องดอกไม้ นั่นก็ไม่ใช่อีกละครับ
ที่ผมพูดเรื่องดอกไม้ขึ้นมาเพียงเพราะอยากให้เห็นภาพ ของตัวคุณเองที่กำลังตั้งใจทำงานอย่างขะมักเขม้น วัยรุ่นหนุ่มสาวที่กำลังตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเพื่อจะได้มีงานมีการทำดีๆเงินเดือนสูงๆ เพื่อเป้าหมายที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต และในเป้าหมายของคุณนั้น คุณอาจจะเร่งรีบเพื่อให้ได้บรรลุในเร็ววัน และจะได้พักผ่อนแบบสบายๆในตอนที่อายุยังน้อย
ผมอยากจะแนะนำอย่างนี้นะครับว่า ไม่ต้องเร่งรีบที่จะประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมายเร็วๆหรอกครับ เพราะถ้าคุณประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยคุณก็จะเกิดความทะนงตน และเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตคุณจะสัมผัสได้ว่าโลกใบนี้ไม่มีอะไรให้น่าค้นหาอีกต่อไปแล้ว ยิ่งเลวร้ายกว่านั้นถ้าประคับประคองความสำเร็จไม่ดีพอก็อาจจะต้องตกลงมาทำให้คุณบาดเจ็บหนักได้ คนเราย่อมมีช่วงจังหวะชีวิตที่เหมาะสมที่จะแสดงความเฉิดฉายเจิดจรัสในเวลาที่เหมาะสมและในสภาวะที่คู่ควร
บางคนอาจจะแย้งขึ้นมาในใจนะครับว่า "ยิ่งประสบความสำเร็จในชีวิตเร็วเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีไม่ใช่หรือจะได้มีเวลาพักผ่อนเร็วๆไม่ต้องทำงานแลกเงินเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้"
ให้คุณลองนึกภาพของดอกไม้ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ หรือดอกเหลืองปรีดียาธร ดูสิครับว่า ดอกไม้ฤดูร้อนไปผลิบานในฤดูฝนมันจะเป็นยังไง ดอกที่กำลังบานอย่างสวยงามนั้น วันดีคืนดีมีฝนตกใส่จะเป็นยังไง ดอกไม้สีชมพูที่สดใสก็ต้องร่วงหล่นกลายเป็นปุ๋ยในไม่ช้าและมันไม่เข้าท่าเอาสะเลย
ลองคิดดูว่าถ้า ดอกบัวดินและดอกแก้ว ที่ผลิบานในฤดูฝนแต่กลับไปดอกในฤดูร้อน ดอกของมันก็คงจะแห้งเหี่ยวเฉาตายในที่สุดก่อนที่จะได้ผลิบานเต็มที่
ผมมีนิทานเรื่องหนึ่งอยากจะเล่าให้ฟังครับ
ชื่อว่า "พรแห่งความสุข"
บนเขาอันไกลโพ้นมีนักพรตปริศนาผู้หนึ่งได้ทรงศีลภาวนาจนชาวบ้านในละแวกนั้นเกิดความเลื่อมใสศรัทธา
ให้เครดิตภาพ https://www.kawebook.com
และในวันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่เหล่าบรรดาชาวบ้านต่างร่วมใจกันมาทำบุญตักบาตรและได้ให้นักพรตผู้นั้นกล่าวคำอวยพรเพื่อความเป็นสิริมงคล
"คารวะท่านนักพรตวันนี้เป็นวันดีพวกเราต่างนำของมาสักการะด้วยความเลื่อมใส เนื่องในวันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ โปรดอวยพรให้พวกเราได้พบแต่ความสุขด้วยเถิด"
เมื่อนักพรตได้ฟังดังนั้นจึงเอ่ยประโยคปริศนาขึ้นมาว่า "อันความสุขนั้นอยู่กับตัวท่านอยู่แล้ว" ชาวบ้านเมื่อได้ยินดังนั้นก็ต่างพากันฉงนเป็นอย่างมาก "ความสุขจะอยู่กับพวกเราได้อย่างไรในเมื่อพวกเราที่มาในวันนี้ต่างไม่มีความสุขเลย?"
"ไม่มีความสุขอย่างนั้นหรือแม้แต่เด็กน้อยก็ไม่มีความสุขอย่างนั้นหรือ?" นักพรตเอ่ยถาม "ข้าจะมีความสุขได้อย่างไรในเมื่อทำอะไรก็โดนแต่พ่อแม่ห้าม ถ้าข้าโตแล้วข้าคงมีความสุขเพราะจะได้ทำอะไรได้ตามใจ"
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเมื่อได้ฟังก็เอ่ยขึ้นมาว่า "ไม่ใช่หรอกเจ้าหนู!!! แม้จะโตเป็นหนุ่มแล้วเหมือนข้าก็จะยังไม่มีความสุขหรอก ต้องมีการงานที่มั่นคง มีบ้านมีทรัพย์สินก่อนถึงจะมีความสุขได้"
บัณฑิตหนุ่มที่อยู่ข้างๆเมื่อได้ฟังแล้วก็ได้เอ่ยขึ้นมาว่า "นั่นก็ไม่ใช่ความสุขหรอกพ่อหนุ่ม ข้าเองก็มีหน้าที่การงานที่มั่นคง มีทรัพย์สมบัติเพียบพร้อมแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความสุขหรอก เราต้องมีลูกมีเมียมีครอบครัวที่สมบูรณ์เสียก่อนต่างหากถึงจะมีความสุขได้"
เศรษฐีที่อยู่ข้างๆเมื่อได้ฟังก็ได้เอ่ยขึ้นมาว่า "นั่นก็ไม่ใช่ความสุขหรอกพ่อหนุ่ม ข้าเองก็มีครอบครัวมีเมีย มีลูกเต้าเพียบพร้อมแล้วก็ยังไม่มีความสุขเลย ต้องให้ลูกเต้ามีครอบมีครัว มีหน้าที่การงานที่มั่นคงเลี้ยงตัวเองให้ได้เสียก่อน เราจึงจะวางใจและมีความสุขได้"
ชายแก่ที่อยู่ข้างๆเมื่อได้ฟังก็ได้เอ่ยขึ้นมาว่า "นั่นก็ยังไม่ใช่ความสุขหรอกท่านเศรษฐี เพราะข้าเองก็มีลูกเต้าต่างคนก็ต่างมีหน้าที่การงานที่มั่นคง และมีเหย้ามีเรือนกันจนครบหมดแล้ว แต่ข้าก็ยังไม่มีความสุขเลย ข้าคิดว่าถ้าได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งข้าคงจะมีความสุขเพราะเป็นเด็กไม่ต้องมีความรับผิดชอบอะไรมากและสุขภาพก็ดีกว่าที่ข้าเป็นอยู่ในตอนนี้"
ดุจดั่งสายลมแห่งปัญญาได้พัดผ่านเข้ามา เมื่อชายแก่พูดจบทุกคนต่างฉุกคิดทันทีว่า "ทุกคนก็ล้วนมีความสุขอยู่แล้วจริงๆดังที่ท่านนักพรตได้กล่าว แต่ต่างคนต่างถือความสุขของอีกคนอยู่ เด็กน้อยอยากมีความสุขเหมือนชายหนุ่ม ชายหนุ่มอยากมีความสุขเหมือนบัณฑิต บัณฑิตอยากมีความสุขเหมือนเศรษฐี เศรษฐีอยากมีความสุขเหมือนชายแก่ ส่วนชายแก่ก็อยากมีความสุขเหมือนเด็กน้อย"
เศรษฐีจึงเอ่ยด้วยความสงสัยว่า "ทั้งๆที่เราทุกคนล้วนต่างมีความสุขอยู่กับตัวแท้ๆ แต่เหตุใดกลับรู้สึกว่าไม่มีความสุขเลย"
นักพรตยิ้มอย่างใจเย็นแล้วจริงเอ่ยว่า "นั่นเป็นเพราะเมื่อมองแต่สิ่งที่ขาด จึงพลาดในสิ่งที่มี พวกท่านต่างผลักดันความสุขให้ห่างออกไปจากตัวนั่นเอง คนเรานั้นที่ไม่มีความสุขเพราะมักคาดหวังว่า ถ้าเป็นอย่างนู้นถ้าเป็นอย่างนี้จึงจะมีความสุข
แต่เมื่อได้ดังหวังแล้วก็มักมองข้ามไปกลับมองหาสิ่งใหม่ คาดหวังสิ่งใหม่อย่างนี้ร่ำไป ทั้งที่แท้จริงแล้วความสุขนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เพียงเราเลิกผลักดันความสุขออกไปแล้วพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ และยอมรับว่าชีวิตคนเรานั้นย่อมมีดีบ้าง ร้ายบ้าง สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้างเป็นเรื่องธรรมดาเพียงเท่านี้ชีวิตพวกท่านทุกคนก็จะมีความสุขได้แล้ว"
อ่านมาถึงตรงนี้คุณเห็นอะไรไหมครับ ว่าชีวิตในอุดมคตินั้นย่อมดูมีความสุขกว่าชีวิตในความเป็นจริงเสมอ นั่นเป็นเพราะในโลกความจริงนั้นไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์ได้ดังหวังและไม่มีทางหลีกหนีความผิดหวังได้พ้น ดังนั้นอย่ามัวแต่มองหาความสุขที่อยู่ไกลตัว หันมามองความสุขที่อยู่ใกล้ตัวจะดีกว่า เพราะความสุขนั้นเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อเพียงแค่เรารู้จักพอและรู้จักยอมรับความผิดหวัง
มีความสุขกับสิ่งที่เราทำและทำให้ดีที่สุด เพราะวงจรของธรรมชาติได้จัดสรรให้เหมาะสมที่สุด
ไม่ต้องกระวนกระวายใจ กระหายที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตเร็วๆ แต่ให้จงเตรียมพร้อมอยู่ทุกเมื่อ ค่อยๆทำค่อยๆคิด พัฒนาตัวเองไปทีละเล็กละน้อย แล้วเมื่อสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันได้สุกงอมแล้ว โอกาสแห่งความโชคดีจะเข้ามาหาตัวเรา ดอกไม้ของคุณจะเบ่งบานตามฤดูกาลในเวลาที่สมควร
"ฝากติดตามเพจบทความของผมด้วยนะครับสำหรับวันนี้ วุฒิอินฟินิตี้ ขอตัวไปพัฒนาตัวเองก่อน สวัสดีครับ"🙏🙏🙏
โฆษณา