27 พ.ย. 2023 เวลา 07:15 • ความคิดเห็น
เรื่องของอารมณ์ คนเรานั้นมันอยู่กับอารมณ์กรรม มีกรรมที่เป็นอารมณ์ปกปิดจิต อยู่เหนือจิต บางที่เค้าก็ว่า จิตของเราที่อาศัยอยู่ในเรือนกายนั้น ก็ถูกห้อมล้อม กักขังเหมือนอยู่ในคอก จิตนั้นก็เสพอารมณ์นั้นเป็นเหมือนอาหารว่าง ยึดอารมณ์ทิฐิความเห็น เห็นตัวเองดีแล้ว ก็คือยึดมั่นถือมั่นอารมณ์นั้น เป็นอัตตา แยกอารมณ์กับจิตนั้นไม่ออก
จิตนั้นเหมือนน้ำ อารมณ์ก็เหมือนสิ่งสกปรก โคลนตม ที่อยู่ในน้ำ ..จิตเราก็เหมือนอยู่กับโคลนตมที่เป็นอารมณ์กรรมต่างๆ แล้วจิตนั้นก็ไม่กำลัง ไม่รู้ว่า จะนำโคลนตมนั้นออกไปจากกายจากจิตได้อย่างไร นั้นก็คือ เรื่ิองราวที่ว่ากิเลสร้อยรัดจิตของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
วิธีที่จะสลัดละอารมณ์ นั่นพระพุทธเจ้า ท่านก็แนะให้ปฏิบัติธรรม ในรอยทั้งสี่ ที่อัครสาวกของท่านก็นำไปปฏิบัติตาม เรื่องราวของอารมณ์โลภโกรธหลง นั่น วิธีทำบุญสร้างกุศล ก็ช่วยดึงอารมณ์กรรม นั่นออกไปกับวัตถุที่เรายึดออกไป จิตมันยึด ..นี่ของเรา บ้านของเรา เงินทองของเรา เราก็หัดแบ่งปันเล็กๆน้อยๆ ให้เกิดเป็นบุญกุศล ทำแล้วเมื่อหลุดจากมือเราไป ก็ไม่ใช่ของเราแล้ว
เรื่องของจิตที่จะสอนตัวเองได้ ต้องมีสติสัมปชัญญะ ที่ว่องไว สังเกตุตัวเอง รู้จักอารมณ์นึกคิดของตัวเอง รู้จักว่าอารมณ์นึกคิดนั้นไม่ดี ก็หยุดอารมณ์นั้นเสีย เพื่อแก้ไขอารมณ์นั้น .คราวนี้มันก็มีบุคคลที่เราอยู่รอบข้าง บุญกุศลก็ไม่ทำ การประพฤติปฏิบัติธรรมก็ไม่มี ..เค้าก็ไม่มีโอกาสรู้จักเรื่องราวของอารมณ์ ที่เค้ารู้จักว่าเป็นกรรมได้เลย
เค้าก็เป็นผู้ที่ยินดียึดอารมณ์นั้นเป็นจิต ..เค้าไม่สามารถจะทำให้เห็นว่า อารมณ์ที่ปรุงแต่งเรือนกายนั้น กายกรทำตามอารมณ์นั้น คือ กรรม.. จะไปบอกว่าเค้าก็ไม่ได้ เพราะเค้าไม่รู้จักกรรม ไม่รู้จักบุญกุศล ไม่รู้จักว่า ธรรมนั่นช่วยให้จิตคลายจากอารมณ์นึกคิดไปได้
พอเราบอกเค้าว่า ใช้อารมณ์อย่างนี้ไม่ดี ..มันก็กายเป็นว่า เราไปติเตียน รังเกียจเค้าไป ..เพราะว่ากรรมนั้นไม่เปิดโอกาศให้เค้า ..หยุดอยู่เฉย ..แล้วก็พิจารณาอารมณ์ที่เค้าใช้ แล้วเค้าก็ไม่สามารถ เรียนรู้ไปจนถึงพิษของอารมณ์ได้ หากเค้ารู้จัก พิษภัยของอารมณ์ เค้าก็ย่อมอยากจะแก่ไข ปรับปรุงตัวเอง แต่นี่เค้าไม่รู้จักอารมณ์กรรมเลย เราก็อยู่เฉย..ไม่รู้จะไปกวนให้น้ำมันขุ่นทำไม น้ำที่ขุ่นคล้องหมองใจกัน มันไหลออกมา ..คือ ก็ต้องหยุด อยู่เฉย ไม่ไปกวนให้น้ำมันขุ่น สอนคนอื่นไม่ได้้เลย เราก็ต้องฝึกหัดสอนจิตของเราเอง
คนเรามักเห็นตัวเองดีแล้ว ยิ่งหลงทะเยอทะยาน ยากร่ำรวย ยศฐานบรรดาศักดิ์ พอได้มา มันก็มีหัวโขน ต้องเล่นโขนลิเก ไปตามบท..บทบาทหน้าที่ ..บางคนก็ว่า พอได้ยศศักดิ์ ก็หลงลืมตัวตน ..เค้าว่า ..มันเป็นเกียรติยศ ชื่อเสียง ได้หน้าได้ตา .ยินดีในสิ่งที่โลกธรรมแปดปรนเปรอให้ ..น่าภูมิอกภูมิใจ ..ในอำนาจวาสนา ….วาสนาที่ที่จะสร้างเวรกรรมให้มันมากขึ้นๆ
..เรื่องอารมณ์อย่างนี้ ..มันจึงมองแตกต่างกัน ..ไม่สามารถจะบอกใครได้ เราก็เพียงแต่สอนตํวเอง อย่าเผลอสติไม่ใช้เหตุผลกลั่นกรองเหตุผล ก่อนที่จะมีกิริยา ไปคล้องเวรกรรมกับคนนั้นคนนี้ เราก็ดูแลจิตของเราเอง ..ให้เกิดสันติในใจเรา ใจที่ไม่มีอะไรอารมณ์เข้ามาปรุงแต่งให้วุ่นใจ
โฆษณา