15 พ.ย. 2023 เวลา 09:21 • นิยาย เรื่องสั้น
กรุงเทพมหานคร

ตอน ผู้ต้องสงสัย

เมอร์คิวเรียสเห็นว่าตอนนี้ก็เช้าแล้ว ถ้าจะนอนต่อก็คงนอนไม่หลับ มิสู้รีบออกเดินทางไปเฮกเลยจะดีกว่า
อากาศเช้านี้หนาวมากจนน้ำเป็นน้ำแข็ง การเดินทางด้วยเท้าจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก ต้องคอยระวังไม่ให้ลื่นหกล้ม
ด้วยความรีบร้อนออกจากโรงแรม เมอร์คิวเรียสจึงลืมหยิบห่ออาหารของลูซี่ติดมือมา ทำให้ต้องแวะระหว่างทางเพื่อกินมื้อเช้า
เมอร์คิวเรียสเดินทางมาถึงเมืองรีสวิคซึ่งเป็นทางผ่าน เขาจำได้ว่าแม่ของแมกดาเลนาได้ฝากลูกสาวคนเล็กให้แม่ของเธอซึ่งอาศัยในเมืองนี้ช่วยเลี้ยงเพื่อความปลอดภัย
ระหว่างที่เขากำลังจะพ้นเขตเมืองรีสวิคจู่ๆหิมะก็ตกหนักจนต้องรีบหาที่หลบหิมะ พอดีไปเจอร้านอาหารที่ชื่อเดอะกรีนแพรอทจึงแวะหลบหิมะ ที่นี่มีนกแก้วพูดได้หลายตัวทำให้รู้สึกเหมือนมีเพื่อนคุย ระหว่างรอก็ได้สั่งเบียร์เอลรสชาติเข้มข้นมาดื่มแก้หนาวไปพรางๆ เขารอจนหิมะหยุดตกจึงรีบออกเดินทางต่อไป
เมอร์คิวเรียสเดินเข้าเมืองเฮกทางด้านตะวันตกแล้วเดินต่อไปมุ่งสู่หมู่บ้านสเคพเวนนิงเกนซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ติดกับทะเลเหนือ ที่นี่ผู้คนนิยมเดินทางมาตากอากาศรับลมทะเล แต่คงไม่ใช่วันที่มีอากาศหนาวเช่นวันนี้แน่นอน
ในที่สุดเมอร์คิวเรียสก็มาถึงสเคพเวนริงเกน เขารีบเดินไปที่โบสถ์ประจำหมู่บ้านนี้ทันที เมอร์คิวเรียสแนะนำตัวและบอกจุดประสงค์ให้ศาสนาจารน์ทราบ ศาสนาจารย์ได้ออกตัวว่าตนเองเพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่นานอาจบอกอะไรมากไม่ได้
เมอร์คิวเรียสหยิบกระดาษที่มีข้อมูลที่เขาคัดลอกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเวสเตนต์ให้ศาสนาจารย์ดู ข้อความเขียนไว้ว่า
'เด็กทารกเพศหญิง อายุแปดสัปดาห์ บุตรสาวของเฮนดริค มาเรีย บริเอลล์ ผู้เป็นพ่อ และแจนท์ แวน สคิฟ ผู้เป็นแม่ ทั้งสองเสียชีวิต'
ศาสนาจารย์หยิบสมุดทะเบียนของโบสถ์มาค้นหาชื่อในที่สุดก็เจอชื่อของแจนท์ แวน สคิฟ ระบุว่าเธอเสียชีวิตในวันที่ 4 ธันวาคม 1662 อายุ 23 ปี แต่ในทะเบียนไม่ปรากฏชื่อของแฮนด์ริค
"จากข้อมูลนี้ ผมคิดว่าผู้เป็นสามีคงจะเสียชีวิตไปก่อน จากนั้นผู้เป็นแม่ก็เสียชีวิตลง ทารกจึงถูกพามาเลี้ยงที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า" เมอร์คิวเรียสกล่าว
"ท่านครับ ดูจากชื่อกลางของผู้เป็นพ่อ บ่งบอกว่าเขาเป็นคาทอลิกนะครับ" ศาสนาจารย์ตั้งข้อสังเกต
"แต่ศพของผู้เป็นแม่ถูกฝังไว้ที่นี่ไม่ใช่หรือครับ?"
"ถึงพวกเขาเป็นคาทอลิก แต่ว่าที่นี่ไม่มีโบสถ์คาทอลิก โบสถ์ของเรายินดีต้อนรับชาวคริสต์โดยไม่แบ่งแยกครับ"
เมอร์คิวเรียสฟังแล้วอดที่จะชื่นชมความใจกว้างของนักบวชที่นี่ไม่ได้
"เอ...แต่ผมสงสัยว่าทำไมแอนนาจึงถูกส่งตัวไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เฮกครับ?"
"อาจเป็นเพราะที่นี่ไม่มีสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าก็เป็นได้ครับ"
"แล้วก่อนที่แอนนาจะถูกส่งไปเฮก ใครจะเป็นคนให้นมเธอล่ะครับ?"
"เรื่องนี้ผมคงตอบท่านไม่ได้ แต่มีอยู่คนหนึ่งที่น่าจะตอบท่านได้ครับ เธอชื่อริค เป็นหมอตำแยของหมู่บ้านนี้ ท่านลองไปพูดคุยกับเธอดูนะครับ"
เมอร์คิวเรียสเดินไปตามทางที่ศาสนาจารย์บอกจนเจอบ้านของริค ขณะนั้นเธอกำลังซักผ้าอยู่พอดี เมอร์คิวเรียสได้ทำความรู้จักกับเธอจนเธอไว้ใจ เมอร์คิวเรียสรู้สึกว่าเธอเป็นคนร่าเริง อารมณ์ดี
"ฉันยังจำแจนท์ได้ดี เธอเป็นคนน่าสงสารมาก พอเธอคลอดลูกคนแรกแล้ว สุขภาพของเธอก็ย่ำแย่ลงไม่ดีขึ้นเลยแถมยังมีไข้สูงอีก หลังจากคลอดลูกได้เพียงหนึ่งเดือนเธอก็เสียชีวิต น่าเสียดายที่ฉันจำไม่ได้ว่าใครให้นมทารกกินแทนแจนท์ แต่ในตอนนั้นที่หมู่บ้านเราก็มีแม่หลายคนที่เพิ่งคลอดลูกแล้วลูกตาย สามารถให้นมได้"
"แล้วแจนท์ไม่มีญาติพี่น้องอื่นเลยหรือครับ?"
"เธอไม่มีญาติพี่น้องอื่นนอกจากสามีเท่านั้นค่ะ"
"แล้วสามีของแจนท์เสียเมื่อไหร่ครับ?"
"เสียชีวิตหรือ? ใครบอกท่านคะ? เขายังไม่ตายค่ะ"
"จริงหรือนี่! เฮนดริค มาเรีย บริเอลล์ ยังไม่ตาย"
"ไม่ผิดหรอกค่ะ เขาเป็นกลาสีเรือ ตอนเจนท์คลอดลูกเขายังออกทะเลอยู่เลย ส่วนตอนนี้ฉันไม่ได้เจอเขาหลายเดือนแล้ว รู้แต่ว่าเขาออกทะเลไปอิสต์อินดียส์ค่ะ"
"เวลาเขากลับมาที่นี่เขาจะพักที่ไหนหรือครับ?"
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนที่เมียเขาตายบ้านที่เขาอยู่ก็ถูกเอาไปให้คนอื่นเช่าแทน ท่านลองไปถามคนที่โบสถ์ชาวเรือดูสิคะ เขาอาจบอกท่านได้"
เมอร์คิวเรียสรีบเดินไปที่แหลมซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์ชาวเรือ ริคบอกเขาว่าโบสถ์แห่งนี้เป็นที่พึ่งพายามยากของเหล่าชาวเรือเวลามีความทุกข์
ศาสนาจารย์ที่โบสถ์แห่งนี้เป็นคนหนุ่ม เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากเมอร์คิวเรียสแล้ว ศาสนาจารย์ได้พาเมอร์คิวเรียสไปพบผู้เฒ่าคนหนึ่งซึ่งเคยเป็นคนเฝ้าโบสถ์แห่งนี้
ผู้เฒ่ามีชื่อว่าฟรานซีสคัส สโตมพ์ มีอายุถึง 82 ปีแล้ว แต่สุขภาพยังแข็งแรงมาก ผู้เฒ่าเล่าเรื่องของบริเอลล์ว่า
"บริเอลล์ผู้น่าสงสาร เขากลับมาหลังจากที่ได้ออกทะเลไปแอฟริกาเป็นเวลานาน ก็รีบมาบ้านเพื่อเจอหน้าภรรยาและลูกสาวที่เพิ่งคลอด แต่เขามีโอกาสอยู่กับครอบครัวได้เพียงไม่กี่วันก็ต้องออกเดินทางไปอิสต์อินดีส์อีก ซึ่งครั้งนี้ต้องไปนานถึง 18 เดือน
เมื่อเขากลับจากอิสต์อินดีส์ เขาก็รีบกลับไปหาภรรยาและลูกสาวทันที แต่เขากลับเจอคนแปลกหน้าแทนในบ้านที่เขาเคยอยู่ คนในบ้านไม่รู้ว่าภรรยาและลูกสาวของเขาไปไหน
บริเอลล์วิ่งไปตาม ถนนอย่างคนเสียสติ ถามหาทุกคนที่เขาเจอ จนได้รับคำตอบว่าภรรยาเขาตายแล้ว ส่วนลูกส่วถูกส่งไปเลี้ยงที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เฮก"
"แล้วตอนนี้คุณบริเอลล์ยังออกทะเลอยู่หรือเปล่าครับ?"
"ผมไม่คิดว่าเขาจะออกทะเลนะครับ เพราะผมเพิ่งเจอเขาเมื่อเดือนที่แล้วเอง อีกอย่าง วันแรกที่เขากลับมาก็ยังมานอนที่โบสถ์ชาวเรือ เพราะที่นี่อบอุ่น เขาได้บอกผมก่อนออกไปจากโบสถ์ว่ามีเรื่องต้องไปทำ"
"แล้วผมจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นคุณบริเอลล์ ถ้าผมเจอเขา?"
"เรื่องนี้ง่ายมาก ผมของบริเอลล์มีสีแดงอย่างเด่นชัดเลยครับ"
จบตอนที่ 48
โปรดติดตามตอนต่อไป
ฝากติดตามเพจ สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
ขอบคุณทุกท่าน
สุธีร์@อ่านเอาเพลิน
โฆษณา