29 ก.ย. 2023 เวลา 17:41 • ประวัติศาสตร์

15 ปี 11 เดือน กับประเทศไทยภายใต้ "บัลลังก์ตราไก่" ของ "แปลก พิบูลสงคราม"

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบุคคลสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของไทย ที่เรามักจะพูดถึงกันเป็นประจำ ทั้งด้านบวกและด้านลบซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์ปุถุชน
1
นั่นก็คือเขาคนนี้ แปลก พิบูลสงคราม หรือ "จอมพล ป.พิบูลสงคราม" นายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในประเทศไทยเกือบ 16 ปี (15 ปี 11 เดือน) รัฐบุรุษผู้สร้างชาติด้วยวิธีแปลกๆ เหมือนชื่อของเขา และมีเรื่องราวต่างๆ อันโชกโชน ตลอดระยะเวลาที่เขาอยู่ในสนามการเมือง
แปลก พิบูลสงคราม หรือ จอมพล ป.พิบูลสงคราม เขาเกิดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2440 ที่จังหวัดนนทบุรี จอมพล ป. เป็นหนึ่งในสมาชิกของคณะราษฎรฝ่ายทหาร ที่ร่วมก่อการปฏิวัติสยามในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 และเป็นหนึ่งในผู้ปราบกบฎบวรเดช นำชัยชนะสู่รัฐบาลคณะราษฎร
  • พ.ศ.2481-พ.ศ.2487 : ท่านผู้นำ
ตราไก่เหยียบคฑาจอมทัพ โลโก้ประจำตัวของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งตราไก่คือนักษัตรระกา เป็นปีนักษัตรเกิดของเขา
จอมพล ป. พิบูลสงคราม ก้าวขึ้นเถลิงอำนาจสู่ "บัลลังก์ตราไก่" ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2481 ก่อนหน้านั้นเขาถูกลอบสังหารถึงสามครั้ง แต่รอดชีวิตมาได้
ในช่วงแรกจอมพล ป. ได้กำจัดศัตรูทางการเมืองมากมาย ทั้งการเนรเทศพระยาทรงสุรเดช ซึ่งเป็นหนึ่งในทหารเสือของคณะราษฎรไปยังกัมพูชา การจับกุมและถอดพระอิสริยยศสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร (ต่อมาพระองค์ได้รับการนิรโทษกรรมและได้รับพระอิสริยยศคืน) จนนำไปสู่การตั้งศาลพิเศษ และตัดสินประหารชีวิตศัตรูทางการเมืองทั้ง 18 ราย
ต่อมาจอมพล ป. ในฐานะ "ท่านผู้นำ" ออกนโยบายสร้างความเป็นชาตินิยมที่สุดโต่งและรุนแรง เพื่อสร้างชาติในรูปแบบใหม่ให้มีอารยะ แทนที่การสร้างชาติโดยองค์พระมหากษัตริย์ ด้วยการออกรัฐนิยม 12 ฉบับ เช่น การให้ประชาชนสวมหมวกและผ้าถุง การยกเลิกตำแหน่งบรรดาศักดิ์ การห้ามประชาชนเคี้ยวหมากพลู การตัดพยัญชนะไทยที่สะกดคล้ายกันออก เป็นต้น
รัฐนิยมบางฉบับก็ถูกยกเลิกไปหลังจากที่จอมพล ป. พ้นตำแหน่งในปี พ.ศ.2487 และบางฉบับก็เป็นมรดกตกทอด นำมาปรับใช้ในวัฒนธรรมไทยและชีวิตประจำวันของยุคสมัยปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน ก็ได้มีนโยบายที่เรียกว่า "กลืนชาติ" เช่นการกีดกันคนจีนด้วยการสั่งปิดโรงเรียนจีนในไทย จึงเป็นที่มาของคำว่า "เรียบร้อยโรงเรียนจีน" การบังคับชาวมุสลิมห้ามแต่งกายตามศาสนาและห้ามศึกษาคัมภีร์อัลกุรอาน
ช่วงกรณีพิพาทอินโดจีน มีการกวาดล้างผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์โดยเจ้าหน้าที่รัฐ และกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า "คณะเลือดไทย" อย่างเช่นโศกนาฏกรรม "มรณสักขีแห่งสองคอน" และมีความพยายามในการผลักดันศาสนาพุทธให้เป็นศาสนาประจำชาติไทยอย่างเป็นทางการอีกด้วย
หากท่านยังจำหนังเรื่อง "โหมโรง" กันได้ จะมีฉากการปะทะคารมเกี่ยวกับดนตรีไทย และเรื่องวัฒนธรรม ระหว่างพันโทวีระกับครูศร (หลวงประดิษฐ์ไพเราะ) ซึ่งในยุคนั้นดนตรีไทย ก็ถูกจำกัดบทบาทเป็นอย่างมาก
จอมพล ป. ได้ออกรัฐนิยมที่เกี่ยวกับเรื่องการเคารพธงชาติ การเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี ในขณะเดียวกันเขายังมีคำสั่งให้ปรับเปลี่ยนเนื้อร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีใหม่ และยังให้แสดงความเคารพตัวเขาเองในโรงมหรสพ สุดท้ายแล้วก็ล้มเลิกไป
สำหรับนโยบายรัฐนิยมในอีกประการหนึ่ง เพื่อต้องการรวมชาติให้เป็น "มหาอาณาจักรไทย" เฉกเช่นเดียวกันกับกลุ่มผู้นำประเทศฝ่ายอักษะที่ปกครองแบบเผด็จการฟาสซิสต์ เช่น นาซีเยอรมัน อิตาลี ญี่ปุ่น อย่าง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ที่มีนโยบายรวมชาตินาซีเยอรมัน ด้วยการรวมกลุ่มเผ่าชนเจอร์แมนิกให้เป็นมหาอาณาจักรเยอรมัน พร้อมทั้งการต่อต้านและกวาดล้างชาวยิว เป็นโศกนาฏกรรมครั้งสำคัญของโลก อิตาลี ก็ปกครองแบบเผด็จการฟาสซิสต์ภายใต้การนำโดย เบนนิโต มุสโสลินี ส่วนจักรวรรดิญี่ปุ่นในยุคโชวะตอนต้น ก็มีการทำสงครามรุกรานจีน
7 ปีหลังการปฏิวัติ 24 มิถุนายน พ.ศ.2482 รัฐบาลของท่านผู้นำ ได้ออกประกาศรัฐนิยม เปลี่ยนชื่อประเทศจาก "สยาม" มาเป็น "ไทย" พร้อมทั้งก่อสร้างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขึ้นกลางถนนราชดำเนิน และเป็นปีแรกที่มีการเฉลิมฉลองวันชาติไทยในวันที่ 24 มิถุนายน
ต่อมาได้ประกาศให้วันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ตามแบบสากล แทนวันที่ 1 เมษายน ซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีเดิมมาแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และกำหนดให้คำว่า "สวัสดี" เป็นคำทักทายประจำชาติไทย
จอมพล ป. ยังส่งเสริมให้ประชาชนกินก๋วยเตี๋ยว ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่มาของเมนู "ผัดไทย" หนึ่งในอาหารเส้นยอดนิยมของคนไทย
พ.ศ.2483 เกิดข้อพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเกี่ยวกับเรื่องดินแดนที่ไทยเคยเสียให้ฝรั่งเศสไปเมื่อคราวสมัยรัชกาลที่ 5 นักศึกษาและประชาชนได้รวมตัวกันประท้วงเรียกร้องให้ดินแดนเหล่านั้นกลับมาเป็นของไทย ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน ฝรั่งเศสได้ส่งเครื่องบินรบทิ้งระเบิดที่นครพนม ต่อมาไทยก็ได้ส่งกำลังทหารเข้าตอบโต้ในดินแดนลาว เขมรของอินโดจีนฝรั่งเศส สุดท้ายญี่ปุ่นได้เข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และไทยก็ได้รับชัยชนะพร้อมได้รับดินแดนคืนจากฝรั่งเศสอีกด้วย
หลังจากเหตุการณ์นี้ รัฐบาลได้สร้างอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิขึ้นที่ทุ่งพญาไท เพื่อเป็นอนุสรณ์ที่ไทยมีชัยชนะเหนือฝรั่งเศส และรำลึกถึงทหารที่เสียชีวิตจากสมรภูมิต่างๆ โดยได้ทำรัฐพิธีเปิดในวันชาติ 24 มิถุนายน พ.ศ.2485
8 ธันวาคม พ.ศ.2484 กองทัพญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกสู่ประเทศไทยทางภาคใต้ ระหว่างที่มีการปะทะกันระหว่างกองทัพญี่ปุ่นและกองกำลังผสมไทยอยู่นั้น รัฐบาลได้ออกคำสั่งให้ยุติการปะทะ และให้กองทัพญี่ปุ่นเดินทัพผ่านประเทศไทย วันที่ 21 ธันวาคม ปีเดียวกันได้มีพิธีลงนามเป็นพันธมิตรระหว่างไทยกับญี่ปุ่นที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ต่อมา 25 มกราคม พ.ศ.2485 ไทยประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตร และกองทัพไทยเข้าบุกยึดรัฐฉานของพม่า พร้อมกับได้ดินแดนมลายูบางส่วนของอังกฤษกลับคืนมา
ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา ไม่ยอมรับคำประกาศสงคราม พร้อมกับก่อตั้ง "ขบวนการเสรีไทย" ขึ้น คณะราษฎรฝ่ายพลเรือนของปรีดี พนมยงค์ ได้แยกตัวออกจากรัฐบาลพร้อมจัดตั้งขบวนการเสรีไทยขึ้นภายในประเทศ
ขณะเดียวกัน กองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกของฝ่ายสัมพันธมิตร ลงมือสร้างทางรถไฟไปยังดินแดนพม่า ทางรถไฟสายนี้เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ "ทางรถไฟสายมรณะ"
ในขณะที่กรุงเทพถูกโจมตีโดยฝ่ายสัมพันธมิตร รัฐบาลของจอมพล ป. ได้มีนโยบายย้ายเมืองหลวงไปยังจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมทั้งพัฒนาเมืองลพบุรี สระบุรี เพื่อรองรับการย้ายเมืองหลวง และได้กำหนดว่าจะสร้าง "พุทธมณฑล" ขึ้นที่สระบุรีด้วย สุดท้ายแล้ว สภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่อนุมัติโครงการดังกล่าวในปี พ.ศ.2487 ทำให้จอมพล ป.พิบูลสงคราม ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 2 กันยายน พ.ศ.2488 การประกาศสงครามระหว่างไทยและฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นโมฆะ จากการดำเนินการช่วยเหลือของขบวนการเสรีไทย ต่อมาได้มีการออกกฎหมายอาชญากรสงคราม จอมพล ป.พิบูลสงคราม และผู้ใต้บังคับบัญชาในช่วงสงคราม ถูกจับกุมและพิจารณาคดีอาชญากรสงครามโดยศาลไทย แต่สุดท้ายแล้วก็ได้รับการปล่อยตัวทั้งหมด ส่วนตัวจอมพล ป. วางมือทางการเมือง ไปใช้ชีวิตอย่างสงบที่จังหวัดปทุมธานี
ข้าพเจ้ารู้สึกว่าจอมพล ป.ฯ นั้นกระทำการเพื่อจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินเสียเอง แล้วภรรยาจอมพล ป.ฯ ก็มีความมักใหญ่ใฝ่สูงทำนองเดียวกัน เช่น เอารูปไปฉายในโรงหนังให้คนทำความเคารพโดยมีการบังคับ ในการทำบุญวันเกิดก็ทำเทียมวันเฉลิมพระชนม์พรรษาของพระเจ้าแผ่นดิน เช่น มีตราไก่กางปีกประดับธงทิว ทำนองเดียวกับตราครุฑ หรือตราพระบรมนามาภิธัยย่อ และได้สร้างเก้าอี้โทรนขึ้นทำนองเดียวกับเก้าอี้โทรนของพระเจ้าแผ่นดิน เว้นแต่ใช้ตราไก่กางปีกแทนครุฑเท่านั้น
ส่วนหนึ่งของคำให้การของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ประธานคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในรัชกาลที่ 8 ระหว่างพิจารณาคดีอาชญากรสงคราม
  • พ.ศ.2491-พ.ศ.2500 : การเมืองสามเส้า
8 เมษายน พ.ศ. 2491 จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง จากการทาบทามของคณะรัฐประหารโดยจอมพล ผิน ชุณหะวัณ (8 พฤศจิกายน พ.ศ.2490) ในช่วงนี้เกิดการรัฐประหารที่ไม่สำเร็จแล้วเป็นกบฎมากมาย ทั้งกบฎเสนาธิการ กบฎวังหลวง
29 มิถุนายน พ.ศ. 2494 "กบฎแมนฮัตตัน" จอมพล ป. เป็นประธานในพิธีรับมอบเรือขุดสันดอนแมนฮัตตันที่ส่งตรงจากสหรัฐอเมริกา ณ ท่าราชวรดิษฐ์ มีทหารเรือกลุ่มหนึ่งเข้าจับกุมจอมพล ป. และกักบริเวณไว้ที่เรือหลวงศรีอยุธยา จนกระทั่งรัฐบาลสามารถปราบปรามกบฎและช่วยจอมพล ป. ออกจากเรือหลวงศรีอยุธยาที่ถูกทิ้งระเบิดจนอับปางได้สำเร็จ นำไปสู่การยุบหน่วยงานบางหน่วยของกองทัพเรือ ปลายปีเดียวกัน จอมพล ป. ได้ทำรัฐประหารตัวเอง นำรัฐธรรมนูญฯ ฉบับถาวรปี พ.ศ.2475 กลับมาใช้
ในช่วงนี้ โลกเข้าสู่ยุคสงครามเย็น เป็นการแก่งแย่งชิงดีกันระหว่างฝ่ายโลกเสรี ซึ่งมีผู้นำคือสหรัฐอเมริกา และฝ่ายคอมมิวนิสต์มีผู้นำคือสหภาพโซเวียต รัฐบาลไทยของจอมพล ป. เข้าร่วมฝ่ายโลกเสรีของสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นหลักในการต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์
พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) เกิดสงครามเกาหลี รัฐบาลไทยได้มีการร่วมมือกันกับองค์การสหประชาชาติ และสนับสนุนเกาหลีใต้ ไทยจึงได้ส่งกำลังทหารทั้งสามเหล่าทัพไปปฏิบัติภารกิจในสงครามเกาหลีอย่างยิ่งยวด จนได้รับการยกย่องจากฝ่ายโลกเสรีและชาวเกาหลีใต้ ในขณะเดียวกันรัฐบาลได้จับกุมนักเคลื่อนไหวต่อต้านการเข้าร่วมสงครามเกาหลีของไทย และต่อต้านสหรัฐอเมริกา การจับกุมในครั้งนั้นเรียกว่า "กบฎสันติภาพ"
ทางด้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็มีความพยายามฟื้นฟูบทบาทอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงจำกัดสิทธิและบทบาทของสถาบันฯ อยู่นับตั้งแต่การปฏิวัติสยาม เช่น รัฐบาลอนุญาตให้อัญเชิญพระบรมอัฐิของรัชกาลที่ 7 นิวัติสู่พระนคร พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพรัชกาลที่ 8 การดำเนินการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ จนเสร็จสมบูรณ์ และมีรัฐพิธีเปิดในวันที่ 17 เมษายน พ.ศ.2497
ในช่วงเวลานี้เอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 (พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร) เสด็จนิวัติพระนคร เพื่อทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธีบรมราชาภิเษก (พ.ศ.2493) พระราชพิธีทรงผนวช (พ.ศ.2499) และได้บำเพ็ญพระราชกรณียกิจต่างๆ เช่นการเสด็จเยี่ยมราษฎรในภาคกลาง ภาคอีสาน ในปี พ.ศ.2498
หลังจากการรัฐประหารของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ การฟื้นฟูบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ และขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ ก็ทำได้อย่างสำเร็จลุล่วง ซึ่งเราจะเขียนเรื่องราวของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในโอกาสต่อไป
จอมพล ป. ยังได้พัฒนาและริเริ่มองค์กร รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานสำคัญต่างๆของประเทศ มีสถานีโทรทัศน์แห่งแรกของไทยคือ"สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม" มีการริเริ่มจัดงานวันเด็กแห่งชาติ วันแม่แห่งชาติ ขึ้นเป็นครั้งแรก และได้มีการจัดงานเฉลิมฉลอง 25 พุทธศตวรรษ อย่างยิ่งใหญ่
เมื่อคราวที่ อูนุ นายกรัฐมนตรีพม่า เดินทางมาเยือนประเทศไทย ในปี พ.ศ.2498 ได้เข้าพบจอมพล ป.พิบูลสงคราม ผู้นำรัฐบาลของไทย และได้มอบเงินบริจาคในการบูรณะปฏิสังขรณ์โบราณสถานในกรุงศรีอยุธยา รวมถึงวิหารพระมงคลบพิตร
จอมพล ป. พิบูลสงคราม ยังมีคู่ปรับทางการเมือง ล้วนแล้วเป็นคนที่ใกล้ชิดตัวเขามากที่สุดคือ พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ และจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เรียกได้ว่าเป็นยุค "การเมืองสามเส้า" ทั้งสามได้ก่อตั้ง "พรรคเสรีมนังคศิลา" ขึ้นมาในปี พ.ศ.2498
26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2500 พรรคเสรีมนังคศิลาชนะการเลือกตั้ง เรียกได้ว่าเป็นการเลือกตั้งที่ทุจริตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ นักศึกษาและประชาชนได้ชุมนุมประท้วงการเลือกตั้ง จนค่อยๆ บานปลายและเกือบจะมีการนองเลือด จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็ได้เข้าไปเจรจากับผู้ชุมนุมอย่างสันติ ความขัดแย้งต่างๆ ก็ค่อยๆ รุนแรงขึ้น
และแล้ว จอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ถูกรัฐประหารโค่นล้มเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2500 จอมพล ป. ได้ลี้ภัยไปยังประเทศญี่ปุ่น ตราบจนถึงแก่อสัญกรรมในวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2507 สิริอายุรวมได้ 66 ปี
ปิดฉาก "บัลลังก์ตราไก่" ที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดของประเทศไทยถึง 15 ปี 11 เดือน
(จากซ้ายไปขวา) จอมพล ป. พิบูลสงคราม จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ จอมพลเรือ หลวงยุทธศาสตร์โกศล จอมพลอากาศ ฟื้น รณนภากาศ ฤทธาคนี (ภาพจากเพจโคตรทหาร)
ที่มาคำให้การของพระองค์เจ้าอาทิตย์ฯ
โฆษณา